Skip to main content


เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก

จากวันแรกที่ภาวนามาจนถึงวันนี้ ผมมั่นใจว่าในการเริ่มต้นของการภาวนาที่เราได้พบ เห็นสภาวะต่างๆ นี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่เรา “วางใจ” ให้ถูกที่ ถูกฐานตามแต่จริตของเรา ซึ่งใครที่ชอบ ภาวนาแล้วสบาย ไม่อึดอัด ทำแล้วมีความสุขก็สามารถทำได้เลย


ฐานของการภาวนา เอาแบบหลักๆ ง่ายๆ นั้นมี 2 ฐาน คือ “ฐานกาย” และ “ฐานจิต” ก่อนที่จะเริ่มต้นภาวนาแรกๆ เราอาจต้องสำรวจตัวเองสักนิดว่ามี “จริต” อย่างไร คือ หากเราเป็นคนที่อยากสวย อยากงาม หรือ ชอบความสงบ เราจะเริ่มต้นภาวนาโดยการใช้ “ฐานกาย” หรือ หากเราเป็นคนคิดมาก ฟุ้งซ่าน เราจะเริ่มต้นภาวนาโดยการใช้ “ฐานจิต”


การเริ่มจากฐานกายนี้ ก็อาจจะทำได้ทั้งการทำสมาธิให้เกิดจิตที่ตั้งมั่นแล้วเมื่อถอนจากสมาธิเราก็ดูสภาวะจิตที่เปลี่ยนแปลงไป และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของกายและจิต หรือหากใครที่ทำสมาธิยังไม่ชำนาญก็อาจจะใช้วิธีตามดูกายของเราที่เคลื่อนไหวไปมาก็ได้ เพียงแค่เรารู้ลงในปัจจุบันขณะ


ส่วนการเริ่มต้นจากฐานจิต ก็ทำได้โดยการตามรู้จิต เห็นความคิด เห็นความเผลอ ความหลง ที่ใจเราแปรเปลี่ยนไปในแต่ละขณะ มองเห็นอาการต่างๆ ของจิตที่เกิดขึ้น โดยรู้ลงในปัจจุบันขณะเช่นกัน


การภาวนาโดยฐานใดก็ตาม เราจะไม่ไปแทรกแซงกายและจิตของเรา คือ เราเพียงสักว่ารู้ สักว่าเห็นตามความเป็นจริงเท่านี้ก็พอ หากเกิดความคิดก็รู้ว่ากำลังคิด หากเกิดความโกรธก็รู้ว่ากำลังโกรธ หากกระพริบตาก็รู้ว่ากระพริบตา หากหายใจออก หายใจเข้า ก็รู้ว่าหายใจออก หายใจเข้า รู้ลงปัจจุบันตามความเป็นจริง


การวางใจไว้ที่ฐานแต่ละฐานนี้ ในขั้นเริ่มต้น อาจต้อง “จงใจ” ไปรู้สักนิด แต่ไม่ต้องถึงขั้นว่ามัวไปเพ่ง ไปตั้งท่า ว่าอยากจะรู้ อยากจะเห็นอะไร เราดูกายดูจิต เหมือนเราชำเลืองมองคนที่เราชอบ เห็นเขา แต่อย่าให้เขารู้ว่าเขาเห็นเรา ถ้าเขารู้ว่าเรามองเขาอยู่เขาจะไม่แสดงอาการอะไรให้เรารู้มากนัก ต้องค่อยๆ ชำเรืองดู ทีละนิด


เมื่อเราเห็นสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในกายและในจิตได้แล้ว ในระดับต่อมา ก็ขอรู้ไปโดยอัตโนมัติ คือ เดี๋ยวเราก็รู้ที่กาย เดี๋ยวเราก็รู้ที่จิต สลับกันไปมาในแต่ละขณะๆ ส่วนการภาวนานั้นอาจมีทั้งแบบใช้สมาธินำปัญญา หรือ ปัญญานำสมาธิ หรือแม้แต่การทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน ก็แล้วแต่ “กำลัง” ของจิตของแต่ละคน


วันนี้ที่เขียนเรื่อง “การวางใจ” ก็เพราะมองเห็นว่าตัวเองเิ่พิ่งจะรู้ว่า การภาวนาที่จะเห็นผลได้ชัด เห็นผลได้เร็ว คือ เราควรวางใจให้เป็น ให้เหมาะกับจริตของตัวเอง และเมื่อภาวนาแล้ว เราจะรู้สึกสบาย ไม่เครียด ไม่ตึง ไม่หย่อนจนเกินไป ยิ่งทำแล้วมีความสุขที่ได้เห็นความจริงที่ปรากฎ


เมื่อวางใจให้เป็นแล้ว เราก็จะเห็นสภาวะจิต สภาวะธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น และดับลง ที่แปรเปลี่ยนไปในขณะต่างๆ ซึ่งเราไม่ต้องไปคิดว่าแบบนี้เรียกสภาวะอะไร แบบนี้มีชื่อว่าอะไร เพราะยิ่งจะเป็นการติดในสมมุติบัญญัติไปอีก เราทำเรื่องนี้ได้ง่ายเพียงรู้ไปเรื่อยๆ เมื่อรู้แล้วก็รู้ เอาแบบ “รู้” ตัวเดียวเลยครับ ยิ่งทำให้เกิดเหตุ และผลจะนำไปสู่สภาวะรู้ ตื่นและเบิกบาน ณ ปัจจุบัน อยู่ต่อหน้าต่อตาตัวเราเองเลยครับ...

 

 

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก