Skip to main content
 

"1,000 people yell
Shouting my name
But I wanna die in this moment
I wanna die"

- 1,000 People -

Aviv Geffen เกิดและเติบโตในช่วงสงครามเลบานอนครั้งแรก ที่กองทัพอิสราเอลคิดจะเข้ายึดครองเลบานอนเพื่อยุติสงครามกลางเมือง แต่ความขัดแย้งนี้ดูจะห่างไกลจากตัวเขารวมถึงหนุ่มสาวคนอื่น ๆ ซึ่งต่างก็ดำเนินชีวิตคู่ขนานกับความขัดแย้งนี้จนแม้ปัจจุบันก็ยังไม่จบไม่สิ้น ข้อตกลงหยุดยิงไม่อาจทำให้ความตึงเครียดลดลงได้ ระเบิดนิรนามยังคงถูกยิงมาจากที่ไหนสักแห่ง

ภาพที่ดูขัดแย้งกันอย่างชัดเจนในตัว Geffen คือ ขณะที่เขาแต่งเพลงและเผยความคิดเห็นในแบบอิสราเอลฝ่ายซ้าย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพทางดนตรี ทั้งยังได้รับความนิยม...โดยเฉพาะจากหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาว

มีบางครั้งที่ Geffen ต้องไปแสดงในเขตของชาวมุสลิม เขาบอกว่าแม้เขาจะไปในฐานะชาวอิสราเอล แต่ก็มีความเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวมุสลิม แม้จะระแวงในความปลอดภัยอยู่บ้าง แต่เขาคิดว่าเขาแยกออกระหว่างคนที่มาฟังเพลง กับพวกบ้าเลือดที่จ้องแต่จะเอาชีวิตคน

จากเท่าที่ได้อ่านเนื้อหาเพลงต่าง ๆ ของ Aviv Geffen ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ) แล้ว พบว่าในแต่ละอัลบั้มเขาก็ไม่ได้มีแต่เรื่องของสังคมหรือการเมืองอย่างเดียว แต่มันมีเพลงรัก ๆ ใคร่ ๆ เรื่องความสัมพันธ์ ที่แฝงมุมมองแบบนักเสรีนิยมผู้เศร้าสร้อย ซึ่งน่าจะถูกใจวัยรุ่นยุคปัจจุบัน บ้างก็สะท้อนความแปลกแยก เบื่อหน่ายยุคสมัย ซึ่งมันคงตอบสนองความรู้สึกของหนุ่มสาวทั้งหลายได้เช่นเดียวกัน

ถ้าให้พูดถึงรูปแบบทางดนตรี หลายเพลงของ Geffen แม้เขาจะร้องเป็นภาษาฮิบรู แต่สำเนียงดนตรีมันก็ชวนให้นึกถึงร็อคสีทึม ๆ ของ Roger Waters อย่างเสียมิได้ ยิ่งไม่ต้องบอกว่า เนื้อหาการเมืองจากผลงานยุคแรก ๆ ของ Aviv Geffen แม้จะสะท้อนภาพกว้าง ๆ ของความขัดแย้ง แต่ก็มีกลิ่นอายความโกรธขึง ประชดประชัน ของ Waters อยู่ไม่น้อยทีเดียว

กระนั้นดนตรีของเขาก็ไม่ได้มีเพียงเงาทะมึน Roger Waters เท่านั้น บางเพลงก็เป็นเพลงป็อบหรือเพลงโฟล์คอารมณ์สบาย ๆ ขณะที่บางเพลงก็แฝงไปด้วยอิทธิพลของโปรเกรสซีฟร็อคสมัยใหม่ จนกระทั่งเมื่อความชื่นชอบส่วนตัวของ Geffen ที่มีต่อวง Porcupine Tree ทำให้เขาได้มารู้จักกับ Steve Wilson แล้วจึงได้ให้กำเนิดวงโปรเจกท์ที่ชื่อว่า Blackfield ขึ้นมาในที่สุด

