Skip to main content

มีนา

ถึง พันธกุมภา

พี่ได้รับจดหมายที่ส่งต่อๆ กันมา (Forward mail) ฉบับด้านล่างนี้ เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (เพราะนี่เข้าเดือนที่ 6ของปีแล้ว...)

“สาส์นจากท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2008 นี้ แล้ว…คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก
ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน
2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน
3. จงปฏิบัติตาม 3 R
          3.1 เคารพตนเอง (Respect for self)
          3.2 เคารพผู้อื่น  (Respect for others)
          3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your actions)
4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์
5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม
6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ
7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข
8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน
9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง  แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป
10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง
12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต
14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ
15. จงสุภาพกับโลกใบนี้
16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง
17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่
18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ
19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง”

ท่านดาไล ลามะ (บางคนเรียก ทะไล ลามะ) ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งพระพุทธศาสนาจากธิเบต ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณให้กับคนทั่วไป ไม่เพียงแค่คนในธิเบตเท่านั้น ยังมีผู้คนที่นับถือและเคารพท่าน ทั้งคนที่เป็นพุทธศาสนิกชน และผู้นับถือศาสนาอื่นๆ และผู้ไม่นับถือศาสนาใดๆ ก็นับถือตัวท่าน

ท่านได้ให้สาส์นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “ความรัก” เมื่อเพื่อนส่งการ์ดอวยพรอันนี้มาให้พี่อีกครั้ง พี่จึงอดไม่ได้ที่จะเอามาฝากน้องพันธกุมภา หลายข้อ โดยเฉพาะเรื่องความรักจากผู้นำชาวพุทธท่านนี้ เป็นเรื่องที่คนพุทธส่วนมากตั้งคำถามอย่างมากมาย เราเคยถูกสอนมาตลอดว่า ความรัก ความใคร่ เป็นสิ่งที่ไม่ดี คือถูกอธิบายด้วยคำว่า “ตัณหา” หรือความอยาก

สำหรับพี่...ความอยากที่ไม่ได้ไปทำร้ายผู้อื่น ไม่ได้ก้าวล่วงผู้อื่น ถือเป็นสิ่งที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่เมื่อใดที่ความอยากไปบดบังหรือเบียดเบียนผู้อื่นและทำร้ายตนเอง พี่...ก็คงไม่มีความสุขนัก

ข้อ 17 และข้อ 19 (ด้านบน) เป็นการกล่าวถึง “ความรัก” อย่างมีสติ แต่...ใครสักกี่คนที่จะมีความรักอย่างมีสติ ถึงแม้จะมีสติก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ความรักจะปราศจากอารมณ์ ความรู้สึกดีใจ เสียใจ อารมณ์ที่พาไปเหล่านี้ต่างหากที่เราต้องรู้เท่า รู้ทัน เมื่อเรารู้เท่าทันแล้วเราจึงจะปล่อยวางมันได้

ความรักของคนหนุ่ม คนสาว เด็ก หรือผู้ใหญ่ก็ตาม ไม่ได้อยู่ที่อายุของผู้รักหรือผู้ถูกรัก ไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณเป็นคนรัก หรือคนที่ถูกรัก แต่อยู่ที่คุณดำเนินความรักนั้นไปอย่างมีสติ รู้เท่าทันหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของความรักแบบที่แม่รักลูก ลูกรักแม่ แฟน สามี-ภรรยา คนที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เพื่อน ญาติพี่น้องรักกัน หรือความรักในรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่อาจจำกัดด้วยคำพูดและการเขียน

ครอบครัวที่ฉันรู้จักครอบครัวหนึ่ง เป็นครอบครัวคนจีน แม่รักลูกชายคนโตมาก รักอย่างอธิบายไม่ได้ ไม่มีเหตุผล ... ความรักมักเป็นเช่นนี้ อย่าเอาเหตุผลมาอธิบายเลย... ลูกสาวอีกสองคนเสมือนเป็นองค์ประกอบหนึ่งในชีวิตของแม่เท่านั้น แม้อย่างนั้นแม่ก็ได้ให้ในสิ่งที่ควรจะให้กับลูกทุกๆ คนคือการศึกษา ส่วนเรื่องทรัพย์สินทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งชีวิตของแม่ แม่ได้มอบให้กับลูกชายคนนี้

