Skip to main content

แด่...ทรัพย์สินเจ็ดหมื่นหกพันล้านของพณฯ ท่าน 
\\/--break--\>

เมื่อยามนึกเหว่ว้า                          ที่อุรา
บทกี่บาทย่ำหนา                           กลั่นว้าง
เหมือนฝุ่นที่ไร้อา -                        รมณ์นิ่ง
ว้าง..ยิ่ง ว่าง..วาง..สร้าง                  กว่ารู้สึกถึง ฯลฯ
 
(๑) คาร์บอนตะกอนนั้น                  จุดจำนรรจ์ จำสรรค์พึ่ง
ฤๅ ตื้น หรือลึกซึ้ง                          เพียงแผ่วเผย สัมผัสกราย ฯ
 
(๒) บทบาท ยามยาตรเยื้อง             ซาบซึมเฟื่อง ยามผันผาย
ผิดนัก ‘ผิ’ หว่านปราย                     ถึงปลงตก อุทก..อุทธรณ์ ฯ
 
(๓) น้ำใจสหายหรือ                       ชื่อโอกาส อุทาหรณ์
ฤๅ หมาเหงาข่าวจร                        ที่ร่ำหวน รัญจวนร้อง... ฯ
 
(๔) สติเหมือนโหนกเนื้อ                 มันเด่นเหนือ เรือนร่างรอง
เพียงไถใส่คราดคล้อง                   ยังแผกเพี้ยน รอยไถแปร ฯ
 
(๕) แปรปรวนต่างปรวนแปร            ฤๅ คำแง่ ง่ายงามแท้
แม่พันธุ์ไม่ดูแล                            รับแต่ผล ค้นแต่เอา ฯ
 
(๖) หรืออย่างพวกทางเลือก            ที่กลั้วเกลือก เปลือกแก่นเหงา
ทัศนาเด็ดเบา ๆ                            ยอดคิด ติดงาม ทรามวัย ฯ
 
(๗) เมื่อฝุ่นเมืองไร้ราก                  ยอม จากพราก เล่ห์ – เฉไฉ
ย่อม ชัดแจ่มโดยใจ                      ย้อม ที่ย่ำอยู่รู้เย็น ฯ
 
(๘) เป็นสายสวรรค์ สายรุ้ง              ตามผดุง เติมแต่งเช่น -
แม้เปลี่ยวว้างลึกเห็น                      ระลึกสร้าง โดยทางทุน ฯ
 
(๙) บทตะกอน ย้อนนึก                  เคยรู้สึก ฤๅ เกื้อหนุน
อย่างนี้น่ะ นาบุญ                          เนื้อชีวิต จะติดตาม ฯ
 
(๑๐) ประกาศฉบับอึ้ง                     ถึงทุกถ้อยแถลงถาม
ว่าต่าง ช่างนิยาม                           ความขัดข้อง หมองอารมณ์ ฯ
 
(๑๑) ขออภัยในน้ำนึก -                  น้ำหมึกกระดาษ วาดถม
เติมคับแค้น ระทม                        ฤๅ อิ่มหนำ ย้ำอีกที ฯ
 
(๑๒) ‘เสือกระดาษ’ หวาดว้าง          ตามลายสร้าง พิถันพิถี
ฝุ่นเมือง ย่ำอยู่นี่                          ทุกข์กลัดหนอง ร้องกล่าวกลืน ฯ
 
(๑๓) พลเมืองชีวิต                        อาจอุทิศ-ใฝ่-ใคร่-ฝืน
ผ่านมา..เมื่อวานซืน                      จะถึง - ซึ่งความเป็นไท ฯ
 
(๑๔) ปล่อยใจอันพรั่งเพ้อ              ที่พลั้งเผลอ ง่ายดายไว้
วางขอบกั้นใดใด                          เพื่อก้าวนั้น กลั่นบทเรียน! ฯลฯ
 
ณรงค์ยุทธ โคตรคำ
 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
 
กวีประชาไท
    พฤศจิกาห่าถล่ม เมืองก็จมใต้บาดาล หรือคนมันสามานย์ ที่สั่งฟ้าถล่มเมือง  
กวีประชาไท
    ท้องทุ่งระบัดเขียวขึ้นในบัดดล หลังเม็ดฝนทะลุรอยเมฆรั่วลงมาได้ เด็กน้อยติดปีกถลาลิ่วออกสู่ลาน สวนทางกับฝูงนก… ที่ร่อนคว้างสู่ชายคาดั่งนักรบแตกพ่าย ไม่ใช่สายฝนทำร้ายเจ้าใช่ไหม? เปล่าเลย..สายฝนฉ่ำเย็นอยู่เช่นนั้น กระสุนสังหารต่างหากซุ่มยิงเราหมายครองฟ้า  
กวีประชาไท
  *หัวใจแม่ แหลกสลาย ในวันนั้น วันลูกฉัน ถูกเข่นฆ่า ล่าสังหาร ภาพที่เห็น เป็นที่รู้ กู่ประจาน เมื่อมีการ ยิงสลาย ฝ่ายชุมนุม
กวีประชาไท
ลมผ่าวพัดบ่ายแล้ง            เคลื่อนไหวไม้พุ่มดอกบางใบ              ร่วงแล้วลมแล้งเคลื่อนรอยไหน      เผยผ่านไม้มิ่งฝุ่นเมืองแก้ว             ไม่รู้อยู่ไหน  ฯลฯ
กวีประชาไท
   
กวีประชาไท
โลกทัศน์ของข้ามืดบอดอยู่ในปากท้องและศักดิ์ศรีเหมือนว่าหนักอึ้งในทุก ๆ วลีที่จะเอื้อนเอ่ยถึง...ลมรำเพยก็เคลื่อนห่าง..ไกลออกไปแต่ข้างในนี้สิ – มีรอยรุ่มร้าวลึกก่ายทับซับซ้อน
กวีประชาไท
 
กวีประชาไท
คลี่กระดาษประเทศนี้              เป็นไฉน คนแต่ละคนไย                      ซ่านซ้อน เหมือนล้อเล่นซ่อนไย             จับจ่อ จรดฤๅ โครง เก่า กร่อน ผุ ย้อน          ยิ่งล้ำหยั่งเหลือ ฯลฯ
กวีประชาไท
เธอตายในเดือนกุมภาเวลาตะแบกบานเต็มต้นลมหวนระรานกลีบบางร้าวรนที่สุดร่วงหล่นบนวิถีเดินทาง
กวีประชาไท
แด่...ทรัพย์สินเจ็ดหมื่นหกพันล้านของพณฯ ท่าน