ถึง Blackfield จะไม่ใช่วงที่วางแนวทางในเนื้อหาเอาไว้ชัดเจน แต่การฟอร์มวงนี้ก็ได้ช่วยให้เนื้อเพลงภาษาฮิบรูของเขาบางเพลงได้รับการแปลและดัดแปลงให้เป็นภาษาอังกฤษในนามของวง Blackfield เพลงหนึ่งของ Geffen ที่โด่งดังมากในประเทศคือ Achshav Meunan นั้นได้รับการแปล(ง) เป็นเพลง Cloudy Now ซึ่งมีซาวน์ที่เนียนขึ้นกว่าเดิม และเนื้อหาคงจะได้รับการเผยแพร่อย่าง กว้างขวางกว่าเก่า

"ผมไม่ได้แยกดนตรีของผมออกจากข้อความที่ผมต้องการสื่อเลย สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งเดียวกัน และข้อความของผมมันก็ง่าย ๆ คือ ทุกคนควรจะมีอิสระที่จะเลือกชีวิตตัวเอง นั่นล่ะ คือทุกอย่างที่ผมอยากบอก"

There Are No Angels In Paradise

"There are no angels in paradise,
here there is only hell that allows only dreams that
there are angels in paradise
But there are no angels
And there is no paradise"

- There are no angels in Paradise -

จากที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้วว่า Aviv Geffen เป็นศิลปินผู้มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายซ้ายของอิสราเอล คือขบวนการสันติภาพ (Peace Camp) ซึ่งขบวนการนี้ได้เคลื่อนไหวทั้งด้วยการผลักดันการเมืองและการเชื่อมต่อกับพลเรือน

กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งในนี้คือองค์กรเอกชนที่ชื่อ Peace Now ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเซ็นสัญญาข้อตกลง Oslo แต่ชาวอิสราเอลบางส่วนก็ได้วิจารณ์ในความโปร่งใสขององค์กรนี้เหมือนกัน เพราะรู้มาว่าองค์กรนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป

ขณะเดียวกันก็มีนักหนังสือพิมพ์คนหนึ่งที่ชื่อ Uri Avnery เกิดไม่พอใจในการทำงานของกลุ่ม Peace Now เลยได้ออกมาก่อตั้งกลุ่มของตัวเองที่ชื่อ Gush Shalom ซึ่งเป็นกลุ่มที่สุดแสนจัดจ้านและ Radical เอามาก ๆ แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งจัดจ้านก็ทำให้พวกเขาแข็งกร้าวดี โดยเฉพาะในเรื่องการทวงสิทธิ์ให้ชาวปาเลสไตน์การกลับเข้ามาอาศัยในฉนวนกาซ่าและเขตเวสแบงค์อีกครั้ง ทั้งยังบอกอีกว่า การเข้ามาถือครองของอิสราเอลถือเป็นอาชญากรรมทางสงคราม (War Crime) เลยทีเดียว

กลุ่มที่เป็นที่รู้จักอีกกลุ่มหนึ่งคือ National Census (มีอีกชื่อคือ พีเพิ้ลส์วอยซ์) ซึ่ง Sari Nusseibeh ผู้แทนฯ จากปาเลสไตน์ และ Ami Ayalon จากพรรคแรงงานอิสราเอล ร่วมกันตั้งขึ้นมา National Census ได้ร่างข้อตกลงซึ่งตั้งใจจะทำให้ทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ยอมรับได้โดยอาศัยตัวเนื้อหาที่มีลักษณะประนีประนอมกับทั้งสองฝ่าย ล่าสุดจากการล่ารายชื่อสนุบสนุนผ่านเว็บไซต์ มีตัวเลขผู้สนุบสนุนเป็นชาวอิสราเอลจำนวนกว่าสองแสนห้าหมื่นคน และชาวปาเลสไตน์อีกกว่าแสนหกหมื่นคน

อย่างไรก็ดี นี่คือโลกที่ไม่มีใครเป็นเทวดาอันดีเลิศไร้ที่ติ ขบวนการเพื่อสันติภาพเหล่านี้ก็ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบจากหลาย ๆ ฝ่าย เรื่องหลัก ๆ ที่ Peace Camp ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากขบวนการเพื่อสันติภาพในบ้านเราเลย อย่างเช่นเรื่องแนวคิดการขาดความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ การให้อภัยต่อความรุนแรงจากผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ แต่ไม่สนใจต่อสู้เพื่อสิทธิของคนอิสราเอล

