Skip to main content

เป็นอีกครั้งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถส่งบทความเข้ามาได้ตามกำหนด โดยคราวนี้ทิ้งระยะไปนานมาก จนทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผิดต่อผู้อ่านและผู้บริหาร blogazine เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

\\/--break--\>

บทความวันนี้เกิดขึ้น จากประสบการณ์ตรงที่ข้าพเจ้าประสบ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าเห็นความแตกต่างทางสังคม ระหว่างประเทศสองประเทศ ในเรื่องของความร่ำรวยข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนประกอบสำคัญ นั่นคือ ความอุดมทางข้อมูล ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และมุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ


ประเทศแรกคือ หนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับ ว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำทางด้านเศรษฐกิจโลก นั่นคือประเทศ อังกฤษ ส่วนอีกหนึ่งประเทศที่ข้าพเจ้าต้องการเปรียบเทียบ คือ ประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเราๆท่านๆ นั่นคือ ประเทศไทย โดยการเปรียบเทียบครั้งนี้ อ้างอิงจากการหาข้อมูลบนอินเตอร์เนต ผ่านเว็บไซท์ค้นหาข้อมูลเช่น google รวมถึงการเข้าค้นข้อมูลในและการติดต่อกับเว็บไซท์ต่างๆภายในประเทศทั้งสอง


เรื่องแรกที่อยากพูดถึงคือ เรื่องของความอุดมทางด้านข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด


การได้มีโอกาสหาข้อมูลเพื่อการใช้ชีวิตในทั้งสองประเทศ ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจถึงสถานการณ์ความอุดมของข้อมูล ในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตในสังคมนั้น ซึ่งข้าพเจ้าพบว่า ในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นประเทศชั้นนำของโลก มีความอุดมทางด้านข้อมูลเป็นอย่างมาก นั่นหมายถึง หากท่านสงสัยเกี่ยวกับอะไรก็ตามที ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลบริการของหน่วยงานของรัฐ ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆของภาคเอกชน ข้อมูลข่าวสารทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ และรวมถึงข้อมูลที่เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนคนอื่นๆในเรื่องต่างๆ ท่านสามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย


ซึ่งตรงนี้เองมีประโยชน์มหาศาลต่อประชาชน เพราะความอุดมทางด้านข้อมูล ทำให้ประชาชนสามารถทราบถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งในที่สุดอำนวยให้ประชาชน สามารถทำการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที และด้วยทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น


การตัดสินใจต่างๆในชีวิต เช่น การเลือกสถานศึกษาและสายอาชีพของลูกหลาน การเลือกอาชีพและการสมัครงาน การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงการตัดสินใจลงทุนทางธุรกิจต่างๆ คือการตัดสินใจและการลงทุน ครั้งใหญ่ที่สำคัญมาก บางครั้งถึงมากที่สุดในชีวิตของใครหลายๆคน ซึ่งความอุดมทางด้านข้อมูล เป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและการลงทุนเหล่านี้ เนื่องจากการตัดสินใจเหล่านี้ เป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิตของประชาชนคนหนึ่งเลยที่เดียว ดังนั้นการมีข้อมูลที่เพียบพร้อมกว่า ย่อมทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าการตัดสินใจโดยมีข้อมูลไม่เพียงพอ


ในทรรศนะของข้าพเจ้า สังคมที่มีความอุดมทางด้านข้อมูล ย่อมมีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาไปในทางที่ดีและรวดเร็วกว่า สังคที่ขาดซึ่งความอุดมทางด้านข้อมูล อย่างไรก็ดีความอุดมทางด้านข้อมูลนี้ ไม่สามารถถูกพลักดันให้เกิดขึ้น จากความพยายามของภาครัฐเพียงเท่านั้น หากแต่อยู่ที่การที่ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของสภาวะนี้ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสภาวะนี้ขึ้นมา


เรื่องที่สองที่ขอพูดถึง คือ ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้ ข้อมูลที่มีอยู่ของประเทศนั้นไม่ว่าจะอุดมหรือไม่ สามารถถูกนำไปใช้ประโยชน์ เนื่องจากถึงแม้ว่าสังคมหรือประเทศหนึ่งจะมีความอุดมทางข้อมูลสูง หากประชาชนมีความยากในการเข้าถึงข้อมูล ก็จักทำให้ข้อมูลที่มีอยู่ ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง


อย่างไรก็ดีในปัจจุบัน อินเตอร์เนตได้กลายเป็นสื่อสำคัญ ที่ช่วยให้ประชาชนในประเทศต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นและด้วยราคาที่ถูกลง และเมื่อมองจากมุมของความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเตอร์เนต เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างอังกฤษ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายกว่า เมื่อเปรียบกับประเทศไทยของเรา ซึ่งทำให้ประชาชนของเค้า สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีความอุดมสูง และใช้ประโยชน์จากข้อมูลต่างๆนั้น ได้อย่างเต็มที่


ตามทรรศนะของข้าพเจ้า ความอุดมทางด้านข้อมูลกับความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล มีความสอดคล้องและใกล้ชิดกันอย่างแยกไม่ออก คล้ายกับความสัมพันธ์ของไก่กับไข่ ในลักษณะที่ว่าไม่มีไก่ก็ไม่มีไข่ แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีไข่ก็ไม่มีไก่ นั่นคือ หากการเข้าถึงข้อมูลนั้นทำได้ยาก ก็จักทำให้ประชาชนในทุกภาคส่วน ผู้ซึ่งเป็นกลจักรสำคัญ ที่ทำให้ข้อมูลบนอินเตอร์เนตมีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ทำหน้าที่ของตน ในการร่วมกันสร้างข้อมูลต่างๆ ซึ่งในที่สุดก็จักทำให้ความอุดมทางด้านข้อมูลไม่สามารถเกิดขึ้นได้


ในขณะเดียวกันหากไม่มีความอุดมทางด้านข้อมูลแล้ว ประชาชนก็ไม่คิดถึงและไม่ต้องการที่จะเข้าไปใช้ประโยชน์ข้อมูลเหล่านี้ ต่อให้การเข้าถึงข้อมูลจะมีความง่ายเพียงใด เนื่องจากประชาชนเข้าใจว่า พวกเค้าไม่สามารถหวังพึ่งพาแหล่งข้อมูลเหล่านี้ได้ ผลที่ตามมาก็คือ แหล่งข้อมูลบนอินเตอร์เนตจักไม่เป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป และไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อดำเนินการให้การเข้าถึงข้อมูล มีความง่ายมากขึ้นและในราคาที่ย่อมเยาขึ้น


ดังนั้น หากประเทศใดต้องการได้ประโยชน์จากสภาวะความอุดมทางด้านข้อมูล โดยเฉพาะบนอินเตอร์เนต ปฏิเสธไม่ได้ว่าจักต้องมีการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน เพิ่มบทบาทในการร่วมกันสร้างข้อมูลบนอินเตอร์เนต ไปพร้อมกับการสนับสนุนให้ ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายขึ้นและด้วยราคาถูกลง


ประการสุดท้ายที่อยากพูดถึงวันนี้ นั่นคือ เรื่องของ มุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนถึงความสามารถ ในเรื่องของการตีโจทย์การสร้างเว็บของแต่ละประเทศ


จากการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาส ท่องไปในเว็บต่างๆของทั้งประเทศอังกฤษ และประเทศไทย เพื่อหาข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในทั้งสองประเทศ ข้าพเจ้ารับรู้ได้ว่า เว็บในประเทศอังกฤษ มีความเข้าใจในการจัดโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ ที่มุ่งสนองตอบความต้องการของผู้ใช้งาน มากกว่าสนองตอบความต้องการของเจ้าของเว็บ ที่สร้างเว็บเพื่อการนำเสนอข้อมูลที่ตนเองต้องการ ตามรูปแบบตัวเองต้องการ ซึ่งการมีมุมมองที่ดีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บนี้เอง ที่ช่วยให้เว็บมีโครงสร้างข้อมูล ที่ง่ายต่อผู้ใช้แต่ละกลุ่ม และมีข้อมูลครบถ้วนตามที่ลูกค้าแต่ละกลุ่มต้องการ


หากเปรียบการวางเป้าหมายชีวิต คือวางเป้าหมายในการขับรถ ความร่ำรวยข้อมูลคงเปรียบเสมือนการมีแผนที่ที่มีคุณภาพ ที่ช่วยให้การขับรถเดินทางครั้งนี้ สามารถไปถึงยังเป้าหมาย ได้อย่างถูกต้องและใช้เวลาน้อยที่สุด และเมื่อเข้าใจว่า ความอุดมทางด้านข้อมูล ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และมุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ คือสามส่วนประกอบสำคัญ ที่ทำให้เกิดความร่ำรวยข้อมูล


ความอุดมทางด้านข้อมูล คงเปรียบได้กับ การมีแผนที่ซึ่งถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลุม และสอดคล้องกับการเดินทางในครั้งนี้


ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล คงเปรียบได้กับ การที่เราสามารถหยิบแผนที่ที่ต้องการนี้ ขึ้นมาใช้ได้ในทุกครั้งที่

ต้องการได้หรือไม่


มุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ คงเปรียบได้กับ การที่แผนที่ที่เรามีนั้น ได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้ใช้อย่างเราหรือไม่ หรือถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจหรือไม่


ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จักช่วยให้ท่าน มองเห็นในภาพกว้าง และรับรู้ถึงความสำคัญ ของการเป็นประเทศร่ำรวยข้อมูล และในบทความหน้า ข้าพเจ้าจะมาต่อยอดบทความในวันนี้ ด้วยการวิเคราะห์ความจำเป็น ที่เราจักต้องพัฒนาทั้ง 3 ส่วนประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความอุดมทางด้านข้อมูล ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และมุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ ไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ทุกท่านเข้าใจประเด็นดังกล่าวนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆท่าน จักช่วยกันผลักดันให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ร่ำรวยข้อมูลมากขึ้นต่อไป

 

 

บล็อกของ SenseMaker

SenseMaker
น้ำมาถึงไหนแล้วหว่า...บ้านฉันน้ำจะท่วมมั้ยเนี่ย...จะหาข้อมูลที่จำเป็นได้จากที่ไหนบ้างหว่า...เวลาเดือดร้อนจะต้องแจ้งใคร...ทำไมโทรไป 1111 กด 5 แล้วถามอะไรไปก็ตอบไม่ได้... ........ใครก็ได้ช่วยบอกทีเหอะว่าฉันกับครอบครัวต้องทำยังไงบ้าง.......ข้อมูลประกอบการตัดสินใจอะไรๆก็ไม่มี ที่มีก็ไม่รู้จะเชื่อได้มากขนาดไหน เชื่อได้รึเปล่า.........
SenseMaker
ขอสวัสดีปีใหม่แด่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงอวยพรให้ทุกท่าน สุขกาย สบายใจมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ และมีสติในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ
SenseMaker
  จากที่สัญญาว่าในบทความนี้ ข้าพเจ้าจะมาต่อยอดบทความจากครั้งที่แล้วในหัวข้อ “ความร่ำรวยข้อมูล” ด้วยการวิเคราะห์ความจำเป็น ที่เราจักต้องพัฒนาทั้ง 3 ส่วนประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความอุดมทางด้านข้อมูล ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และมุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ ไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ทุกท่านเข้าใจประเด็นดังกล่าวนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
SenseMaker
เป็นอีกครั้งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถส่งบทความเข้ามาได้ตามกำหนด โดยคราวนี้ทิ้งระยะไปนานมาก จนทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผิดต่อผู้อ่านและผู้บริหาร blogazine เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
SenseMaker
ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วในหัวข้อ ความเป็นส่วนตัวของคุณราคาเท่าไหร่ ข้าพเจ้าอยากชวนท่านผู้อ่านคิดต่อไปอีกนิดว่า ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่ท่านเปิดเผยไว้บนพื้นที่ออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social network sites) ต่างๆ เช่น Facebook และ MySpace จะไม่ทำให้ท่านสูญเสียอะไร หรือเสียใจในอนาคต
SenseMaker
จากบทความที่แล้วในหัวข้อ การจัดระเบียบโลกใหม่ การเมืองไทย และICT ข้าพเจ้าได้ชี้ให้เห็นว่า เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ICT ในปัจจุบัน ทำให้ความสามารถของมนุษย์ ในการจัดการและจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากอาศัยเพียงประสาทสัมผัสของมนุษย์ จะไม่สามารถเข้าถึงและจัดการได้ และความด้วยความก้าวหน้านี้ ทำให้มนุษย์สามารถเห็นและรับรู้ ในข้อมูลที่เคยยากที่จะเห็นและรับรู้ อีกทั้งยังทำให้เข้าใจในสิ่งที่เคยยากต่อการวิเคราะห์
SenseMaker
