แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีในช่วงสิบปีหลัง เป็นไปในลักษณะที่เรียกว่า “convergence” หมายถึงแต่ละเทคโนโลยี พยายามรวบรวมความสามารถของเทคโนโลยีอื่นๆ เข้าไว้ในตัวเอง ดังจะเห็นได้ชัดจากการเกิดขึ้นของกระแสของศัพท์คำว่า ICT ซึ่งสะท้อนถึง การที่เทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียว แต่สามารถให้บริการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) และ เทคโนโลยีทางการสื่อสาร (Communication Technology) ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งในระดับ โครงข่ายสื่อสารและระดับสินค้าอุปโภคทางเทคโนโลยี
ในระดับโครงข่ายสื่อสาร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การที่แต่ละโครงข่าย ซึ่งในอดีตจะใช้เทคโนโลยี และอุปกรณ์โครงข่ายที่แตกต่างกันไป เพื่อให้บริการต่างๆบนโครงข่ายเฉพาะของตน ตัวอย่างเช่น โครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน PSTN (Public Switching Telephone Network) ซึ่งเน้นให้บริการเฉพาะทางเสียง และ โครงข่ายเทคโนโลยี ATM (Asynchronous Transfer Mode) กับ โครงข่ายเทคโนโลยี IP (Internet Protocol) ซึ่งเน้นให้บริการทางด้านข้อมูล แต่ในปัจจุบันบริการต่างๆ ของทุกโครงข่ายเทคโนโลยีข้างต้น สามารถถูกให้บริการบนโครงข่ายสื่อสารหลักเพียงหนึ่งเดียว
นอกจากนั้นโครงข่ายหลักดังกล่าว ยังเชื่อมต่อกับโครงข่ายอินเตอร์เนต ซึ่งผู้บริโภคเพียงทำการเชื่อมต่อกับโครงข่ายหลัก ก็จะสามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งเสียง ข้อมูล และรวมถึงสามารถเข้าใช้บริการอินเตอร์เนตได้อีกด้วย
ส่วนในระดับของสินค้าอุปโภคทางเทคโนโลยี แนวโน้มที่เกิดขึ้นคือสินค้าต่างๆ พยายามรวบรวมความสามารถของสินค้าอื่นๆ เอาไว้เพื่อให้บริการที่หลากหลายขึ้นเช่น การที่ โทรศัพท์มือถือ, PDA, หรือเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค บรรจุ function หรือ feature ต่างๆเพื่อเพิ่มความสามารถให้อุปกรณ์นั้นๆสามารถใช้ทดแทนอุปกรณ์ต่างๆที่กล่าวมา และรวมถึงอุปกรณ์อื่นๆเช่น นาฬิกาปลุก วิทยุ และเครื่องคิดเลข
แนวโน้มของการพัฒนาทางเทคโนโลยีข้างต้น สะท้อนให้เห็นทิศทางการเปลี่ยนแปลง นั่นคือการที่เทคโนโลยีทางด้าน Software จะเข้ามาทดแทนเทคโนโลยีทางด้าน Hardware หรืออุปกรณ์ทางเทคโนโลยี หมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่ง SenseMaker ถือเป็น “Soft Technology” จะถูกพัฒนาขึ้น เพื่อจำลองวิธีการทำงานของอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี (Hard Technology)
ข้อดีของการใช้ Soft Technology ทดแทนอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี คือ ความง่ายและรวดเร็วกว่าในการพัฒนาความขีดความสามารถ เนื่องจากโปรแกรมต่างๆสามารถถูกปรับปรุง พัฒนา และเพิ่ม feature หรือ function ใหม่ๆได้ง่ายกว่าการปรับเปลี่ยนเพิ่มลด เพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถแบบเดียวกัน ในอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี
นอกจากนี้การดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ทำให้ต้นทุนต่ำลง ทั้งในด้านของผู้ผลิต และผู้เลือกใช้เทคโนโลยี กล่าวคือต้นทุนในการพัฒนาโปรแกรม version ใหม่ ย่อมต่ำกว่าการผลิตอุปกรณ์ตัวใหม่ อีกทั้งลูกค้าก็ต้องการเพียงแค่การ update โปรแกรมใหม่ดังกล่าว โดยไม่ต้องมีการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่ หรือถ้าต้องมีต้นทุนทางอุปกรณ์เพิ่มเติม ก็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ในส่วนข้อเสีย คงต้องกล่าวถึงปัญหาในด้านความเสถียรของการใช้งาน Soft Technology เป็นข้อแรก นั่นคือโปรแกรมต่างๆ ซึ่งปกติต้องทำงานควบคู่กับหน่วยประมวลผล มักจะประสบปัญหาทำงานค้างหรือไม่ตอบสนองอยู่บ่อยครั้ง
ปัญหาถัดมาคือการที่ Soft Technology มักประสบกับปัญหาในด้านความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เนื่องจากลูกค้ามักมีทัศนคติว่า เป็นเทคโนโลยีซึ่งสามารถถูกแก้ไข และปรับปรุงตามความต้องการได้ไม่ยาก
ปัญหาสุดท้าย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ผลิต Soft Technology ต้องตระหนัก คือการควบคุมเรื่องลิขสิทธิ์ หรือปัญหาการถูกลอกเลียนแบบ ซึ่งถูกกระทำได้ง่ายกว่าการลอกเลียนแบบในอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี
ปรากฎการณ์ข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า Soft Technology กลายเป็นธงนำในการพัฒนาทางด้าน ICT ซึ่งทำให้ SenseMaker ตระหนักว่า Soft Technology และ ICT เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสะท้อนถึง วิสัยทัศน์ของสังคมผู้พัฒนา และรวมถึงสังคมผู้ใช้ประโยชน์ออกมาอย่างชัดเจน กล่าวคือวิสัยทัศน์ของสังคมหนึ่ง จะถูกสะท้อนผ่านลักษณะความสามารถของ Soft Technology และ ICT และรูปแบบการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวของสังคมนั้น
