Skip to main content

     เมื่อ ความมืด ปรากฏชัด
สว่างจัดผลัดลับหาย
ความหวังที่พร่างพราย
ก็หายวับไปกับตา

     ยังมีดวงดาวน้อย

ส่องแสงลอยในเวหน

ยิ่งค่ำมืดมนมา

แสงกลับจ้าท้าเมฆิน

 

     รัตติกาล แม้มืดมัวหม่น

ทว่า...หัวใจคน มิเคยสิ้น

เดือนดาว พร่างพราวแสง อยู่อาจิณต์

อรุณรุ่ง นกผกผิน งดงามนัก

 

     ดวงตะวันทอแสงส่องโลกหล้า

ปลุกชีวา ที่หลับใหล ได้ตระหนัก

"เ ธ อ เ ห็ น ท้ อ ง ฟ้า นั่ น ไ ห ม?" พริ้มทายทัก

แล้ว ความรัก - ชีพรักก็ฉ่ำบาน !

 

+ "วั ง ฝั น วั ง ก วี"

ฤดูฝน, 22 กันยายน 2551,
ราตรี ณ "สุ ด สะ แ น น"

ล้านนาอิสระ, เชียงใหม่.

+ "แ ส ง ดา ว   ศ รั ท ธา มั่ น"

 

 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
 
กวีประชาไท
    พฤศจิกาห่าถล่ม เมืองก็จมใต้บาดาล หรือคนมันสามานย์ ที่สั่งฟ้าถล่มเมือง  
กวีประชาไท
    ท้องทุ่งระบัดเขียวขึ้นในบัดดล หลังเม็ดฝนทะลุรอยเมฆรั่วลงมาได้ เด็กน้อยติดปีกถลาลิ่วออกสู่ลาน สวนทางกับฝูงนก… ที่ร่อนคว้างสู่ชายคาดั่งนักรบแตกพ่าย ไม่ใช่สายฝนทำร้ายเจ้าใช่ไหม? เปล่าเลย..สายฝนฉ่ำเย็นอยู่เช่นนั้น กระสุนสังหารต่างหากซุ่มยิงเราหมายครองฟ้า  
กวีประชาไท
  *หัวใจแม่ แหลกสลาย ในวันนั้น วันลูกฉัน ถูกเข่นฆ่า ล่าสังหาร ภาพที่เห็น เป็นที่รู้ กู่ประจาน เมื่อมีการ ยิงสลาย ฝ่ายชุมนุม
กวีประชาไท
ลมผ่าวพัดบ่ายแล้ง            เคลื่อนไหวไม้พุ่มดอกบางใบ              ร่วงแล้วลมแล้งเคลื่อนรอยไหน      เผยผ่านไม้มิ่งฝุ่นเมืองแก้ว             ไม่รู้อยู่ไหน  ฯลฯ
กวีประชาไท
   
กวีประชาไท
โลกทัศน์ของข้ามืดบอดอยู่ในปากท้องและศักดิ์ศรีเหมือนว่าหนักอึ้งในทุก ๆ วลีที่จะเอื้อนเอ่ยถึง...ลมรำเพยก็เคลื่อนห่าง..ไกลออกไปแต่ข้างในนี้สิ – มีรอยรุ่มร้าวลึกก่ายทับซับซ้อน
กวีประชาไท
 
กวีประชาไท
คลี่กระดาษประเทศนี้              เป็นไฉน คนแต่ละคนไย                      ซ่านซ้อน เหมือนล้อเล่นซ่อนไย             จับจ่อ จรดฤๅ โครง เก่า กร่อน ผุ ย้อน          ยิ่งล้ำหยั่งเหลือ ฯลฯ
กวีประชาไท
เธอตายในเดือนกุมภาเวลาตะแบกบานเต็มต้นลมหวนระรานกลีบบางร้าวรนที่สุดร่วงหล่นบนวิถีเดินทาง
กวีประชาไท
แด่...ทรัพย์สินเจ็ดหมื่นหกพันล้านของพณฯ ท่าน