ความก้าวหน้าทาง ICT ในปัจจุบัน ช่วยให้เราๆท่านๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งยากที่จะเข้าถึงในอดีต ได้ง่ายขึ้น เช่น ข้อมูลของบุคคลหรือข้อมูลขององค์กรที่เราสนใจ ข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศใดประเทศหนึ่ง รวมถึงองค์ความรู้ในด้านต่างๆ เป็นต้น
SenseMaker
หลังจากบทความที่เรียกได้ว่า บทบรรณาธิการแรก ได้ชี้แจงเป้าหมายการดำรงอยู่ ของพื้นที่ทางความคิดแห่งนี้ บัดนี้เวลาล่วงเลยมาครึ่งปี โอกาสแห่งการพูดคุย กับท่านผู้อ่านอีกครั้ง ก็มาถึงทุกๆ12 บทความ ที่ได้ทำหน้าที่ของมันผ่านพ้นไป ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ผู้เขียนกับผู้อ่านจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน เพื่อทำให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นประโยชน์กับทุกๆคน อย่างแท้จริงในทัศนะของข้าพเจ้าแล้ว ICT เข้ามามีบทบาท ต่อชีวิตของเราทุกคน ในทุกวันนี้มากขึ้นทุกที แต่ละคนได้รับประโยชน์ ผลกระทบ และผลลัพธ์ ที่แตกต่างกันไป จากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ซึ่งมี ICT เป็นปัจจัยต้นเหตุ
SenseMaker
Peer Review อาจไม่ใช่คำในภาษาอังกฤษ ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมคุ้นเคย แต่เป็นคำคุ้นเคยเป็นอย่างดีในสังคมนักวิชาการ อาจารย์ หรือ นักวิจัย เนื่องจากสังคมดังกล่าว มีวัฒนธรรมและกิจกรรมหลัก ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ด้วยการต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่เดิม ผ่านการพัฒนาผลงานวิจัยใหม่ ซึ่งการยอมรับจากสมาชิกในสังคมเดียวกัน มีความสำคัญกับผลงานวิจัยแต่ละชิ้นมาก เนื่องจากไม่ว่าผลงานดังกล่าว จะมีคุณภาพในสายตาผู้พัฒนาเพียงใด แต่หากไม่ได้รับการตอบรับจากสมาชิกในสังคม ผลงานนั้นก็ถือได้ว่า ไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับสังคมมากนัก
SenseMaker
ในอดีต การเกิดขึ้นของสังคม มักจะถูกจำกัดด้วยเส้นขอบเขตของเวลาและสถานที่ การเป็นส่วนหนึ่งในสังคม เกิดจากการมีส่วนร่วมอยู่ในเวลาและสถานที่เดียวกัน เช่น การอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน การไปโรงเรียนหรือสถานศึกษาเดียวกัน การทำงานในบริษัทหรือสถานที่ทำงานเดียวกัน หรือ การอยู่ในกลุ่มทำกิจกรรมเดียวกัน เป็นต้นแต่ด้วยความก้าวหน้าของ ICT และการขยายตัวของอินเตอร์เนต ทำให้ในปัจจุบัน การมีและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ของเราแต่ละคน ไม่ถูกจำกัดโดยสองข้อจำกัดข้างต้น อีกต่อไป และทำให้ในปัจจุบันนั้น เราแต่ละคน มีและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ที่ถูกสร้างขึ้นบนอินเตอร์เนต เพิ่มมากขึ้นๆทุกที
SenseMaker
  หลังจากหลายบทความในคอลัมน์แห่งนี้ ข้าพเจ้าได้ใช้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่นับวันดูเหมือนว่า "เป็นการยากสำหรับประชาชน ที่จะทำความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อการดำรงชีวิตอย่างเท่าทัน" บทความวันนี้ จึงถูกเขียนขึ้นเพื่อแสดงทัศนะเกี่ยวกับกลไกทางสังคม ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพื่อทำหน้าที่คุ้มกันและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบหรือถูกกระทำ จากความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเหล่านี้ โดยไม่อาจป้องกันตนเองได้อย่างเท่าทัน หากขาดไปซึ่งกลไกทางสังคมที่จะขอกล่าวถึงในวันนี้เรามาเริ่มทบทวนกันก่อนว่าความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ซึ่งถูกกล่าวถึงในคอลัมน์แห่งนี้…
SenseMaker
สุขสันต์ปีใหม่แด่ทุกท่าน ผู้ซึ่งให้เกียรติแวะเวียนเข้ามาอ่านบทความในคอลัมน์แห่งนี้ ทั้งขาประจำและขาจร ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงอำนวยอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกาย สบายใจ และสามารถดำรงชีวิตอย่างมีสติ (และมีสตางค์ใช้อย่างพอเพียง) ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นปีใหม่ ด้วยอีกหนึ่งงานเขียนที่มุ่งสื่อสารให้ผู้คนในวงกว้าง ตระหนักถึงผลกระทบที่ ICT มีต่อการดำเนินชีวิตในทุกระดับ เพื่อให้ทุกท่านสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างเท่าทัน อีกทั้งสามารถประยุกต์ใช้มันอย่างมีประโยชน์