ความตายแปลกหน้าผ่านเข้ามาในฤดูลมฝน
ร่างชราผ่ายผอมบนแคร่ไม้ ผ่อนแรงลมหายใจลงช้า ๆ ........
ท่ามกลางแววตาซบซม
และเสียงลมกรีดใบไม้เฉื่อยเรื่อย
น้ำตาข้างหนึ่งไหลลามลงร่องเนื้อผิว
เลียแป้งขาวบนแก้มตอบ
มือข้างหนึ่งบีบกำมืออีกข้างของหลานชายคนเล็ก
เราตื่นอยู่ในห้วงของความชั่วคราว
ขณะเราล้วนต้องการความยั่งยืนและตลอดไป
....นิรันดร....ของชีวิต
ลมฝนมิอาจกระหน่ำข้ามภพ, ห้วงเวลา
ความตายเป็นอนิจจัง
เรารู้ ... แต่ทุกอย่างก็ปราศนาการไป
นั่นเพราะความหลงลืมในอัตตา
ว่าความตายมิอาจจากพราก และชีวิตเป็นของเรา
เราล้วนคิดไปเองว่าเป็นเช่นนั้น
แท้แล้ว ค ว า ม ต า ย ไ ม่ เ ค ย แ ป ล ก ห น้ า
เราต่างสนิทชิดเชื้อ, ไม่เคยแปลกแยกอยู่บนเส้นชีวิต
แม้ลมหายใจโรยรินอยู่เบื้องหน้า
ในห้วงเวลาที่ผีเสื้อหยุดวาดปีกแต้มสี
พรุ่งนี้กำลังจะผ่านเข้ามา...
ขณะที่ห้วงลมหายใจกำลังผ่อนลงช้า ๆ
ภวัง!.... "ย่ากำลังจะตาย" ลอยก้องอยู่ในหัวใจ
ผมเริ่มรับพฤติกรรมหล่อนไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งนานวันเข้า รากฝอยของความเกียจคร้านก็ชอนไชแตกงามไปทั่วฝ่ามือและฝ่าเท้าบอบบางของหล่อน การงานทุกอย่างจึงต้องตกเป็นหน้าที่ของผมไปโดยปริยาย ทั้งที่ก่อนนั้นหล่อนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายคิดเสนอโปรเจ็กยั่วใจเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อหวังพัฒนาหน้าที่การงานที่หล่อนรับผิดชอบอยู่ ผมเริ่มสงสัยถึงเรื่องการมีจิตสาธารณะ จิตอาสาหรือการมีหัวใจ ความเป็นมนุษย์ของตัวเองว่ามันบกพร่อง หรือสั่นคลอนไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดประหวั่นพรั่นพรึงกับพฤติกรรมของหล่อนได้ถึงเพียงนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง ความละเอียดอ่อนต่อมิติทางสังคมบางอย่างของผมอาจหล่นหายไประหว่างการร่วมงานกับหล่อนเสียบ้างแล้ว