วันหนึ่งเมื่อลูกชายมีความรักกับผู้หญิงที่มาเป็นภรรยา แม่...รู้สึกสูญเสียความสำคัญที่เธอเคยเป็นที่หนึ่งในใจของลูกรัก เธอจึงเอาเรื่องทรัพย์สินที่ให้ลูกชายดูแลมาเป็นเงื่อนไขสำคัญ เพื่อต่อรองกับความรักที่ลูกน่าจะมีต่อแม่ เธอ...คาดหวังว่า สิ่งที่เธอรักและหวังดีมาตลอดกับลูกชายนั้นจะทำให้ลูกชายหันกลับมาให้ความสำคัญกับเธอเหมือนเดิม...เหมือนเมื่อเขายังเด็ก

เมล็ดพันธุ์แห่งความรักนั้น เธอได้บ่มเพาะให้กับลูกชายที่รักมาเนิ่นนาน แต่เธอยังไม่ได้เรียนรู้แม้อายุล่วงเลยมากว่า 60 ปีว่า เธอเพาะเมล็ด แต่อาหารที่เขาเลือกเมื่อกำลังโต อากาศที่เขาหายใจเมื่อเติบใหญ่ เพื่อนที่เขาคบ ชีวิตด้านอื่นๆ ที่เขามี เป็นอย่างไร พูดง่ายๆ ก็คือ คนปลูกต้นไม้ แต่ต้นไม้ก็เติบโตด้วยต้นไม้เอง ยิ่งถ้าไม่รู้ว่าเราปลูกต้นอะไร แม้จะหวังให้มีผลผลิต แต่เมื่อต้นไม้นั้นเติบโตก็อาจจะไม่ได้มีผล ดอก หรือสิ่งใดเลย แม้แต่ร่มเงา

และหากแม่ผู้นี้ ไม่ได้เรียนรู้ที่จะมีสติรับกับต้นไม้ที่ปลูกแต่ไม่ได้ให้ผลอย่างที่เธอคาดหวังไว้ เธอ...จะตัดมันทิ้งเช่นนั้นหรือ เธอ...เลือกที่จะไม่ตัดมันและยังเลี้ยงดู ยังใส่ปุ๋ย พรวนดิน เหน็ดเหนื่อยกับการดูแลต้นไม้ต้นนี้ อย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะความรัก...อย่างขาดสติ

คนเป็นแม่ เป็นพ่อ หรือคนปลูกต้นไม้ น่าจะมีวิธีเลี้ยงดู และเรียนรู้ร่วมกันไป...

ฉันเคยได้คุยกับคนปลูกต้นผลไม้ ทั้งมะม่วง ลิ้นจี่ และอื่นๆ เขาบอกว่า แรกๆ เมื่อผลไม้ไม่ให้ผล เขาก็จะเลือกต้นที่ให้ผลไว้ และเรียนรู้ว่า ทำไมมันจึงให้ผล แรกๆ เขาอาจจะใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน ช่วยให้ผลมันออก จะมากหรือน้อยเขาก็ยอมรับว่ามันจะออกแค่นั้น ผ่านมาหลายๆ ปีเขาจึงรู้ว่า  หากจะให้ออกดอก-ผลอย่างจริงจัง เขาต้องตัด เล็ม กิ่งก้าน รดน้ำ ตามดูอย่างใกล้ขิด  หากฝนมามาก กรดน้ำก็จะมาก ปีนั้นผลที่ได้ก็จะน้อยหรือไม่มีเลย แต่ถ้าน้ำพอดี ปุ๋ยพอดี ไม่มากเกินไป ก็จะให้ผลผลิตที่ดี

การเลี้ยงลูก รักลูกก็อาจจะเปรียบได้กับการดูแลต้นไม้ หากให้อะไรมากเกินไป อย่างการให้เงินมากกินไป เอาเงินเลี้ยงลูก ลูกก็จะไม่อยากทำงาน เพราะไม่รู้ว่าจะทำเพื่อให้ได้อะไร ในเมื่อพ่อแม่ก็สามารถเลี้ยงเขาได้ตลอดชีวิต  แม้โตแล้วจะให้ต้นไม้...ลูก เติบโตเองทั้งหมดก็ไม่ใช่ ต้องเล็มกิ่ง ตัดบ้าง แต่งบ้าง อบรม...เลี้ยงดู...ว่ากล่าว ตำหนิ ในสิ่งท่ำไม่ถูกบ้าง ก็เป็นสิ่งที่แม่...คนปลูกต้นไม้ควรจะทำ ไม่ใช่เมื่อเติบโตก็ปล่อยไปตามยถากรรม ซึ่งก็ต้องทำให้พอดี เพราะการเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการในชีวิต หรือใส่ปุ๋ยหลายขนานมากเกินไป ลูกและต้นไม้ก็อาจจะเฉาตายได้

