Skip to main content

มีนา

ถึง พันธกุมภา

อายุ...วัย หากเราเพียงแบ่งแค่ผู้ใหญ่กับเด็กเหมือนกับสังคมทั่วๆ ไปเขามองกัน เราอาจจะมองเห็นคนแค่ 3 กลุ่มในช่วงชีวิต คือเด็ก วัยทำงาน และผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงของชีวิต ทั้งการเข้าสู่การเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตทั่วไป เราต้องเคารพคนที่อายุมากกว่าเราหรืออาจจะต้องนับถือคนที่อายุน้อยกว่าเราแต่มีคุณสมบัติมากกว่า

คุณสมบัติทั้งการศึกษา การใช้ภาษาอังกฤษ ครอบครัวมีฐานะดี พ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างดี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ พี่ขอเรียกว่าเป็น “คุณสมบัติทางโลก” ซึ่งอาจจะไม่ใช่ “ความดี” ที่เมื่อก่อนได้รับการให้คุณค่าอย่างสูง ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยใด ความดีไม่มีอายุ หากแบ่งแยกกับความไม่ดี/ความชั่ว เท่านั้น

“ธรรม” แห่งพระพุทธองค์ไม่ได้เลือกว่า คนๆ นั้นจะสนใจอะไรในการทำความดี คำว่า “กระแส” สำหรับพี่จึงเท่ากับ “ฮิต” อย่างเช่น กระแสสังคมที่มองว่าวัยรุ่น “เปราะบาง” ป้อนสิ่งใดเข้าไปก็รับง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องไม่ดี  ที่ทำให้ผู้ใหญ่ตกใจและตื่นเต้นมากมาย สิ่งเหล่านี้เห็นอยู่ในหน้าข่าวบ่อยๆ

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ข่าวดีของเด็กมักไม่เป็นที่สนใจและกล่าวถึง ทั้งๆ ที่มีข่าวดีๆ อยู่มาก อย่างเช่น การสอบเข้าเรียนต่อ การได้รับทุนการศึกษา เด็กที่ช่วยเหลือพ่อแม่ทำงาน ฯลฯ แต่ข่าวที่ได้รับความสนใจกลับเป็นเรื่องเด็กวัยรุ่นกระทำความรุนแรง หรือตกเป็นเหยื่อของการถูกกระทำความรุนแรง กลับได้รับความสนใจอย่างมากมาย เช่น เด็กติดเกม เด็กตบตีกันแล้วถ่ายเป็นคลิปมือถือ...แล้วคนรุ่นก่อนหน้านี้ ไม่เคยกระทำความรุนแรงต่อกันเลยหรืออย่างไร ทำไมจึงกล่าวร้ายเฉพาะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เท่านั้น

ในสมัยพุทธกาลก็ยังมีคนที่ทำสงคราม เป็นทหาร เป็นอันธพาล ทั้งๆ ที่มีพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นครูที่ดี สามารถล่วงรู้ถึงการบรรลุธรรมและช่วยชี้แนะให้คนๆ นั้นสามารถเข้าถึงทางธรรมในรูปแบบต่างๆ ได้ ดังเช่น ท่านองคุลีมาร แม้มีบุญมากแต่ก็มีกรรมหนักเช่นกัน พระพุทธองค์ต้องตัดสินใจที่จะช่วยท่านก่อนที่ท่านจะทำกรรมหนักด้วย อีกด้านหนึ่งบุญเก่าที่ท่าองคุลีมารสร้างก็น่าจะถึงเวลาแห่งการบรรลุธรรมแล้ว พระพุทธองค์เพียงกล่าวธรรมที่สะกิดใจท่านว่า “เราหยุดแล้ว...ท่านต่างหากที่ยังไม่หยุด...” หากท่านองคุลีมารไม่มีปัญญา (ปัญญาญาณ) แล้วคงไม่สามารถเข้าถึงธรรมแห่งพระพุทธองค์และเดินทางสายนิพพานได้ถึงที่สุด