พวกซ้ายที่ออกไปในทางโปรปาเลสไตน์ วิจารณ์ข้อตกลงออสโลว่าเป็นแค่การหลอกชาวปาเลสไตน์และเป็นสัญญาลวงโลก ผู้ได้ประโยชน์คือกลุ่มทุนไซออนนิสท์เท่านั้น ขณะเดียวกันฝ่ายขวาเองก็เห็นว่าสนธิสัญญานี้เป็นเพียง "ม้าไม้โทรจัน" ในการช่วยลำเลียงกลุ่มก่อการร้ายให้เข้ามาปฏิบัติการได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง

ส่วนพวกฝ่ายซ้ายโปรอิสราเอลก็วิจารณ์ขบวนการณ์เพื่อสันติภาพไว้หลายประเด็น ตั้งแต่เรื่องของการพยายามสร้างภาพลบให้กับทหารรักษาความปลอดภัยมากเกินไป การทำให้ชาวยิวรู้สึกเกลียด (ความเป็นยิวใน) ตัวเอง มุ่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากเกินไปทำให้ขาดฐานคิดทางสังคมและเศรษฐกิจ ไม่สามารถจูงใจฝ่ายที่สนับสนุนอิสราเอลได้เพราะขาดการใส่ใจในฝ่ายที่โปรอิสราเอล

นักปฏิบัตินิยมทั้งหลายก็มองคล้าย ๆ กันในเรื่องของการไม่ใส่ใจพื้นฐานทางเศรษฐกิจและความมั่นคง (ของคนระดับล่างจริง ๆ คนละอย่างกับ "ความมั่นคง" ในรัฐธรรมนูญของประเทศเรา) การไร้ผลในทางปฏิบัติของข้อตกลงออสโล และคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากขบวนการมัวแต่ไปเอาใจฝ่ายปาเลสไตน์ (ซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์คงไม่พ้นพวกชนชั้นนำ)

คำวิพากษ์วิจารณ์นี้บางส่วนมันก็ชวนให้นึกย้อนกลับมามองขบวนการสันติภาพในบ้านเราอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องในทางปฏิบัตินิยมและมุมมองเชิงเศรษฐศาสตร์ ที่ละเลยไป

แต่ขณะที่บางคนอาจวิพากษ์วิจารณ์บางกลุ่มว่าไม่ออกมาพูดเพื่อผู้บริสุทธิ์ (บริสุทธิ์จริงหรือเปล่า?) ที่ถูกทำร้ายบ้าง ผมอยากขอแสดงความเห็นเสียหน่อยว่าเรื่องพวกนี้ถูกสื่อกระแสหลักเล่นข่าวกันเยอะ และเล่นไปในด้านเดียวจนเละเทะไปหมดแล้ว มันเปล่าประโยชน์ที่จะลงไปร่วมซ้ำเติมด้วย

ผมเองก็ยังเป็นปุถุชนที่ยังมีความหวาดระแวง ผมกริ่งเกรงเรื่องความไม่มั่นคงในชีวิตของคนที่บริสุทธิ์จริง แต่การจะเคลื่อนคล้อยไปกับ Majority ที่กุมวาทกรรมหลักของสังคมไว้อยู่แล้วนั้น

มันฟังดูน่ากลัว และชวนให้หวาดระแวงไม่แพ้กัน

 