มาบัดนี้แม่คนนี้เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ เมื่ออายุจะเข้า 70 ว่าเธอเลี้ยงลูกผิดๆ รักลูกอย่างแย่ๆ แต่ก็ไม่สายเกินไป แม้ไม้อ่อนจะดัดง่าย ไม้แข็งจะดัดยาก แต่ก็ยังมีไม้ให้ดัด เธอ...ไม่ได้ตัดทิ้งหรือถอนรากโคน แต่เรียนรู้ที่จะค่อยๆ ดัด ... เป็นการเรียนรู้ที่จะรักทั้งสองฝ่ายอย่างน่าสนใจ    

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา อ่านเรื่องความกลัวของมีนาแล้ว ฉันเริ่มมองมาที่ตัวเองแล้วว่า ฉันกลัวอะไร? มาถึงตอนนี้ก็คิดได้ว่าคงไม่มีความกลัวอะไรที่น่ากลัวไปกว่าการที่เรา “ไม่รู้” ว่าตัวเอง “กลัว” อะไร ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้น – ใครสักคนเคยบอกเช่นนั้น ฉันมักเลือกสร้างความกลัวเพื่อให้ตัวเองกล้าหาญ และเอาชนะความกลัวให้ได้ เพราะความกลัวคือสิ่งที่ท้าทายจิตใจและมานะในตัวของฉัน แต่ยังไงก็ตามมีน้อยคนนักที่จะสามารถพัฒนาความกลัวที่มีอยู่ในตนให้กลายเป็นความเข้มแข็งในการดำรงชีวิตบางที เราอาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนไม่มีใครเป็นเพื่อนคอยแนะนำ ให้คำปรึกษา หรือหารือกันเรื่อง “ด้านใน” ของตนก็เป็นได้…
พันธกุมภา
มีนา
ฉันดีใจ...ที่เธอมีคนดูแลระหว่างการเดินทาง แม้ว่าเราจะเดินทางเพื่อไปปฏิบัติธรรม คนส่วนมากเขาก็มองว่าเราเติบโตมาในสังคมที่เห็นว่าการชวนดื่มเหล้า การกินอาหารร่วมกันเป็นการให้เกียรติกับผู้มาเยือน การที่เธอกล้าปฏิเสธและอธิบายความเป็นตัวเธอ นับว่าเป็นความกล้าที่จะบอกความเป็นตัวตนด้านดีของตัวเองคนจำนวนมากเกรงใจคนอื่นอย่างน่าเป็นห่วง ฉันเอง...บางครั้งยังไม่กล้าที่จะบอกถึงความเป็นตัวตน หรือความคิดจริงๆ ในเรื่องงาน หลายครั้งเป็นข้อจำกัดขององค์กร สถาบัน และเส้นแบ่งหลายๆ อย่างที่ทำให้เรา...ไม่กล้า ไม่กล้าที่จะบอกว่า เราอยากทำงานเพราะคิดถึงคนที่ลำบาก…
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา....เมื่อวางแผนการเดินทางเสร็จสิ้น และพยายามที่จะเคลียร์งานทุกอย่างให้แล้วเสร็จก่อนช่วงส่งท้ายปีเก่า ฉันเดินทางออกจากบ้านที่เชียงรายในวันที่ 24 ธันวาคม 2550 เพื่อมาจัดการงานต่างๆ เอกสารที่คั่งค้างจากการทำวิจัย ช่วงการเดินทางโดยรถทัวร์จากเชียงรายมายังกรุงเทพฯ ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เพราะกลัวหลายเรื่อง กลัวรถจะชน กลัวจะมี “มาร” มาขวางไม่ให้ได้ไปปฏิบัติคำว่า “มาร” ในที่นี้ ฉันไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เท่าที่เคยสัมผัสคือ น่าจะมาเป็นลักษณะของอุปสรรค กีดกันไม่ให้เราไปปฏิบัติ อย่างเช่นบางคนพอจะไปปฏิบัติธรรม ก็ป่วยไม่สบาย หรือ ประสบอุบัติเหตุ หรือว่าคนรอบข้างเราเช่น ญาติพี่น้อง ป่วยไม่สบาย…
พันธกุมภา
