Skip to main content

 

เมื่อวันที่ 10-13 พฤศจิกายน สหประชาชาติได้ร่วมจัดงานประชุมการกำกับอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศ หรือ Internet Governance Forum ครั้งที่ 10 (IGF 2015 Brazil) ณ เมือง Jao Pessoa ประเทศบราซิล ซึ่งน่าสนใจมากในแง่ของการเมืองระหว่างประเทศ เพราะเมื่อสองปีก่อนเกิด “รอยร้าว” ในความสัมพันธ์ระหว่าง บราซิลเจ้าภาพ กับ สหรัฐอเมริกาผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์และเทคโนโลยีสารสนเทศโลก เมื่อ เอ็ดเวิร์ด สโนเดน อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐ ได้เผยข้อมูลว่าหน่วยงานความมั่นคงได้ทำการดักฟังและล้วงข้อมูลจากเครื่องมือสื่อสารของประธานาธิบดีบราซิล

การจารกรรมไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศกำหนดว่าเป็นความผิดทางอาญาระหว่างประเทศ แต่เป็นที่รับรู้กันในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นการทำลาย “ความไว้วางใจ” ระหว่างมิตรประเทศ และอาจนำไปสู่การดำเนินนโยบายตอบโต้ได้ตามสัดส่วนความเหมาะสม   ต่างจากระบบกฎหมายภายในหากตรวจพบจารชนที่ทำการจารกรรมข้อมูลของผู้นำรัฐ มักมีความผิดร้ายแรงฐาน “กบฏต่อความมั่นคง” มีโทษร้ายแรงสูงสุด

ดังนั้นเกมส์การเมืองระหว่างประเทศจึงต้องออกแบบให้สอดคล้องกับทุนของรัฐ และเลี้ยงตัวเองให้อยู่ในกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และใช้เวทีระหว่างประเทศให้เป็นประโยชน์สูงสุดจากความเสียหายที่เกิดขึ้น  เข้าทำนอง “พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส”

โอกาสที่ว่ามาพร้อมกับมิตรสหายร่วมชะตากรรมเมื่อพบว่า ผู้นำอีกหลายประเทศก็ตกอยู่ภายใต้การจับจ้องด้วยเทคโนโลยีจารกรรมขั้นสูงไม่ต่างกัน   ดังนั้นนับแต่ปี 2013 เป็นต้นมา บราซิลและเยอรมนีที่มีศักยภาพในการเมืองระหว่างประเทศจึงกลายมาเป็นสองรัฐที่มีบทบาทนำในการผลักดันวาระต่างๆที่เกี่ยวกับการสื่อสารและความปลอดภัยในระบบโทรคมนาคมโลก   โดยมีการเสนอวาระเข้าสู่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนจนมีรายงานเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของพลเมืองเน็ตแห่งยุคดิจิตอลออกมาอย่างต่อเนื่อง

การประชุม IGF ในปีนี้มีธีมที่สื่อเป็นนัยยะว่าวิวัฒนาการของอินเตอร์เน็ตจะต้องเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือก็คือ การสร้างระบบกำกับดูแลอินเตอร์เน็ตจะต้องเกิดจาก การมีส่วนร่วมของทุกรัฐ ทุกฝ่ายที่มีประโยชน์ได้เสีย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การสร้าง

·       ความมั่นคงในโลกไซเบอร์บนพื้นฐานของ “ความไว้วางใจ” (Trust)

·       การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล โดยเปิดให้ทุกกลุ่มเข้าไปมีส่วนกำหนดทิศทางอย่างหลากหลาย

·       สนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้เสียมีปากมีเสียงในการออกแบบระบบมากขึ้น เช่น กลุ่มผู้ด้อยโอกาส

·       การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเชื่อมโยงระบบ เช่น การส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสื่อสาร เช่น ประเทศที่การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตน้อย

·       การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในโลกออนไลน์ ต้านการเซ็นเซอร์ การจับกุม/ข่มขู่ การล้วงตับ การสอดส่อง

            อย่างที่บอกไปนี่คือ ผลพวงจากการเปิดเผยข้อมูลโดย สโนวเดน โดยมีอีกโครงการที่คน “ทั้งโลก” ต้องให้ความสนใจนั่นคือ ข้อตกลงระหว่างสภาความมั่นคงสหรัฐ  กับ หน่วยข่าวกรองดักสัญญาณสื่อสารสหราชอาณาจักร ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จารกรรมมาจากสายเคเบิ้ลสื่อสารใต้มหาสมุทร เรือดำน้ำสหราชอาณาจักรดักข้อมูลแล้วส่งต่อให้ระบบประมวลผลของสภาความมั่นคงสหรัฐ(NSA) ณ Fort Meade มลรัฐ Maryland เพื่อเก็บเป็นเหมืองไว้รอขุดคุ้นต่อไป ซึ่งกระทบกระเทือนต่อความเป็นส่วนตัว และข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองเน็ตทั่วโลก