บล็อกของ Music

Music
ภฤศ ปฐมทัศน์ ผมได้ยินข่าวเรื่อง "จังหวะแผ่นดิน World Musiq & World Bar B Q" วันเดียวก่อนวันงานนั่นเอง ได้ยินคุณทอดด์ ทองดี พูดผ่านวิทยุว่าจะมีศิลปินจากหลายประเทศทั่วโลกมาเข้าร่วม และมีการแสดงร่วมกันของเพื่อแสดงให้เห็นว่าดนตรีมันไร้พรมแดน ผมเองเข้าใจความรู้สึกของคนที่พูดอะไรที่เป็นอุดมคติครับ และรู้สึกที่สิ่งที่คุณทอดด์แกพูดแกไม่ได้ตอแหล (แบบพวกอ้างศีลธรรม) ผมรู้สึกได้จากน้ำเสียงและการไหว้วอนขอให้ภาครัฐและกระทรวงวัฒนธรรมหันมาสนใจ ทำให้รู้สึกว่าแกมีความตั้งใจตรงนี้จริง ๆ แต่ว่าอุดมคติที่สวยงามบางทีมันเป็นแค่สิ่งที่ฉาบเคลือบอะไรที่ยังแหว่งโหว่อยู่ภายใน…
Music
    ขึ้นหัวไว้ไม่ได้หมายความว่าตัวผมเองกำลังหลบหน้าหลบตาไปอยู่ที่อยุธยาแต่อย่างใด ช่วงที่หายไปเพราะจำต้องไปปฏิบัติภารกิจทั้งส่วนตัวและไม่ส่วนตัว พอได้จังหวะแล้วจึงเข้ามาเขียนงานที่ห่างหายไปนานอีกครั้ง หลายคนคงนึกได้แล้วว่าหมายถึงผลงานใหม่ของมาโนช พุฒตาล ซึ่งผมได้ซีดีผลงานล่าสุดของเขา ทั้งสองชิ้นมาพร้อมกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้ฟังเมื่อไม่นานมานี้เอง สิ่งที่ผมหวังจากชื่อมาโนช พุฒตาลคือตัวงานดนตรีหลังจากที่เขาห่างหายจากการออกอัลบั้มเพลงไปพักนึง ("ชีวิตที่เจ็บปวดของคนป่วย" เหมือนออกมาให้หวังอะไรบางอย่างเล่น ๆ แล้วก็หายไป)…
Music
ช่วงที่ผ่านมาผมขอลาพักจากการเขียนคอลัมน์ไปชั่วคราว ไม่ได้ลากิจ และยังไม่ได้ลาออกจากการเขียนคอลัมน์แน่นอน เพียงแต่หลบจากความเหนื่อยล้าจากหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อไปเติมพลังให้ตัวเองเท่านั้นในช่วงที่พักจากการเขียนคอลัมน์ไป ก็คิดว่าจะลองหลบมุมสงบ ๆ อยู่ ปิดหูปิดตาตัวเองจากสิ่งรอบข้างดูสักพัก … แต่แล้วก็ไม่สำเร็จ ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมามีข่าวบางอย่างที่ทำให้ผมต้องรู้สึกถึงความย่ำแย่ น่าเบื่อหน่ายไม่รู้จบของประเทศที่ผมอยู่อีกครั้งจริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง (ซึ่งสื่อบางแห่งดูจะพยายามแปลงให้เขากลายเป็นเพศอื่นอยู่เสมอ…ซึ่งผมว่าเขาคงไม่เดือดร้อนอะไร) เขาไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหนา…
Music
  นิยายวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องเล่าอิงจินตนาการพร้อมกับความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ นักทฤษฎีแบ่งนิยายวิทยาศาสตร์ออกไว้เป็นสามยุคใหญ่ ๆ คือ ‘ยุคคลาสสิก' ที่มักพูดถึงอนาคตภายใต้อวกาศกว้างใหญ่ไพศาล มองอนาคตอย่างก้าวหน้าและอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ จนกระทั่งความเจ็บปวดหลังยุคอุตสาหกรรมที่ยังมีการกดขี่กันของมนุษย์ทำให้ ‘ยุคที่สอง' ของนิยายวิทยาศาสตร์เริ่มมีท่าทีวิพากษ์สังคมเข้ามาปะปน บางเรื่องก็มีประเด็นทางสังคม อย่างการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ บ้างก็มีจินตนาการของรัฐบาลเผด็จการเบ็ดเสร็จที่อาศัยเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ มาจนถึง ‘คลื่นลูกที่สาม' ก็มองโลกในแง่ร้ายอย่างสุดกู่ จินตนาการก้าวหน้า ล้ำสมัย…