มีนาถึง พันธกุมภา…แม้ว่าฉันจะไม่ได้ไปที่วัดป่าสุคะโตกับเธอ ฉันเห็นบรรยากาศไปพร้อมกับการเล่าสู่กันของเธอ อดไม่ได้ที่จะนึกถึง “ความกลัว” ตั้งแต่เด็ก เรามักถูกขู่ให้กลัวอยู่เสมอ เมื่อพ่อแม่เลี้ยงเรามา รัก ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เด็กเล็กๆ มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นของตัวเอง เขาเพิ่งเกิดใหม่ ยังไม่รู้ว่า ไฟมันร้อน น้ำในบ่อมันลึกหรือตื้นเพียงไหน ปลั๊กไฟห้ามเอานิ้วแหย่เข้าไป อาจจะเดินไปไหนไกลๆ โดยพ่อแม่ไม่เห็นแล้วประสบอันตรายสิ่งที่เด็กไม่ได้ประสบกับตัวเอง เด็กไม่รู้ว่าอันตราย ไฟมันร้อน น้ำมันลึก เป็นอย่างไร พ่อแม่จึงมักดึงเอาสัญชาติญาณด้านลึกคือความกลัวออกมา การขู่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ…
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนาอย่างที่เธอได้บอกฉันนั่นแลว่า กว่าคนเราจะสามารถเอาใจมาอยู่กับกายได้นั้นต้องใช้เวลาและให้โอกาสตัวเองพอสมควร ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยคิดเลยว่าทำไมต้องเอาใจมาอยู่กับกาย หรือเอากายมาอยู่กับใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้รู้ว่าควรทำอย่างไร ควรทำเมื่อไหร่บ่อยครั้งที่ “ความสุข” ทางโลก ที่เข้ามากระทบเราทั้งทาง หู ตา จมูก ลิ้น และกาย รวมถึงใจของเรานั้นทำให้เราคิดว่านี่คือความสุขที่แท้จริง แต่หารู้ไม่ว่าการที่รับผัสสะเหล่านั้นมาปรุงแต่งก็กลับทำให้จิตใจของเรามีแต่การสร้างกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หลายคนที่เข้าถึงธรรมปฏิบัติ บางคนพบว่าความสุขทางโลกไม่ใช่ทางออกหรือคำตอบของชีวิต…
พันธกุมภา
มีนา    ถึง พันธกุมภา ฉันต้องขอบคุณ พันธกุมภา ที่เชื้อเชิญ และพยายามดึงฉันออกมาเขียน แม้ว่าจะถูกบอกว่า "น่าจะเป็นนักเขียนได้..." แต่ฉันยังไม่...แม้แต่ลงมือทำ จะเป็นได้อย่างไร หน้านี้...และหน้าที่นี้ ต้องเป็นความต้องการของพันธกุมภา ที่จะดึงฉันออกมาจากะลาเดิมเป็นแน่ สำหรับฉันแล้ว การเดินทางไปวัดป่าสุคะโต เพื่อพบหลวงพ่อเทียนของเธอ แทบจะไม่เกี่ยวข้องอะไร หากเราไม่ใช่กัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ฉันสนับสนุนให้เดินทางเพื่อไปเรียนรู้ ให้จิตอยู่กับกาย คนสมัยนี้...ฉันเองก็เป็นคนสมัยนี้ ไม่ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันของตนเอง ฉันเคยสังเกตตัวเองเมื่อต้องทำงาน…
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา,ฉันเริ่มเขียน “ธรรมตามใจ” มาได้เพียงไม่นาน ก็พบว่าอันแท้แล้ว ยังมีกัลยาณมิตรทางธรรมอีกหลายคนที่อยู่ในช่วงวัยใกล้ๆ กัน จึงน่าจะชวนกันมาแบ่งปันธรรมปฏิบัติในพื้นที่นี้ร่วมกัน มีนา, เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่ตอบรับคำเชื้อเชิญจากฉัน – เธอ เป็นผู้หญิงรุ่นพี่ ที่ฉันรู้จักมาค่อนปีทีเดียว ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเจอกันครั้งแรกที่ไหนอย่างไร เพราะผ่านมาแล้วหลายนาน แต่ก็ไม่เป็นไร คงไม่สำคัญไปกว่าการที่ต่อไปเราทั้งสองจะได้แบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เราต่างปฏิบัติเช่นกันฉันกับเธอ, พันธกุมภากับมีนา, เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมา ตัวตนทางโลกของเราอาจมีค่าเฉลี่ยของอายุที่ต่างกันอยู่มาก แต่ในทางธรรมแล้ว…
พันธกุมภา