สาเหตุสำคัญของปรากฎการณ์ข้างต้น เนื่องจาก Soft Technology เป็นเทคโนโลยีที่สามารถถูกปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงได้อย่างสม่ำเสมอ และในอัตราที่ถี่กว่าเทคโนโลยีอื่นใด ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้แนวความคิดและความเข้าใจ เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้งาน Soft Technology ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน สามารถถูกส่งผ่านมาที่ตัวเทคโนโลยีได้อย่างชัดเจน ง่ายดาย และรวดเร็ว
ตัวอย่างที่ชัดเจนได้แก่ เทคโนโลยีเว็บในปัจจุบัน ซึ่งหน้าเว็บมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ทั้งการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ การลดบางบริการซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบวีธีการนำเสนอ โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เกิดจากการที่เทคโนโลยีเปิดโอกาสให้ ผู้ที่เกี่ยวของ ซึ่งได้แก่ผู้ใช้งานและผู้พัฒนา มีการสื่อสารระหว่างกัน เพื่อให้เว็บถูกพัฒนา ไปในทิศทางที่สะท้อนความต้องการอย่างแท้จริง (ลองนึกถึงเทคโนโลยีเว็บที่มีการ ทำ Poll หรือการ Vote เพื่อการเลือกที่จะ เอาหรือไม่เอา กับแนวทางใดแนวทางหนึ่ง เพื่อการดำเนินการให้สอดคล้องกับผลลัพท์ที่ได้ต่อไป)
อีกทั้งแนวนโยบายของสังคมหนึ่งๆ ที่มีต่อการพัฒนาทางด้าน Soft Technology สามารถสะท้อนวิสัยทัศน์ของสังคมนั้นๆ ที่มีต่อการพัฒนาทางด้าน ICT และต่อการพัฒนาสังคมเองในปัจจุบัน โดยหากสังคมใดต้องการใช้ประโยชน์จาก ICT อย่างมีประสิทธิภาพ สังคมนั้นจำเป็นต้องให้ความสนใจ และใส่ใจกับการพัฒนาประสิทธิภาพ ทางด้าน Soft Technology และ ICT อย่างมีแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจน (หากผู้อ่านได้อ่านบทความแรก ก็จะทราบว่า ICT มีผลกระทบต่อสังคมในหลากหลายด้านและในวงกว้าง)
ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ หากสังคมใดมอง Soft Technology และ ICT เป็นเพียงสิ่งที่เข้ามาสนับสนุนการทำงาน ช่วยให้เราสามารถทำงานในระบบเดิมได้รวดเร็ว ถูกต้อง คล่องตัวมากขึ้น Soft Technology และ ICT ก็จะเป็นแค่เครื่องมือที่เข้ามาช่วยทำงานประจำและซ้ำซาก (routine) หรือเป็นเพียงเครื่องมือช่วยทำงานทางด้านสำนักงาน (office automation) หรือเป็นเพียงแค่หนึ่งช่องทางในการติดต่อสื่อสารเพียงเท่านั้น (เช่น email และ instant messaging เป็นต้น)
แต่หากสังคมใด มีมุมมองเกี่ยวกับ Soft Technology และ ICT ที่แตกต่างออกไป ก็จะทำให้สังคมนั้น สามารถได้รับประโยชน์จากมัน ในลักษณะที่ Soft Technology และ ICT ถูกเชื่อ หรือ ในลักษณะที่สังคมนั้นมีวิสัยทัศน์
ตัวอย่างเช่น หากสังคมมอง Soft Technology และ ICT ว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้สังคมนั้นๆ สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางสังคมครั้งใหญ่ ไปสู่สิ่งที่เรียกว่า e-society สังคมทั้งหมดก็จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาวะ ซึ่งสมาชิกทุกคนในสังคม เชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายบริการข้อมูลทางสังคมขนาดใหญ่ ที่อนุญาตให้สมาชิกทุนคน สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบริการที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องเดินทางไป ณ แหล่งข้อมูลหรือบริการนั้นๆด้วยตนเอง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการดำเนินชีวิต ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจและรูปแบบการทำธุรกรรมต่างๆ และอาจรวมไปถึงการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับคติหรือค่านิยมทางสังคมอีกด้วย (เช่น การเปลี่ยนค่านิยมไปสู่การมีหน้าร้านเสมือนทดแทนการมีหน้าร้านจริง ของธุรกิจต่างๆ)
ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆข้างต้น SenseMaker จึงอยากชวนให้ทุกท่าน เข้าใจถึงบทบาท หน้าที่ และการมีส่วนร่วมของตัวท่านเองกับกระบวนการพัฒนา Soft Technology และ ICT ไม่ว่าจะในลักษณะของผู้ใช้งาน ผู้พัฒนาเทคโนโลยี หรือผู้กำหนดแนวนโยบาย อีกทั้งตระหนักถึงผลกระทบจากการมีส่วนร่วมของท่าน ในการร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ของสังคมที่มีต่อ Soft Technology และ ICT เพื่อให้ในท้ายที่สุด ทุกท่านในฐานะของสมาชิกในสังคม ได้รับประโยชน์จาก Soft Technology และ ICT อย่างเต็มที่
จากนี้ไปหากท่านมีโอกาสได้สัมผัสถึง Soft Technology และ ICT ของสังคมหนึ่ง หวังว่าท่านคงสามารถมองเห็นวิสัยทัศน์ของสังคมนั้นได้เป็นอย่างดี