ถึงแม้ท่านจะเลือกแล้วว่าจะเลือกเดินทางสายนิพพาน แต่ในระหว่างทางที่ท่านดำเนินเพื่อให้ถึงพระนิพพาน ท่านเองก็ต้องใช้กรรมเก่าที่ท่านได้ทำไว้ เนื่องจากท่านฆ่าคนมากมาย ท่านต้องอดทนกับความเกลียด ความกลัว ความไม่เชื่อถือท่านในฐานะพระอริยบุคคลจากชาวบ้าน ญาติพี่น้องของคนที่ท่านฆ่าตั้งแต่สมัยก่อนบวช

โดยตัวของท่านเอง ท่านก็ต้องปฏิบัติธรรมและเจริญธรรมไม่ต่างกับศิษย์ท่านอื่นๆ ของพระพุทธองค์ เมื่อท่านบิณฑบาตรท่านก็ต้องเผชิญหน้ากับญาติ พี่ น้อง ของคนที่ท่านเคยฆ่า แม้จะเป็นการฆ่าด้วยความหลงผิด ความไม่รู้ ท่านก็ต้องรับในสิ่งที่ตนทำ ซึ่งความน่านับถือท่านองคุลีมารอยู่ตรงที่ ท่านเป็นผู้มีขันติธรรมสูงมาก เมื่อท่านตัดสินใจว่าท่านจะเดินทางธรรม ท่านต้องปล่อยวางจากความโกรธ ลด ละ ความรุนแรง ที่แม้มีคนกระทำกับท่าน หากท่านยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านกระทำกับเขาก่อน หากก็ไม่ได้ทำให้ถึงแก่ชีวิต ทางธรรมที่ท่านเลือกนี้ ท่านต้องรักษาสันติ (peace) เอาไว้ ไม่เพียงแต่ท่านต้องรักษาความสงบภายในใจแล้ว ท่านยังต้องรักษาความสงบสันติที่ท่านจะพึงตอบผู้ที่กระทำกับท่านหรือไม่ด้วย ท่านองคุลีมารน่าจะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จากการปฏิบัติไม่น้อย แต่ท่านก็ไม่เคยตอบโต้คนที่กลับมาทำร้ายท่านเลย ไม่ว่าศิษย์แห่งพระพุทธองค์คนใดก็ไม่เคยใช้ฤทธิ์เดชในทางที่ไม่สร้างสรรค์ หรือทำให้ผู้อื่นต้องเดือนร้อน

ธรรมข้อนี้ต่างหากที่พุทธศาสนิกชนมักนำไปใช้แต่เข้าไม่ถึง การต่อสู้กับสิ่งใดๆ ด้วยความสงบสันติ ไม่ใช่เพียงแค่เราบอกคนอื่นว่า เราสู้ด้วย “สันติวิธี” หากแต่ตัวเราต้องสู้กับใจตนเองด้วยความสงบ สันติ และไม่กดอารมณ์ จนกระทั่งระเบิดเช่นเดียวกัน ดังที่ท่านองคุลีมารไม่เคยใช้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หรือร่างกายตอบโต้คนอื่น หลังจากที่ท่านเลือกเดินทางธรรมอีกเลย

อย่างไรก็ตาม แม้พระพุทธเจ้าจะมีพระสงฆ์ ศิษย์แห่งพระองค์มากมายนับไม่ถ้วน หากก็ยังมีคนอีกมากที่ไม่สามารถเข้าถึงพระธรรมหรือความรู้แห่งพุทธศาสนา ท่านก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนเข้าถึงพระธรรมได้อย่างแท้จริง หลายสังคมที่รับเอาพระพุทธศาสนาไปต่างก็นำกลับไปปรับเพื่อปฏิบัติเพื่อเข้ากับสังคมและวัฒนธรรมของตนเอง และเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รวมทั้งเงื่อนไขอื่นๆ อีกมากมาย

