Skip to main content

คำอวยพรจากเพื่อนๆ พี่น้อง หลายๆ คน ส่งมายังผมหลายฉบับ ทำให้เกิดความปีติยินดี ที่ได้รับคำอวยพรอย่างยิ่ง และผมก็ได้ตอบกลับไปยังเพื่อนๆ พี่น้อง ทั้งที่ส่งมาและไม่ได้ส่งมา อีกหลายๆ คน การให้พรจึงเสมือนเป็นการให้กำลังใจและบอกให้กันและกันรู้ว่ายังคงระลึกถึงกันอยู่เสมอ


ในค่ำคืนปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งท้ายปีเก่า หรือ ต้อนรับเช้าวันใหม่ ผมอยู่ที่บ้านที่เชียงราย และได้ตั้งใจที่จะให้คืนสุดท้ายของปีนี้ เป็นการก้าวเข้าสู่เช้าวันใหม่ด้วยความมีสติรู้สึกตัว โดยการเดินจงกรมภายในบริเวณบ้าน ในช่วงระหว่างที่เดินตอนกลางคืน มีเสียงพลุ เสียงโห่ร้อง เสียงไชโย ดังขึ้นทั่วบริเวณหมู่บ้าน


ผมอธิษฐานให้กับทุกๆ ชีวิต อธิษฐานให้กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ญาติ เพื่อน และสรรพชีวิตทุกๆ ภพภูมิ คืนข้ามปีนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผ่านความรัก ความปรารถนาดีไปยังสรรพชีวิต และใจจึงบังเกิดความชุ่มชื่น ปีติ และอิ่มเอมยิ่ง เมื่อได้เจริญสติภาวนาและเมตตาภาวนาในคืนนี้


ในแง่ของวันสิ้นสุดแห่งปีแล้ว ใครหลายคนที่กำลังมีความสุขกับการเฉลิมฉลองกับเพื่อนๆ พี่น้อง ก็ถือเป็นวาระสำคัญอย่างหนึ่งที่จะได้พบปะ และมีความสุขร่วมกัน ขณะที่บางคนอาจใช้โอกาสนี้ในการทบทวนตัวเอง ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงภายในของตนจากการปฏิบัติเจริญสติ


เราอาจจะลองสังเกตตัวเองดูว่า ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ใจเราเป็นอย่างไร มีความทุกข์มากหรือน้อยเพียงใด มีความยึดมั่นในตัวเองอย่างไร มีความโลภความอยากอย่างไร มีความโกรธหงุดหงิดขุ่นเคืองใจอย่างไร มีความหลงเผลอขาดสติอย่างไร หรืออาจจะดูว่าในการภาวนาที่ผ่านมามีใจตั่งมั่น ไม่หลงไปยินดี ยินร้ายและเป็นกลางกับสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรบ้าง


บางคนที่ได้การบ้านจากครูบาอาจารย์ เช่น ท่านบอกว่าเพ่งแรงให้มาเคลื่อนไหวเยอะๆ เมื่อทำการบ้านแล้วผลเป็นอย่างไร บางคนท่านอาจบอกว่าฟุ้งเก่งอยู่ การตรวจสอบว่าจากการทำการบ้านของตัวเองแล้วเป็นอย่างไรบ้าง และอีกหลายๆ จุดที่แต่คนละคงจะได้คำแนะนำจากครูบาอาจารย์ที่สอนในแนวทางของตัวเองมา


สำหรับผม เมื่อมาทบทวนดูตัวเองแล้ว สังเกตเห็นว่าใจยังมีความขยันที่จะตามรู้ ตามดูกายและจิตอยู่ ยังมีความเพียรที่จะภาวนา แม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดสภาวะทุกข์ใจ เบื่อหน่ายหลายๆ อย่างในชีวิต และยิ่งได้เห็นกิเลสลึกๆ ที่ละเอียดบ่อยๆ ก็ทำให้ยังมีความอดทนที่จะเดินไปในแนวทางมรรควิถีนี้ต่อไป


แม้ว่าบางครั้งจิตจะมีความสุข เบิกบาน หรือ มีความเสื่อม จมแช่ไปกับอารมณ์ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในกายและใจที่ทำให้เราเห็นตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั่งมั่น ไม่หลงไปยินดี ยินร้าย และเป็นกลางต่อสภาวะต่างๆ เหล่านั้น


ผมจึงมีความรู้สึกดีใจ และยากจะหาคำใดๆ มาอธิบายในสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่ เพราะความทุกข์และความสุขที่เข้ามา ยังมีบางอย่างที่อยู่เหนือสุขทุกข์ที่ใครหลายคนก็ปรารภนาที่จะสัมผัสและพานพบ นี่จึงเป็นของขวัญปีใหม่ ของขวัญวันใหม่ของชีวิตที่เกิดขึ้นมาในภพชาตินี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มาเรียนรู้คำสอนของพระพุทธศาสนา และได้มาเจริญสติปัฎฐาน และที่สำคัญได้พบกับกัลยาณมิตรพ่อแม่ครูบาอาจารย์ญาติธรรมอีกหลายคน ขอบคุณทุกๆ ท่าน นะครับ ที่ทำให้ผมได้เดินมาถึงวันนี้...และจะเดินต่อไป ในทุกๆ ก้าวของชีวิตด้วยคำอวยพรที่เป็นความเพียรแห่งความรู้สึกตัวในแต่ละขณะๆ

 

 


บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
มีเรื่องหนึ่ง ที่อยากเตือนตัวเองมากๆ นั่นคือว่านักภาวนาหลายๆ คน พอภาวนาไปแล้ว ก็เริ่มคิดว่าเป็นนักภาวนา บางทีเราก็หลงไปสร้างภาพความเป็นคนดีขึ้นมาทันที จนลืมนึกถึงไปว่าเราภาวนาเพื่อเห็นความจริง และความจริงนี้ก็เป็นความจริงธรรมดาของกายและใจเท่านั้นเอง
พันธกุมภา
ช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ผมตั้งใจอธิษฐานในการภาวนาในรูปแบบอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง หรือ “เนสักชิก” ซึ่งเป็นธุดงควัตร นั้นหมายความว่าช่วงกลางคืนผมจะไม่นอนหลับ แต่จะเจริญสติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หัวค่ำจนถึงช่วงสว่าง และใช้ชีวิตต่ออย่างปกติ
พันธกุมภา
สำหรับเรื่องป่าเขา มีเรื่องหนึ่งที่ผมจำได้ ตอนนั้นในการเข้าร่วมคอร์สภาวนาแห่งหนึ่ง อาจารย์ผู้นำกระบวนการ ได้เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมทุกคน ได้ร่วมหาคำตอบของชีวิตโดยการเข้าไปในป่า และอยู่ตรงนั้นเพื่อหาคำตอบให้กับชีวิตของตัวเอง โดยการอยู่เงียบๆ และอยู่กับตัวเองคนเดียวให้มากที่สุด ไม่พูดไม่คุยกับใคร และรอคำตอบที่เกิดขึ้นในใจของเรา
พันธกุมภา
ชีวิตในการอยู่ท่ามกลางขุนเขา ป่าไม้ ร่มไพร ลำธาร เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ได้มีอากาสเฝ้ามองใจของตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง เป็นบรรยากาศที่เห็นอาการต่างๆ เกิดขึ้น แปรเปลี่ยนไป ตามการปรุงแต่งของอารมณ์และสิ่งที่เข้ามากระทบภายนอก ทั้งการดูผ่านตา ได้ยินผ่านหู ได้กลิ่นผ่านจมูก ก็ตาม
พันธกุมภา
ผมชอบเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพราะจะทำให้จิตใจตัวเองเกิดอารมณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งที่ไม่ค่อยจะเกิด เช่น ความขุ่นเคืองใจในการตากแดด ความกลัวจากการเดินในป่าช้า ความเหนื่อยจากการเดินหลงทาง เป็นต้น ซึ่งการหาสิ่งใหม่ให้ใจได้รู้ได้เห็นนี้จะช่วยให้เห็นสภาวะต่างๆ เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ถือเป็นอุบายหนึ่งในการภาวนา
พันธกุมภา
การเจริญสติในช่วงที่อยู่ที่วัดป่าสุคะโต ภายหลังจากผ่านบททดสอบแรกเรื่องการเดินจงกรมที่ผมมัวแต่ไปตั้งท่าว่าอยากรู้อยากดูสภาวะแล้ว ก็ได้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นว่าตัวเองนั้นเผลอไปจ้องมองเสียนาน
พันธกุมภา
การเดินทางมาเจริญสติที่วัดป่าสุคะโตในช่วงก่อนเข้าพรรษานี้ แม้ว่าที่พักจะไม่เพียงพอแต่ผมก็ได้นอนด้านบนศาลา ซึ่งมีผู้คนมาจากหลายๆ ที่มาร่วมเจริญสติ และยังมีคณะผ้าป่าที่มาร่วมทอดผ้าป่าอีกด้วย ครานี้ที่วัดจึงแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา อยู่ในวัยเด็กเล็ก ไปจนถึงผู้สูงอายุ
พันธกุมภา
วันเข้าพรรษาปีนี้ผมมีความตั้งใจกับตัวเองที่จะภาวนาให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นโดยการเจริญสติในรูปแบบอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความอดทน พากเพียรให้กับตัวเอง ในการมีสติสัมปชัญญะมากยิ่งขึ้นกว่าชีวิตปกติที่ผ่านมา
พันธกุมภา
 สวัสดีประชาไท สวัสดี ผองน้องพี่ ประชาไทสบายดี กันไหม ให้ถามหาได้พบกัน แบ่งปันธรรม แต่นานมาขอขอบคุณ วิถีพา เราพบกัน
พันธกุมภา
  เรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว, ปลายฝนต้นหนาว อากาศร้อนระอุไปทั่วแผ่นฟ้า ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมานั่งพักผ่อนอยู่นิ่งๆ คนเดียวมานานแล้ว เพราะหน้าที่การงานที่มากมาย ทำให้ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาของผมเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า เพียงเพราะผมมุ่งแต่จะทำงาน แต่ไม่ได้มีโอกาสได้ดูแลคนที่ผมรักเลยแม้แต่น้อย ผมทำงานที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง เราทำงานเพื่อสังคม มีอุดมการณ์ที่อยากเห็นคนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี งานที่เราทำเป็นงานเพื่อส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของคนอื่น ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องมีเวลาให้กับงาน ให้กับคนอื่นมากกว่าการดูแลตัวเองและการดูแลคนที่ผมรัก
พันธกุมภา
ชีวิตเกิดมาหนนี้ สิ่งที่ต้องการสูงสุดคืออะไร? คำถามนี้ ถามแล้ว ถามอีก ใจคอยถามอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการอะไร ปรารถนาสิ่งใด ทำไมยังไม่มุ่งไปทางนั้นให้เต็มที่ ไยจึงกลัวที่จะเลือก ที่จะตัดสินใจ แม้ว่ารู้และเห็นว่าความน่ากลัว สังเวช อนาถใจของการเวียนว่ายนี้มีมากน้อยเพียงใด แต่เหตุใด ใจจึงไม่เคยหลุดออกจากสมมุติมากมายที่เกาะกุมเราไว้
พันธกุมภา
ช่วงหลังๆ นี้ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับญาติธรรมกัลยาณมิตรหลายๆ คน ซึ่งแต่ละคนก็เจอสภาวะจิตที่แตกต่างกัน มีรูปแบบการภาวนาที่แตกต่างกัน ตามจริต ตามเหตุ ปัจจัยของแต่ละคน ทำให้แต่ละคนเจอกับสภาวะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และมีความรู้ ตื่น เบิกบาน ที่มากมายคละกันไป กัลยาณมิตรที่ร่วมสนทนากันนี้มีอยู่ในหลายวัย หลากอาชีพ และมีความสนใจในการภาวนาที่แตกต่างกัน บางคนมีปัญหาเรื่องความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหากับที่ทำงาน ปัญหากับการเรียน และก็ล้วนแต่มองเห็นว่าการภาวนาโดยการเจริญสติรู้กายรู้ใจในชีวิตประจำวันนี้จะทำให้ตัวเองได้เข้าใจความทุกข์และพ้นจากความทุกข์