Music
 "The disgraced values of the company manAre why you fight and sacrificeDon't bend or break for their one-way rulesOr run from battles you know you'll lose""คุณค่าของคนทำงานที่ถูกลดทอนคือเหตุผลที่คุณเสียสละ ต่อสู้ และวิงวอนคุณไม่อาจฝ่าฝืนกฏเหล็กของพวกเขาได้หรือแม้จะทั่งจะหนีจากการดิ้นรนที่คุณรู้ว่าจะแพ้โดยไม่อาจทำอะไร"- Tomorrow's IndustryDropkick Murphys เป็นวงพังค์ร็อคที่มาจากการรวมตัวของชาวไอริชที่อพยพมาอาศัยในเมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐฯ มีผลงานที่พอให้คนต่างแดนได้รู้จักบ้างคือเพลงประกอบภาพยนตร์ The Departed ที่ชื่อ "I'm Shipping Up to Boston"…
Music
การยึดติดในสถาบันหรือรางวัลว่าเป็นตัววัดความเก่งกาจของศิลปินดูเป็นเรื่องหน้าขำอย่างหนึ่งในโลกที่กำลังเผชิญหน้ากับความหลากหลาย คิด ๆ ดูว่าแนวดนตรีในโลกนี้ถ้านับรวม Sub-Genre ทั้งหลายเข้าไปด้วยแล้วก็มีมากจนนับแทบไม่ไหว แต่รางวัลจากสถาบันทั้งหลายมันแบ่งง่าย ๆ แค่ ป็อบ ร็อค อาร์แอนด์บี ซึ่งไม่อาจตอบรับกับความหลากหลายได้ และพาลจะทำให้เป็นการขีดเส้นขั้น ผูกขาดรูปแบบบางอย่างไว้ก็ได้ว่า "เสียงดี" ต้องเป็นเสียงแบบนี้ การเรียบเรียงที่ดีต้องเป็นแบบนี้ ๆ ฯลฯ ผมถึงคิดว่า เราควรจะไม่ไปยึดติดอะไรมากกับรางวัลที่มาจากการตัดสินของคนไม่กี่คนบนหิ้งเรื่องศิลปะที่มาจากการผูกขาดรสนิยมมันชวนให้รู้สึกย่ำแย่ฉันใด…
Music
อะไรๆ ในโลกนี้มันน่าสนใจไปหมดแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีแต่ผู้คนหันไปมอง หันไปพูดถึง เก็บมาเล่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง ช่วยผลิตซ้ำ และแม้กระทั่งสร้างคู่ตรงข้ามให้กับคนที่ไม่รู้ และ/หรือ ไม่อยากรู้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ผมคิดว่ามันน่าสนใจมาก ๆ โคตร ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือสิ่งที่อยู่ในซอกหลืบไม่ค่อยมีคนสนใจ มันดูเหมือนการได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เราอัศจรรย์ใจหรือทำให้ผิดหวังก็ได้ เพียงแต่ในทุกวันนี้ไอ้สิ่งที่อยู่ในซอกหลืบจริงๆ มันหายากขึ้นทุกที ในวงการเพลงอินดี้อะไรทั้งหลายก็มีชื่อวงทั้งต่างประเทศและในประเทศผุดผาดขึ้นมาให้จำกันไม่ทัน และพอลองเจียดเวลา (อันน้อยนิด) จากการทำมาหากินมาลองฟัง…
Music
รูป Ad จาก http://www.electthedead.co.uk/วง System of a Down เป็นวงดนตรีอเมริกันที่สมาชิกทั้ง 4 คนล้วนเป็นชาวอาร์เมเนียน ดนตรีของพวกเขา บางคนก็เรียกว่าเป็นอัลเตอร์เนทีฟ บ้างก็ว่าเป็นนูเมทัล บ้างก็พยายามจำกัดความง่ายๆ ว่าเป็นฮาร์ดร็อค แต่ถ้าให้เรียกแบบกินความหมายครอบคลุมที่สุดล่ะก็ คงต้องบอกว่าพวกเขาเป็นวงร็อคที่แพรวพราว สอดผสานดนตรีในพรมแดนอื่นๆ เข้ากับซาวน์พื้นฐานแบบยุค 90's และขณะเดียวกันก็มีพลังขับเคลื่อนแบบพังค์นอกจากจะเป็นที่รู้จักกันในฐานะของวงร็อคหลากกลิ่นแล้ว แฟนเพลงหลายคนยังชอบเนื้อหาวิจารณ์สังคมและการเมืองของพวกเขาที่เข้าใจทำให้ถูกจริตคนบางกลุ่มได้ บวกกับดนตรีหนักๆ จากหลายๆ เพลงแล้ว…
