dCode112
แผนชิงประชาธิปไตย คืนสู่มือประชาชน
ตอนที่ 1/112
----------------------
นับตั้งแต่การทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 ถึงวันนี้ กำลังจะครบ 7 ปี ใน อีก 18 วันข้างหน้านั้น ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจเรื่องการบ้านการเมืองมาก่อน ด้วยคิดว่าประเทศของเราสุขสงบร่มเย็นมาตลอด ตามที่เคยได้รับข่าวสารจากสื่อสารมวลชนเท่าที่ทุกคนคงได้รับมาเหมือนๆ กัน
แต่ที่ไหนได้ 7 ปีมานี้ กลับมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดแก่ทั้งประเทศของเราและเกิดกับตัวผมเองอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการยึดสนามบิน การยึดทำเนียบรัฐบาล การสังหารประชาชนกลางกรุงแบบถ่ายทอดสดไปทั่วโลก การตัดสินอรรถคดีของฝ่ายตุลาการที่ผิดตัวผิดฝาอย่างไม่อายฟ้าดิน การแย่งชิงกันเข้าเป็นรัฐบาลโดยไม่ยึดหลักการที่ถูกต้องที่เคยเป็นมาก่อน การปล่อยให้ทหารระดับอธิบดีกล่าวจาบจ้วงขับไล่ประชาชนที่คิดต่างจากตนออกนอกประเทศ การประชุมรัฐสภาที่ถ่อยเถื่อนยิ่งกว่ายุคใดๆ การไล่จับประชาชนฝ่ายหนึ่งเข้าคุก และปล่อยประชาชนอีกฝากหนึ่งไม่ต้องติดคุกในคดีเดียวกัน การยัดเยียดข้อหาร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศให้แก่ประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การไม่ยอมให้ประกันตัวนักโทษอย่างไม่มีเหตุผลนับครั้งไม่ถ้วน การใช้ สส. สว.มาแอบอ้างใช้สิทธิ์ของประชาชนไปในทางไม่ชอบ แม้กระทั่งเรื่องคอรัปชั่นตามน้ำที่ทุกฝ่ายแทบจะไม่มีฝ่ายใดกล่าวถึงแล้ว ถือว่าใครมีโอกาสก็ต้องทำโดยอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ต้องคัดค้านกันแล้ว เพราะเมื่อมีโอกาสสลับกันก็อาจจะได้ทำคอรัปชั่นคล้ายกัน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นข่าวมีหลักฐานไปทั่วโลก ค้นหาดูได้ไม่ยากทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์หรือในโลกไซเบอร์ เป็นที่แปลกมาก ที่เมื่อรัฐบาลฝ่ายหนึ่งเสนอให้มีการนิรโทษกรรมให้ประชาชนผู้เป็นเหยื่อความวุ่นวายของสถานการณ์ที่เลวร้ายของประเทศ แต่ สส.อีกฝ่ายหนึ่งที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชนกลับคัดค้าน และก็เป็นที่น่าสับสนที่ สส.ทุกฝ่ายไม่ถือว่านักโทษคดี112 เป็นคดีการเมือง ทั้งๆ ที่ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นคดีการเมืองจริงๆ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าอดสูแก่ใจ เป็นเรื่องที่น่าละอายของคนทั้งประเทศ ทุกฝ่ายต่างอ้างว่าทำเพื่อประชาชน และพยายามเรียกร้องเอาบุญคุณกับประชาชนทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เมื่อประชาชนถูกย่ำยี ต่างตีชิ่งหนีความรับผิดชอบไปต่อหน้าต่อตา
ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมาปรามพวกที่ชอบอ้างประชาชนแล้วทำร้ายประเทศชาติจนเกือบจะย่อยยับไปกับตาอยู่แล้ว ผมเชื่อว่ามีหลายคนเห็นและคิดคล้ายๆ กับผม แต่ด้วยความที่ต่างไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนไปจัดการเรื่องใหญ่โตของบ้านเมืองแบบนั้นด้วยความเป็นประชาชนได้ เลยทำให้เหมือนจะอับจนหนทางที่จะให้บทเรียนแก่พวกที่ไม่จงรักภักดีต่อประชาชนได้
แต่โชคดีของคนไทยที่ต้องทนถูกเอารัดเอาเปรียบ ด้วยการเอาคำว่าประชาธิปไตยมาหากินบนหลังพวกเราอยู่มาเป็นเวลานาน เพราะจู่ๆ โลกก็เปลี่ยนไป เทคโนโลยีหลายอย่างเจริญก้าวหน้าอย่างมาก และถึงวันนี้การมีเทคโนโลยีระดับโลกที่ทุกฝ่ายก็ต้องยินยอมใช้อย่างปฏิเสธไม่ได้กลับเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแบบพวกเราเป็นอันมาก เรื่องราวต่างๆ ที่ยุ่งยากและซับซ้อนในอดีต ถูกคลี่คลายง่ายและรวดเร็วชั่วข้ามคืน ทำให้ผมและประชาชนในประเทศนี้เข้าใจประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนอยู่ฝ่ายเดียว ที่ครอบงำเรามานานถูกเปิดเผยขึ้นทั้งโดยบังเอิญและจงใจจากทุกฝ่าย
เรื่อง dCode112 ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่ผมรวบรวมประสบการณ์ที่ได้พบเห็นมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน มาผนวกกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและราคาไม่แพงในขณะนี้ เพื่อจะเสนอแนวคิดการนำประชาธิปไตย กลับคืนมาสู่มือประชาชนอย่างแท้จริง โดยวิธีง่ายๆ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องใช้เวลามากนัก เพียงนำการสื่อสารสองทางที่มีวิธีการที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างเห็นได้ชัดเจนของทุกฝ่ายมาใช้ และหาวิธีตัดสินประเด็นของสังคมด้วยความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่อย่างเป็นธรรมให้ได้ เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงานของบุคคลหรือหน่วยงานที่ทำงานกินเงินเดือนของเราให้อยู่ในกรอบที่ประชาชนยอมรับ ใครหรือองค์กรใดที่ไม่สามารถทำงานสนองความต้องการของประชาชน ต่อไปนี้จะไม่สามารถมาหลอกลวงประชาชนได้อีกต่อไป
ผมจะนำเสนอแนวคิดทั้งหมด 112 ตอน จะบอกทุกอย่างว่าประชาชนจะรวมตัวกันอย่างไร เพื่อถ่วงดุลย์กับบุคคลหรือองค์กรที่หากินบนหลังประชาชนมานาน ในขณะเดียวกันก็จะเสนอแนวคิดที่จะสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรที่ทำประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยอิสระและไม่จำเป็นต้องไปเป็นสมุนหรือทาสของใคร
สุชาติ นาคบางไทร
20.07 น. อาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2556