บุคลิกภายนอกและนิสัยภายในของเขา ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเขาจะมีท่าทีสนใจในธรรมะและปฏิบัติเจริญสติอย่างสม่ำเสมอ หลายๆ คนที่รู้จักเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะมีความคิดที่อยากบวชเรื่องของเขาน่าสนใจตรงที่ว่า อยู่ดีๆ เขาก็บอกกับข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันว่าอยากจะบวช เพื่อนคนนี้ของข้าพเจ้า แต่เดิมเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แถมขี้หลีอีกต่างหาก จนวันหนึ่งตัวเองได้ไปปฏิบัติวิปัสสนา, เวลา 10 วันของการปฏิบัติ ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไป เริ่มไม่เที่ยว เริ่มไม่ดื่มเหล้า แต่ยังคงความขี้หลีสาวๆ และสูบบุหรี่อยู่ทุกๆ คนต่างรับรู้อยู่อย่างห่างๆ ว่าเขาตั้งใจปฏิบัติ…
พันธกุมภา
ดูจิต...ดูจิตคืออะไร? ข้าพเจ้ามักสงสัยตลอดเวลา เมื่อมีผู้ใหญ่ได้บอกสอนเรื่องการ “ดูจิต” บางคนถามว่าวันนี้ดูจิตเป็นยังไงบ้าง ดูจิตไปถึงไหนแล้ว แต่ละคำถามเกิดจากการติดตามผลของการปฏิบัติที่พี่ๆ แต่ละท่านต่างเฝ้าสอบถามด้วยความเป็นห่วงวันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้พบกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ท่านได้ถามข้าพเจ้าว่าชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่ไม่ได้พบเจอกันมาเสียนาน ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องการปฏิบัติของข้าพเจ้าให้ผู้ใหญ่ท่านได้รับฟัง และเราก็ได้คุยถึงครูบาอาจารย์ที่สอนการวิปัสสนากรรมฐานแต่ละหนแห่งผู้ใหญ่ท่านนี้ได้แนะนำ และชวนเชิญให้ข้าพเจ้าได้ลองปฏิบัติตามแนวทางของ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ…
พันธกุมภา
- 1 - ข้าพเจ้าได้อ่าน บทเขียนของ “กลางชล” ในนิตยสาร “ธรรมะใกล้ตัว” ฉบับที่ 29 ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550 http://www.dungtrin.com/mag  ซึ่งเป็นบทบรรณาธิการของนิตยสารดังกล่าว ที่ได้พาตัวข้าพเจ้าให้นำใจเข้าศึกษาและเรียนรู้ธรรมะจากนิตยสารธรรมเล่มนี้ในบทบรรณาธิการ “กลางชล” เล่าว่า ได้เสียงของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ดังขึ้นจากแผ่นซีดีว่า “การศึกษาธรรมะ คือการลงทุนให้กับชีวิตตัวเองนะ หลวงพ่อจะบอกให้ หลวงพ่อเองตอนอยู่กับโลก ก็ไม่ได้เป็นรองใครหรอก อยู่ในโลกก็มีความสุข แต่แล้วก็พบว่า ความสุขของโลกนี่นะ ไม่ได้เรื่องเลย ไม่ได้เรื่องเลย...”อย่างตอนเด็ก ๆ เราก็คิดว่า ถ้าเราเอนท์ติดคณะนั้นคณะนี้…
พันธกุมภา
ข้าพเจ้าเพิ่งเริ่มเข้าใจว่าชีวิตที่เกิดขึ้นมานี้มีแต่ “ทุกข์” ทั้งๆ ที่หลายเรื่องราว เราสามารถที่จะพบกับความสุขได้โดยไม่ยาก แต่นั้นอาจไม่ใช่ความสุขที่นำไปสู่การพ้นทุกข์อย่างแท้จริงชีวิตอย่างช่วงวัยของข้าพเจ้านั้น มีหลากหลายเรื่องราวที่เข้ามากระทบ ทำให้จิตใจสับสนวุ่นวายและบางคราก็ไม่สามารถที่จะหาทางออกไปสู่เส้นทางแห่งความสงบสุขได้อย่างแท้จริง ความว้าวุ่นใจที่เกิดขึ้น ได้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ข้าพเจ้าเริ่มตระหนักแล้วว่า ควรจะนำพาชีวิตของตนเองให้พบกับความสุข-สงบ-เบิกบาน อย่างเอาจริงเอาจังเสียแต่โดยพลัน แม้ว่าที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้พาตัวเองเข้าไปสู่เส้นทางของความบันเทิงเริงใจ เที่ยวผับ เธค…