Music
  ช่วงที่ผ่านมามีข่าวคราวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตแนวอนุรักษ์ธรรมชาติอะไรพวกนี้ออกมาหลากหลายมากมายอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะคอนเสิร์ตต้านโลกร้อนที่เข้าใจเกาะกระแสเรื่องที่คนทั่วโลกสนใจ (แต่ไม่รู้ว่าเข้าใจลึกไปในระดับไหน) มาสร้างเวทีคอนเสิร์ตให้สนุกสุดเหวี่ยง เวลามีคนมาถามความเห็นผมเรื่องนี้ ผมมักจะหัวเราะ หะ ๆ แล้วตอบว่ารู้สึกเฉย ๆ ถ้ามันจะดีมันก็ดีในแง่ที่มีคอนเสิร์ตมาให้สนุกกัน ส่วนศิลปินก็ได้หน้าได้ตากันไป เพราะโดยส่วนตัวผมไม่คิดว่าศิลปินจะรู้ลึกรู้จริงรู้จังอะไรกันเรื่องนี้มากมาย ไม่ต้องกระไรมาก ผมจะยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงเรื่องหนึ่ง คือเมื่อหลายปีก่อน…
Music
  "ผมคงจัดเป็นพวกปีกซ้ายนั่นแหละ และพอเวลาผ่านไปผมก็รู้สึกแข็งแกร่งขึ้น ผมให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์มากกว่าอิฐบล็อกหรือกำแพงศักดิ์สิทธิ์ ผมเชื่อในการมีชีวิตอยู่ ผมคิดว่าแทนที่คำถามจะเป็น ‘พวกคุณเชื่อในพระเจ้าหรือเปล่า' มันควรจะเป็นว่า ‘พระเจ้าเชื่อในพวกเราหรือเปล่า' ต่างหาก ใครจะรู้ได้"- Aviv Geffen - Memento Mori"Officer, it's better to be a coward that is alivethan to be a dead heroYou fight with tanks and gunsI fight with pen and paperYou call me a draft dodgerMemento Mori..."- Memento Mori (2)จริงๆ แล้ว ไม่เพียง Aviv Geffen เท่านั้นที่เป็นที่รู้จักของชาวอิสราเอลโดยทั่วไป…
Music
  "1,000 people yellShouting my nameBut I wanna die in this momentI wanna die"- 1,000 People -Aviv Geffen เกิดและเติบโตในช่วงสงครามเลบานอนครั้งแรก ที่กองทัพอิสราเอลคิดจะเข้ายึดครองเลบานอนเพื่อยุติสงครามกลางเมือง แต่ความขัดแย้งนี้ดูจะห่างไกลจากตัวเขารวมถึงหนุ่มสาวคนอื่น ๆ ซึ่งต่างก็ดำเนินชีวิตคู่ขนานกับความขัดแย้งนี้จนแม้ปัจจุบันก็ยังไม่จบไม่สิ้น ข้อตกลงหยุดยิงไม่อาจทำให้ความตึงเครียดลดลงได้ ระเบิดนิรนามยังคงถูกยิงมาจากที่ไหนสักแห่งภาพที่ดูขัดแย้งกันอย่างชัดเจนในตัว Geffen คือ ขณะที่เขาแต่งเพลงและเผยความคิดเห็นในแบบอิสราเอลฝ่ายซ้าย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพทางดนตรี…
Music
  "Love films are broadcast lateBut violence is allowed at any hourWhile on a kibbutz a girl was rapedIn the disco they set their spirits free"- Violence -เป็นเรื่องธรรมดาที่น้อยคนในบ้านเราจะรู้จักศิลปินหนุ่มจากอิสราเอลที่ชื่อ Aviv Geffen เพราะผมเองกว่าจะรู้จักเขาก็ต้องโยงอะไรหลายทอดอยู่เหมือนกันมันเริ่มจากการที่ผมชื่นชอบวงโปรเกรสซีฟร็อค ที่ชื่อ Porcupine Tree แล้วนักร้องนำและผู้กุมบังเหียนของวงนี้คือ Steve Wilson ในขณะที่ยังคงอยู่กับวงเดิม ก็ได้ออกไปมีโปรเจกท์ย่อยคือวง Blackfield ด้วย ซึ่งวงโปรเจกท์ของเขานี้ ก็ตั้งใจว่าจะเป็นวงป็อบร็อค ที่ทำร่วมกับนักดนตรีรุ่นน้องชาวอิสราเอลคนหนึ่ง…