Skip to main content

ไตรรงค์โบกพลิ้วปลิวไสว 
ประชาธิปไตยสง่าสงบ 
ยี่สิบสี่มิถุนาประชารบ 
หลายศพเซ่นสู่สมบูรณา ฯ 
 
เปลี่ยนผ่านการปกครองของประเทศ 
รัชกาลที่เจ็ดทรงมอบระบอบว่า 
ประชาธิปไตยอันลือชา 
ทัดเทียมนานาอารยชน ฯ 
 
วันนี้-เจ็ดสิบเจ็ดปีผ่านไป 
สมบูรณาญาธิปไตย-ช่างฉงน 
ประชาชียังเข่นฆ่าประชาชน 
รัฐมนตรีมากล้นนั่งฟังเสียงปืน ฯ 
 
สิทธิราช-สิทธิรัฐ 
คือกำจัดศัตรูผู้ขัดขืน 
สมบูรณา-คือจุดยืน 
ที่หยิบยื่นอำนาจเด็ดขาดควร ฯ 
 
เถลิงบัลลังก์บนหลังชาติ 
ประมาทหลงตัวไปทั่วถ้วน 
ตะปูตรึงตอกขาผู้ท้าทวน 
ตะปูตรวนตัวไว้ไม่รู้ทัน ฯ 
 
หนทางทอดไกลไปข้างหน้า 
แต่กลับพาขบวนทัพกลับหลังหัน 
ตะวันตกวกกลับเกินนับวัน 
ประเทศไทยอยู่ไหนกันบนทางเทียว ฯ 
 
ประชาธิปไตยในหนังสือ 
แท้จริงคือตรงไหนแน่แค่เศษเสี้ยว 
เนื้อแท้อันบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียว 
ช่วยกันเหลียวหาดูอยู่ไหนกัน ฯ 
 
เราได้ผ่านยุคสมบูรณามาจริงหรือ 
ความจริงคือผ่านมาหรือว่าฝัน 
หรือเปลี่ยนอำนาจจากสถาบัน- 
กษัตริย์นั้นสู่รัฐบาลไทย ฯ 
 
แค่นี้หรือ? ประชาธิปไตยวานใครตอบ 
ชายขอบกว่าเขตประเทศไหน 
เจ็ดสิบเจ็ดปีที่ผ่านไป 
คือสมบูรณาญาธิปไตย-ใช่กระมัง ฯ 
 
ไตรรงค์โบกพลิ้วปลิวไสว 
ปักดินแดนประชาธิปไตยอยู่ฟากฝั่ง 
อีกฟาก-สมบูรณาไม่ราพลัง 
ขณะไทยลอยถอยหลังอยู่กลางน้ำ! 

วลัญชัย ทูนเปลว

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
บทกวีจาก กวีราษฎร และกวีรากหญ้า ถึง สมัคร สุนทรเวช
กวีประชาไท
14 พย 52 ถึงพี่สาวผู้จากไปไกลลับหล้า มีนามว่าเจ้ขกชกหมัดตรง พี่ยืนหยัดซัดเจ๊กลิ้มยิ้มอย่างทะนง พี่ช่างองอาจหาญกล้าสง่างาม
กวีประชาไท
    เจ้านกขวัญแก้ว ดึกดื่นแล้วยังหลงไพร เจ้าเกิดเติบโตอย่างไร หัวใจจึงถูกขังกรง  
กวีประชาไท
เคยย้อนถามตัวเองบ้างหรือเปล่า                 ที่ผ่านมาใครเล่าทำฉิบหาย ผืนแผ่นดินร้าวร้อนลุกเป็นไฟ                     ฝีมือใครวายวอดทุกวี่วัน
กวีประชาไท
    ในนามของความจน                    กูคือ ผู้ทุกข์ทนแห่งยุคสมัย เลือดและเนื้อหลั่งรินไป               กองกระดูกน้ำตาใครมหึมา
กวีประชาไท
ในบรรดาทุกข์ทั้งมวลที่ฉันมีอยู่ ให้ประตูทุกบานได้ขานแย้ม ในห้วงอับอารมณ์อันขื่นแซม ให้เติมแต้มตื่นหวังครั้งชีวิต ฯ
กวีประชาไท
สักวันจะลองเป็นบ้าละความปรารถนาฝันใฝ่เดิน เดิน ฉันจะเดินไปถึงไหนก็ให้รู้กัน
กวีประชาไท
* จุดดาวแดงแต่งกองทัพประชาไท ในความมืดขับทะมึนขึ้นไขแสง กาฬปักษ์ดักดานใกล้เปลี่ยนแปลง แจ้งกระจ่างโดยตีนราษฎรเดิน
กวีประชาไท
โดยน้ำค้างเดื่อนฟ้า               ผลัดละอองเกาะนิ่งแวววาวรอง                ฉ่ำแล้งตามพื้นพุ่มพฤกษ์ผอง            ผืนแผ่นลุกตื่นย่ำเยื้องแย้ง                อย่างเช้าชื่นทวน ฯลฯ
กวีประชาไท
ขอเธอเป็นเช่นดวงดาวที่พราวแสง                   เด่นสีแดงพร่างฟ้าเวหาหนสาดแสงส่องทำลายล้างความมืดมน                เพื่อผองชนคนทุกข์ยากฝากชีวี
กวีประชาไท
สีคนรวมก่อขึ้น                 เป็นมา เล่าแลด้วยเชื่อถือศรัทธา             แกร่งกล้าบริสุทธิ์ดุจมหา -               กษัตริย์ พิศพึงกระทั่งทุกข์ทายท้า            ต่อนี้หน้าหลัง ฯลฯ เสียงสีที่มีไซร้                  ที่ขานไข ที่ใฝ่หวังจาก…