Skip to main content
 

ใกล้สิ้นปีแล้ว

เหลืออีกเดือนเดียว เดือนธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี ที่เวลาเดินเร็วที่สุด จำนวนวันก็เท่าๆกับเดือนอื่นๆ เราไม่ได้เร่งรัดวันเวลา ปล่อยวันในเดือนสุดท้ายเดินไปตามปรกติ เวลาเดินไปสม่ำเสมอ ภายใต้ความรู้สึกคึกคัก เหมือนมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษของเรา งานเลี้ยงรุ่นใกล้เข้ามาอีกปีหนึ่ง กำหนดคงเป็นต้นเดือนมกราคม 2552 จะได้พบเพื่อนที่เคยนุ่งกางเกงขาสั้นสีกากีเสื้อขาวอีกครั้ง หน้าตาคงเปลี่ยนไปตามวัย

ผมเผ้าน้อยลง หน้าเหี่ยวตีนกาขึ้น ลงพุงแข่งกัน ฟันฟางแท้ลดจำนวนฟันปลอมเข้ามาครองแทนที่ ไม่น่าดูเลย ช่างเป็นอนิจจังเสียจริง


นึกถึงปีที่ผ่านมา

ได้พบเพื่อนรุ่นเดียวกันราว 9-10 คน นอกนั้นรุ่นอื่นแต่สถาบันเดียวกัน เห็นหน้าแล้วอดนึกถึงวีรกรรมบางเรื่องของเพื่อน ที่นึกถึงคราใดอดขำไม่ได้ อย่างเช่น

 

มาโนช เป็นประตูฟุตบอลรุ่นใหญ่ ทีมเดียวกับผม มาโนชเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งปั่นจักรยานไม่มีเบรก

ลงจากสะพานนครพิงค์ แม้ไม่ปั่นรถจักรยานก็วิ่งเร็วกว่าปรกติ รถวิ่งลงมาแล้วใกล้ถึงสี่แยก ซึ่งยังไม่มีสัญญาณไฟแดงเขียวเหลือง หากปล่อยรถวิ่งตรงไป รถอาจชนกับรถคันอื่นได้ มาโนชตัดสินใจเลี้ยวซ้ายด้วยความตื่นตระหนก กลัวรถพลิกคว่ำ กลัวรถแหกโค้งชนรถคันอื่น รถตีโค้งมาได้อย่างน่าหวาดเสียว


มาโนชใจเต้นแรงเหมือนมีกลองในอก สมองคิดวิธีหยุดรถโดยเร็ว ตามองเห็นร้านซ่อมรถข้างถนน กระโดดลงรถทันที เอนตัวไปข้างหลังรั้งรถให้หยุด จอดรถได้อย่างทุลักทุเล


"สูบยางรถหน่อยครับ" มาโนชพูดเสียงดัง หายใจแรง ไม่เหนื่อยกายเท่าใดแต่เหนื่อยใจ

แกล้งทำท่าคึกคักร่าเริง ความจริงภายในตื่นเต้นสุดขีด สูบลมเข้ายางไปตามเรื่อง ทั้งที่ยางยังแข็งปั๋ง

ปัจจุบันเขาคือ ดร.มาโนช สอนมหาวิทยาลัยของรัฐที่เชียงใหม่

 

"เหม่ง"

เป็นชื่อเล่น ชื่อจริงจำได้ครู่เดียวก็ลืมอีกแล้ว เพื่อนที่สนิทกันมากๆ มักเรียกชื่อพ่อของอีกคนแทนชื่อเพื่อน

เรียกติดปากจนลืมชื่อของเพื่อนไปเลย เจ้าเพื่อนที่ถูกเรียกชื่อพ่อ แรกๆ ก็บ่นเหมือนกัน นานไปชักชิน ลืมไปเช่นกันว่าเป็นชื่อพ่อของตน เพื่อนๆ เรียก "เหม่งเว้ยเหม่ง" หันมาทุกที วันหนึ่งมีเพื่อนไปหา "เหม่ง" ที่บ้าน เจอลุงคนหนึ่งเขายกมือไหว้

"ลุงครับ อ้ายเหม่งอยู่ไหมครับ"

"มีธุระอะไร ลุงเองชื่อเหม่ง"

เจ้าเพื่อนจอมทะลึ่งหนาวขึ้นมาทันที โก่งตัวพนมมือแต้ ขอโทษละล่ำละลัก

 

"พิทักษ์"

เป็นเพื่อนอีกคน ที่มีคารมคมคายจีบผู้หญิงเก่ง หน้าตาเขาค่อนข้างดี เขาเล่าให้ฟังว่า เขามีแฟนคราวเดียว 5 คน โดยผู้หญิงไม่ทราบว่า เขาจีบผู้หญิงพร้อมกันหลายคน ผู้หญิงส่งจดหมายมาถึงเขา ในเวลาไล่เลี่ยกันจำนวน 5 ฉบับ เท่าจำนวนผู้หญิงพอดี เขาบรรจงตอบอย่างหยดย้อย คิดว่าเพราะหวานสุดใจ เขียนเสร็จหยิบใส่ซองผิด จดหมายสลับกันไปหมด กว่าจะรู้สึกตัว จดหมายถูกส่งถึงมือผู้รับแล้ว งานนี้พิทักษ์พังประการเดียว เพื่อนคนนี้ได้ข่าวล่าสุด ตาบอดไปข้างหนึ่ง เครียดจัดถึงขั้นจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ภรรยาและญาติๆต้องปลอบกันใหญ่

 

ยังมีเรื่องราว

อีกหลายคน บางคนเป็นระดับ 10 บางคนเป็นลูกจ้าง มีลูกหลายคน บางคนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หลากหลายอาชีพ เพื่อนก็คือเพื่อน สูงต่ำตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด เรายังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ สรรพนามที่พูดคุยกันยังเหมือนสมัยยังเรียนหนังสือ เลี้ยงรุ่นปีนี้ใกล้มาถึง กลับจากงานปีนี้คงมีเรื่องราว มาถ่ายทอดกันอีกกระมัง คงมีอะไรให้ได้อมยิ้ม พอคลายเครียดกับสถานการณ์บ้านเมืองของเราได้บ้างนะครับ.

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน