Skip to main content

ขอเธอเป็นเช่นดวงดาวที่พราวแสง                   เด่นสีแดงพร่างฟ้าเวหาหน
สาดแสงส่องทำลายล้างความมืดมน                เพื่อผองชนคนทุกข์ยากฝากชีวี
\\/--break--\>
จิตสำนึก-อุดมการ[1] ทั้งความคิด                   ต้องลิขิตผลิตซ้ำนำวิถี
วัตถุนิยมประวัติศาสตร์-วิภาษวิธี[2]                 เป็นทฤษฎีชี้นำสร้างสังคม

สังคมเก่ากดมนุษย์ ลดคุณค่า[3]                    กรรมกร-ชาวนา[4]ต้องขื่นขม
ถูกกดขี่-ขูดรีดมานานนม                             ทุนนิยม[5] ต้องทำลายให้หมดไป

การต่อสู้ทางชนชั้นยังไม่สิ้น                          เลนินนิสต์-มาร์กซิสต์ต้องเคลื่อนไหว
จัดตั้งพรรค-ประชาชน-ปฏิวัติไทย                  ร่วมสร้างสรรค์ประชาธิปไตย[6] ให้ยืนยาว

ส่งความหวัง-กำลังใจให้แด่เพื่อน                   เพื่อย้ำเตือนภาระกิจแห่งหนุ่มสาว
ดุจตะวัน-จันทราและดวงดาว                        ทุกค่ำเช้าเป็น โคมทองส่องนำทาง
 
                                                                                    ปานจิต  จันทรา

[1] โปรดดู หลุยส์  อัลธูแซร์ : อุดมการและกลไกทางอุดมการของรัฐ(กาญจนา  แก้วเทพ แปลและเรียบเรียง)
โครงการหนังสือเล่ม  สถาบันวิจัยสังคม  จุฬา ฯ
[2] เป็น หัวใจของลัทธิมาร์กซ์  กล่าวคือ ส่วนที่เป็นมรรควิธี(Methodology) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์สังคม ผู้สนใจโปรดดู สุวินัย  ภรณวลัย : บททดลองเสนอทฤษฎีสังคมนิยมในแง่ของวัตถุนิยมประวัติศาสตร์
(บทที่ 1 : สังคมนิยมกับมรรควิธี หน้า 1 - 20)
[3] คือ ความผิดแปลกสภาวะหรือความแปลกแยก(Alienation)
ผู้สนใจโปรดดู  สุรพงษ์  ชัยนาม : มากซ์และสังคมนิยม(หน้า 56 - 77)
[4] หมายความรวมถึง ชาวสลัม  ชาวประมงพื้นบ้าน ฯลฯ ในนามของ ชนชั้นกรรมาชีพ(Proletariat)
[5] หมายถึง ด้านที่เลวร้ายของระบบทุนนิยม  กล่าวคือ ด้านความสัมพันธ์ทางการผลิต(Relations of Production)  ส่วน ด้านที่ก้าวหน้ากล่าวคือ ด้านพลังการผลิต(Productive Forces) ต้องคงไว้เพื่อเป็นมรดกให้กับสังคมใหม่ 
โปรดดู  ฉลาดชาย  รมิตานนท์และ ปรีชา  เปี่ยมพงษ์ศานต์ : ลัทธิมาร์กซ์และสังคมนิยม
[6] หมายถึง ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม มิใช่ประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน
โปรดดู   สุวินัย  ภรณวลัย : ประวัติศาสตร์ขบวนการความคิดสังคมนิยมโดยสังเขป
(บทที่ 3 ตอนที่ 3 : ระบบประชาธิปไตยรวมศูนย์  หน้า 131 - 166)

 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
บทกวีจาก กวีราษฎร และกวีรากหญ้า ถึง สมัคร สุนทรเวช
กวีประชาไท
14 พย 52 ถึงพี่สาวผู้จากไปไกลลับหล้า มีนามว่าเจ้ขกชกหมัดตรง พี่ยืนหยัดซัดเจ๊กลิ้มยิ้มอย่างทะนง พี่ช่างองอาจหาญกล้าสง่างาม
กวีประชาไท
    เจ้านกขวัญแก้ว ดึกดื่นแล้วยังหลงไพร เจ้าเกิดเติบโตอย่างไร หัวใจจึงถูกขังกรง  
กวีประชาไท
เคยย้อนถามตัวเองบ้างหรือเปล่า                 ที่ผ่านมาใครเล่าทำฉิบหาย ผืนแผ่นดินร้าวร้อนลุกเป็นไฟ                     ฝีมือใครวายวอดทุกวี่วัน
กวีประชาไท
    ในนามของความจน                    กูคือ ผู้ทุกข์ทนแห่งยุคสมัย เลือดและเนื้อหลั่งรินไป               กองกระดูกน้ำตาใครมหึมา
กวีประชาไท
ในบรรดาทุกข์ทั้งมวลที่ฉันมีอยู่ ให้ประตูทุกบานได้ขานแย้ม ในห้วงอับอารมณ์อันขื่นแซม ให้เติมแต้มตื่นหวังครั้งชีวิต ฯ
กวีประชาไท
สักวันจะลองเป็นบ้าละความปรารถนาฝันใฝ่เดิน เดิน ฉันจะเดินไปถึงไหนก็ให้รู้กัน
กวีประชาไท
* จุดดาวแดงแต่งกองทัพประชาไท ในความมืดขับทะมึนขึ้นไขแสง กาฬปักษ์ดักดานใกล้เปลี่ยนแปลง แจ้งกระจ่างโดยตีนราษฎรเดิน
กวีประชาไท
โดยน้ำค้างเดื่อนฟ้า               ผลัดละอองเกาะนิ่งแวววาวรอง                ฉ่ำแล้งตามพื้นพุ่มพฤกษ์ผอง            ผืนแผ่นลุกตื่นย่ำเยื้องแย้ง                อย่างเช้าชื่นทวน ฯลฯ
กวีประชาไท
ขอเธอเป็นเช่นดวงดาวที่พราวแสง                   เด่นสีแดงพร่างฟ้าเวหาหนสาดแสงส่องทำลายล้างความมืดมน                เพื่อผองชนคนทุกข์ยากฝากชีวี
กวีประชาไท
สีคนรวมก่อขึ้น                 เป็นมา เล่าแลด้วยเชื่อถือศรัทธา             แกร่งกล้าบริสุทธิ์ดุจมหา -               กษัตริย์ พิศพึงกระทั่งทุกข์ทายท้า            ต่อนี้หน้าหลัง ฯลฯ เสียงสีที่มีไซร้                  ที่ขานไข ที่ใฝ่หวังจาก…