การที่นนท์และพันธกุมภา “ฮิตธรรมะ” ก็อาจจะเป็นกระแสใหม่ๆ สำหรับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่วัยรุ่นทุกกลุ่ม เท่าที่เห็นยังมีหนุ่มสาวอีกมากมายที่ตามกระแสอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงสอนเอ็นทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย คำติดปากสำหรับทุกคนก็ต้องถามว่า “เรียนที่ไหน...” หากได้คณะและสถาบันที่ตนเองต้องการก็ไม่เครียด ไม่กลุ้มมากนัก แต่ถ้าไม่ได้...ก็ต้องทำใจ ไม่ว่าจะ “สมหวัง” หรือ “ผิดหวัง” ก็ตาม น่าจะเป็นสิ่งที่สอนธรรมให้แก่เรา อย่างน้อยก็สอนให้เรา ปล่อย สอนให้เรา วาง ในสิ่งนั้นๆ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เราสมหวังในวันนี้ อาจจะก่อให้เกิดความผิดหวังในอนาคตก็ได้

สมัยที่พี่เรียนในระดับมหาวิทยาลัย ตอนสอบเข้าได้พี่จำได้ว่าเพื่อนๆ ที่มีที่เรียนเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาล มีความสุขมาก ยิ่งบางคนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก สำหรับพี่ ตอนนั้นรู้แต่ว่า เราไม่ต้องเหนื่อยลุ้นอีกแล้ว เรามีที่เรียนแล้ว แต่ใครหลายคนที่ไม่มีที่เรียนก็คงจะทุกข์และเริ่มหาทางใหม่ๆ เพื่อนๆ หลายคนมีความอดทนและต้องคิดค่อนข้างมาก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีฐานะดี หลายคนต้องดิ้นรน พ่อแม่ต้องขายบางอย่างเพื่อให้ลูกได้เรียน เพื่อนบางคนพ่อแม่สามารถส่งให้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชน พอมีฐานะนิดหน่อยและจัดการกับเรื่องการเรียนได้

เรื่องเรียนเหล่านี้สอนอะไรให้กับพี่?

อาจไม่ต่างกับเด็กสมัยนี้ตรงที่ พี่เรียนรู้ว่าสอบเข้าได้ เพื่อนเรียนรู้ว่าสอบไม่ได้ พี่เรียนรู้ว่าเราน่าจะเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่สอบไม่ได้ และเรียนรู้ที่จะรอรับความผิดหวังบางอย่างที่ยังมาไม่ถึง เพื่อนๆ หลายคนที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดหรือมหาวิทยาลัยเอกชนมักคิดว่า เขาเก่งน้อยกว่าเราและเรียนรู้ที่จะมีความอดทนมากกว่าเรา เลือกได้น้อยกว่าเรา แต่พี่บอกได้เลยว่า...วันนี้ยังไม่มีใครบอกได้ว่า “ประสบความสำเร็จ”

คนทุกคนต่างอยากประสบความสำเร็จ แต่จะมีสักกี่คนที่อยากบอกว่า เราอยากมีความสุขใจ เราเรียนรู้ที่จะมีความสุขได้อย่างไร

การเข้าเรียนของเพื่อนอาจผิดหวังว่าไม่ได้เรียนในสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากสังคม แต่อาจจะสมหวังที่มีครอบครัวที่ดี คอยให้กำลังใจและการสนับสนุนไม่ได้ขาดตกบกพร่อง คนที่เข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้ อาจจะผิดหวังกับสิ่งที่เลือกแต่ต้องจำใจเรียน หรือพบเพื่อนที่แย่ ครอบครัวต้องขายทรัพย์สินเพื่อมาจุนเจือ

ชีวิตของคนเรามีทั้งสมหวัง ผิดหวัง อยู่ตลอดเวลา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หากมนุษย์ปราศจากความหวังแล้วก็อาจจะไม่มีการต่อสู้ ดิ้นรนเพื่อให้ได้อะไร ทำไมเราไม่ลองถามตัวเองดูว่า เมื่อคาดหวังแล้วปล่อยวางมันได้ไหม หรืออย่างน้อยรู้เท่าทันตัวเองว่า “อ้อ! นี่มันเป็นความคาดหวังของเรา” ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องทำ ก็อาจจะพอช่วยได้บ้าง ไม่ใช่ว่าชีวิตต้องสมหวัง-ผิดหวัง ตลอดเวลา

ธรรมเริ่มได้ทุกที่ ทุกเวลา เราจะรู้ว่าธรรมง่ายกว่าที่คิด    

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก