การที่ความรู้สายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ซึ่งรวมถึงศิลปะ วรรณคดีในประเทศนี้ถูกกดทับ ปิดกั้นมาโดยตลอดเพราะมัน “อันตราย”
ความอันตรายขององค์ความรู้กลุ่มนี้คือมันกระตุ้นสำนึก มโนธรรม ความรู้ดีชั่ว และอารมณ์ ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยตรรกะแบบวิทยาศาสตร์
ในขณะที่ ความรู้ในสายวิทยาศาสตร์ ถูกเชิดชู เพราะมันดูเป็นกลาง ไร้การเมือง ไร้พิษสง แต่เรากลับเห็นมิติของอำนาจผ่านผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางต่างๆ ที่ต้องอาศัยศัพท์เทคนิคและเครื่องมือที่ดูซับซ้อนและต้องอาศัยความรู้เฉพาะแบบ ซึ่งชาวบ้านหรือคนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึง
โดยผ่านการกล่อมเกลาที่ว่าความรู้แบบวิทยาศาสตร์สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางบวกได้มากกว่า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่าความรู้ชุดอื่น วิชาสายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รวมทั้งศิลปะ จึงเป็นลูกเมียน้อย หรือความรู้ระดับรองมาตลอด
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น บรรดามหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในสาขาศิลปกรรม ทั้งฟ้อนรำ เต้น เล่นละครจนถึงศิลปะ ล้วนแต่คาดหวังว่าจะมีคณะแสดงของตนเอาไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เพื่อความงาม กระทั่งแบกแห่หามตนบนเสลี่ยง กระทั่งกราบไหว้บูชาเทิดทูน มีทั้งที่ผู้บริหารสถาปนาตนเป็นเจ้าของสถาบันอย่างน่าอเน็จอนาถใจ
ในครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (ยี่สิบปีก่อน) ในเกาะกึ่งกลางระหว่างบูรพทิศกับอัสดงคตประเทศ ผมกระอักกระอ่วนใจมากที่หมอนักสันติวิธีท่านหนึ่ง เชื้อเชิญแขกไปที่มหาวิทยาลัยของตัว และบอกว่า ลูกศิษย์เขาเองนั้นมีแต่คนสวยๆ
ไม่นับว่าอธิการบดีสถาบันหนึ่ง เคยทักเพื่อนร่วมงานผมว่า สายเสื้อในของเธอมองเห็นเด่นชัดเกินไป ในระหว่างพักรับประทานอาหารเที่ยง และตัว “ทั่น” นั้นใช้ชีวิตราวเจ้าเมืองในมหาวิทยาลัยที่ตั้งไว้รอบั้นปลายชีวิต
ความทะนงและถือมั่นของบรรดาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสายวิทยาศาสตร์ยังสะท้อนออกมาในการเขียนยุทธศาสตร์ชาติ แผนกลยุทธ์ต่างๆที่พยายามเค้นเอามิติและมูลค่าทางเศรษฐกิจออกจากมหาวิทยาลัย ราวกับว่ามหาวิทยาลัยเป็นห่านทองคำของพวกเขา
แน่นอนว่า เมื่อคราวพูดถึงศิลปะ วรรณกรรม และอื่นๆ ในสายตาของพวกเขามีค่าเท่ากับภาพโปสเตอร์ในตลาดราคาไม่กี่บาท คือทำหน้าที่เป็นไม้ดอก ไม้ประดับมากกว่าจะเป็นเรื่องจรรโลงใจ ชวนกันตั้งคำถาม หรือกระทั่งวิพากษ์วิจารณ์สังคม
อีกด้านหนึ่ง ผู้เขียนจำได้เสมอ ในฐานะที่เรียนโรงเรียนระดับท็อปของภูมิภาค ที่เพื่อนฝูง กระทั่งพี่ๆตัวแสบ ได้เข้าเรียนทหารตำรวจก็ไม่ใช่พิมพ์นิยมของความฉลาด เพราะขึ้นชื่อว่าโดดเรียน เกเร บรรดาผู้เชี่ยวชาญจึงมองทหารตำรวจด้วยความดูแคลนมาตลอดเช่นกัน
แต่ถ้าจะมองอีกด้านหนึ่งของเหรียญ บรรดาคนฉลาดและทนงตนในความรู้ก็เชื่องและเขื่องอยู่ใต้ฝ่าท็อปบู๊ทได้หลายปี และไม่มีท่าทีจะรู้ตัวว่าโดนคนที่ตัวเองคิดว่าโง่ที่สุดในห่วงโซ่ของความรู้คุมสายจูงมานาน และจะจูงพวกเขาต่อไป
บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
รถบัสนำผมมาถึงเมืองชิคาโกในเวลาสองทุ่มครึ่ง รถจอดที่สถานีปลายทาง Union Station แม้จะเคยมาเมืองนี้ แต่คราวนี้มาคนเดียว และนัดเพื่อนที่ไม่เจอกันเกือ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เราตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจะเดินไปบ้านอาจารย์แคทเธอรีน บาววีเพื่อยืมรถอาจารย์ไปเที่ยว อา
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
แม้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศที่นี่ยังคงเย็นอยู่บ้าง ในคืนที่ผ่านมาอากาศเย็นสบาย เมื่อเราซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ที่พัก เราเดินกลับบ้านได้สบายๆ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
อย่างที่เคยเล่ามาในตอนก่อนๆ ว่า หนึ่งในความสุขเล็กๆ ของพวกเราคือการได้ไปกินติ่มซำวันเสาร์ (อาจจะมีคนเติมว่าไม่เอาเผด็
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนรุ่นก่อนช่างกล้าหาญนัก กล้าเดินทางเข้ามาในดินแดนที่ไม่รู้จัก เพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าการเดินทางของมนุษย์เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ชีวิตยิ่งมหัศจรรย์กว่า ในความผันแปรเปลี่ยนของมนุษย์
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมเขียนบทความชุดนี้มาหลายเดือน มาถึงตอนนี้ นับว่าเป็นชุดบทความที่ยาวไม่น้อย
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เมื่อปี พ.ศ.2532 เดือนมิถุนายน ยังไม่รู้ประสีประสาทางการเมือง ในขณะที่เพื่อนๆ พี่ๆ พากันขึ้นคัทเอาท์สนับสนุนประชาธิปไตยในจีน และมีกิจกรรมต่อเนื่องหลังจากที่นักศึกษา ประชาชนถูกล้อมปราบที่ลานหน้าพระราชวังต้องห้าม
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งที่ผมได้มีโอกาสผ่านไปมักมีเรื่องราวให้จดจำ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของภูมิทัศน์ เอ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
Today is the 5th year to commemorate the day that Abhisit Vejjajiva started cracking down the United front for Democracy against Dictatorship (UDD) camp site on Rajadamri. It started with the killing of Seh. Daeng or Gen. Kattiya Sawasdiphol.