การดักฟังผู้นำของประเทศต่างๆ และกิจกรรมจารกรรมระหว่างประเทศนั้น สหภาพยุโรปและประเทศสำคัญ เช่น บราซิลโต้กลับด้วย มาตรการทางการทูต และกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างแยบคายต่อเนื่อง จนนำไปสู่การปฏิรูประบบการข่าวกรองภายในของสหรัฐผ่านคำประกาศของโอบาม่า   รวมไปถึงท่าทีและแนวปฏิบัติของบรรษัทยักษ์ใหญ่ที่ปฏิเสธการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ

แรงบีบของสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดใหญ่นำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อเปิดโอกาสให้พลเมืองสหภาพยุโรป (มิใช่คนสัญชาติสหรัฐอเมริกา) สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องบรรษัทหรือหน่วยงานรัฐของอเมริกาได้ใน “ศาลสหรัฐอเมริกา” ภายในปี 2016    โดยสหรัฐยอมทำข้อตกลงระหว่างสองภูมิภาคที่เป็นพันธมิตรนาโต้ NATO Cross Atlantic Relationship ชื่อว่าข้อตกลง “EU-US Umbrella Agreement”

การบีบโดยอาศัยการออกกฎหมายภายในของตนมาให้รัฐอื่นยอมรับนี้ดูสุภาพนุ่มนวล เสมือนว่าการยอมอ่อนข้อให้ในระดับหนึ่ง เป็นกลวิธีในการเจรจาจนได้ผลลัพธ์ออกมา  

แต่หากมองในเชิงปฏิบัติกลับเป็นว่า ยุโรปยอมตกลงให้ พลเมืองต้องลงทุนไปฟ้องเองถึงศาลสหรัฐ   ทั้งที่ในข้อเสนอ ตอนแรกEU จะเอาช่องทางฟ้องร้องแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One-Stop Unit) ในดินแดนสหภาพยุโรปให้ได้ ไม่ว่าผู้ละเมิดจะเป็นรัฐบาลสหรัฐหรือบรรษัทสัญชาติสหรัฐก็ตาม

ถ้าสหรัฐและสหภาพยุโรป เคาะเรื่องนี้ออกมา ก็คงออกมาพร้อมกับ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลแห่งสหภาพยุโรป (EU General Data Protection Regulation) ที่สหภาพยุโรปกำลังจะออกในปลายปี 2015 เลย เพราะนี่มันประเด็นสุดท้ายแล้วที่เถียงกันไม่จบ ...แต่ว่า มันจะมีผลในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปเทียบเท่ากฎหมายภายในรัฐในอีก 2 ปีถัดไปทันทีที่ประกาศ (ระบบสหภาพยุโรปจะให้เวลารัฐปรับตัว เช่น จัดงบประมาณ บุคลากร ความพร้อมต่างๆ)

ไทยไม่ควรดันกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิตอล หรือ อินเตอร์เน็ต ในช่วงนี้ เพราะต้องแก้ใหม่แน่นอน แต่ควรพัฒนานวัตกรรมในการระงับข้อพิพาทออนไลน์ (Online Dispute Settlement Unit) หรือ หน้าเว็บรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์ หรือกลไกรองรับการดำเนินคดีแบบกลุ่ม Class Action มากกว่า   แม้จะยังไม่พบความคืบหน้าว่า สหภาพยุโรปจะผลักดันให้มีองค์กรหรือกลไกใดในการอำนวยความสะดวกให้กับพลเมืองผู้ตกเป็นเหยื่อของการจารกรรมของสหรัฐด้วยวิธีใดก็ตาม
 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
คลินิกกฎหมาย ฉบับสมบูรณ์ 41 ตอน พร้อมเชิงอรรถอ้างอิงข้อกฎหมายเป๊ะๆ วางแผงแล้ว 
ทศพล ทรรศนพรรณ
วิกฤตการเมืองการปกครองไทยในหลากหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วง 4-5 ปีหลัง   ประเด็นทางกฎหมายที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนนั้นมุ่งตรงมาที่ “การใช้อำนาจอธิปไตยในการวินิจฉัยชี้ขาดของศาล”   เนื่องจากการทำหน้าที่ของศาลนับแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ได้อยู่ในความสนใจของสังคมเป็นอย่างยิ่ง &nbsp
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องถัดมาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งพึ่งมารู้จักกันด้วยเหตุแห่งความซวยครับ   ปัญหาจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์นั่นเอง แต่ไม่ใช่การประสบอุบัติเหตุหรอกนะครับ แต่เป็นเรื่องของความซวยที่มากระแทกหน้าเสียมากกว่า   คงสงสัยกันแล้วว่าเป็นมาอย่างไร ไปติดตามเรื่องที่น้องเขา
ทศพล ทรรศนพรรณ
เนื่องจากมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปรัชญากฎหมาย สำนักกฎหมายธรรมชาติ และสำนักกฎหมายบ้านเมือง ในการตอบโต้ทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง   และตำราด้านปรัชญากฎหมายไทยก็มีความเฉื่อยกว่าพัฒนาการด้านปรัชญากฎหมายที่ถกเถียงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในระดับโลก   จึงขออธิบายให้เข้าใจดังต่อไปนี้
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องถัดมาเกี่ยวเนื่องกับการใช้โทรศัพท์มือถือนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้จะเห็นแผงขายมือถือ บัตรเติมเงิน และการออกประกาศแจกซิมการ์ดโทรศัพท์ฟรีๆ กันตามสถานที่ทั่วไป ทั้งป้ายรถเมล์ ในห้าง วินมอเตอร์ไซค์ ท่าน้ำ ในตลาด และแหล่งชุมชนที่คนพลุกพล่าน   พอมารับเรื่องร้องทุกข์จึงได้รู้ว่ามีคนจำนวนมากที
ทศพล ทรรศนพรรณ
ค่าไฟ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ใกล้ตัวเรามากในสมัยนี้ เพราะ ไฟฟ้าเป็นพลังงานที่ไม่ว่าบ้านไหนก็คงต้องใช้ขับเคลื่อนเครื่องใช้ไฟฟ้ากันใช่ไหมครับ แต่ผมก็เคยออกไปลงพื้นที่กับคลินิกกฎหมายในพื้นที่ห่างไกลไม่มีไฟฟ้าอยู่บ้างเหมือนกันครับ ซึ่งชีวิตของคนในพื้นที่นั้นจะต่างจากในเมืองหรือบ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึงเลยครั
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องราวความสัมพันธ์ของชายหญิงคู่หนึ่งที่ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันแต่ประการใด หลังจากนั้นมีปัญหาเรื่องมือที่สามเข้ามา ทำให้ครอบครัวฝ่ายชายมาปรึกษาเพราะกลัวว่าจะถูกหลอกและปอกลอกทรัพย์สินไปจนหมด
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้ผู้ที่มาปรึกษาเล่าว่า “บิดาข้าพเจ้าไปเซ็นค้ำประกันการซื้อรถยนต์ให้กับเพื่อนที่สนิทกันมานาน เนื่องจากเพื่อนไม่มีญาติเป็นข้าราชการ อีกทั้งสินทรัพย์ต่างๆก็ไม่มีจะเอาไปค้ำประกัน   แต่จำเป็นต้องซื้อรถเพื่อเอามาขนส่งของทำมาหากิน พ่อของข้าพเจ้าเห็นว่าควรช่วยให้เพื่อนมีช่องทางทำมาหากิน
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องของสัตว์ในบางครั้งก็สร้างความยุ่งยากให้กับคน ยิ่งสัตว์เลี้ยงไปสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นก็ย่อมเป็นเรื่องปวดหัวให้เจ้าของต้องจัดการ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามกลายเป็นการทรมานหรือสังหารสัตว์อย่างที่เห็นสื่อนะครับ   ในทางกฎหมายเรื่องสัตว์เลี้ยงนี้เป็นข้อพิพาทในทางทรัพย์สิน จึงอยู่ที่การใช้การ
ทศพล ทรรศนพรรณ
สังคมที่ขับเคลื่อนโดยระบบตลาดทุนนิยมเสรีนั้น ฝากความหวังไว้กับผู้บริโภคในการคัดเลือกสิ่งที่ดีให้คงอยู่ในตลาด  ผ่านการจ่ายเงินซื้อและสนับสนุนสินค้าและบริการที่ผลิตอย่างมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม หรือที่นักเศรษฐศาสตร์คาดหวังว่า จะมีเพียง “ผู้ใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” เท่านั้นที่จะคงเหลืออยู
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องต่อไปนี้ขยายวงกว้างไปมากหลังจากบัตรเครดิต/เดบิต กลายเป็นเงินพลาสติกที่เราพกพาไปไหนได้ง่าย ไม่ต้องกลัวว่าแบบพกเงินสดว่าถ้าตกหายไปแล้วมันจะสูญเสียไปทันที  แถมยังมีข้อดีตรงที่เรามีวงเงินเพิ่มเติมได้หากต้องการใช้เงินฉุกเฉินหรือใช้เงินเกินกวาที่วางแผนล่วงหน้าไว้นิดหน่อย   แม้มีหลา
ทศพล ทรรศนพรรณ
คราวนี้เราจะกล่าวถึงเรื่องใด?