Skip to main content


เมื่อเลื่อนชั้นไปเรียน ม.6
ฉันได้รับคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลรุ่นใหญ่ของโรงเรียน รูปร่างผอมสูง น้ำหนักแค่ 48 กิโลกรัม

เล่นไม่เก่งเท่าใด  มาหัดเล่นฟุตบอลช้าไป เพื่อนได้เสื้อสามารถกันหลายคน เขาก็สอนการเล่นฟุตบอลให้  เช่น ฝึกเตะลูกฟุตบอลให้กระทบใต้คาน  ลูกจะกระทบพื้นเข้าประตู เพื่อนว่าประตูเทวดาก็รับไม่ได้ ฉันฝึกแล้วมันยากเหลือเกิน อีกลูกเป็นลูกวอลเล่ย์ เพื่อนเสื้อสามารถบอกอีกว่า ต้องเหวี่ยงเท้าขนานพื้นดิน ใช้หลังเท้าเตะตรงกลางลูก ถ้าเตะใต้ลูกลูกจะลอยสูงพ้นตาข่าย  ถ้าเตะลูกคอร์นเน่อร์ต้องเตะให้ลูกโด่งมาตกตรงจุดยิงลูกโทษ ฉันฝึกดูลูกนี้เตะได้ไม่ยาก ผู้สอนและคนอื่นชมว่า ฉันเตะลูกนี้สวย  ทำเอาฉันอมยิ้มไปหลายวันทีเดียว..ขอกลับมาพูดถึงเพื่อนของฉันอีกครั้ง เพื่อนๆที่อายุมากกว่าฉัน 1 ปี ได้จบ ม.6 กันหมดแล้ว และพากันไปเรียนเทคนิค  บางคนหันไปทำงานเอกชน พวกเราจึงห่างเหินสนามทุ่งนาแห่งนี้ไปในที่สุด

ทุ่งนา
ที่ฉันกล่าวถึงนี้ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกชื่อว่า

      หนองบัว หรือหนองบัวเจ็ดกอ หรือหนองเขียว  หรือหนองป่าแพ่ง
    
เป็นหนองน้ำธรรมชาติมีมาตั้งแต่สร้างเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก
    
เฉียงเหนือของเมือง หนองน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีอาณาเขตกว้างขวาง  
    
สามารถรองรับน้ำจากแหล่งต่างๆได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นวิธีป้องกันอุทกภัย 
    
ปัจจุบันได้สร้างถนนอัษฎาธรตัดจากแจ่งศรีภูมิผ่านกลางหนองน้ำแห่งนี้  เพื่อไป 
    
บรรจบกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์”  (จากหนังสือ  “ประวัติล้านนา” โดย  ศาสตราจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล
     หน้า 
135)

หนองบัวเจ็ดกอ
ที่เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่นี้ เป็นชัยภูมิที่สำคัญประการหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงใหม่
มีชัยภูมิถึง 
7  ประการด้วยกัน คือ
1. เคยมีกวางเผือกแม่ลูกมาอาศัยอยู่
2. เคยมีฟานเผือกสองตัวมาอยู่อาศัยและได้สู้กับสุนัข  สุนักพ่ายแพ้หนีไป
3. มีหนูเผือกกับบริวารมาอยู่อาศัย
4. มีน้ำจากดอยสุเทพ ไหลลงมาหล่อเลี้ยงตัวเมืองเชียงใหม่
5. มีน้ำแม่ข่าไหลโอบตัวเมืองเชียงใหม่
6. มีหนองน้ำขนาดใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง สามารถรองรับน้ำจากที่ต่างๆได้มากมาย ช่วยป้องกันน้ำท่วมและไว้ให้สัตว์กิน หนองนี้เรียกว่าหนองบัว หรือหนองบัวเจ็ดกอ  หรือหนองเขียว หรือหนองป่าแพ่ง(ถ้าลากเส้นแบ่งกลางภาพประกอบเรื่อง จากบนลงล่าง  ขยับสายตามองไปทางขวาเล็กน้อย ยอดแหลมที่โผล่จากแนวไม้ข้างหลัง  คือเจดีย์วัดกู้เต้า อาจใช้แว่นขยายส่องดูก็ได้)
7. มีแม่น้ำปิงไหลผ่านด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองเชียงใหม่

ลองเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถาน พ
.. 2542 ค้นหาความหมายคำว่า  “ชัยภูมิ” ได้พบว่า หมายถึง “ทำเลที่เหมาะสม”  ยังไม่พอใจ นึกย้อนหลังไปถึงเมืองหลวงของไทยในอดีต ในยุคสมัยต่างๆ ได้พบชัยภูมิของเมืองหลวงที่สำคัญ ควรแก่การวิเคราะห์ตามประสาคนอยู่ไม่เป็นสุข เป็นต้นว่า กรุงสุโขทัย  มีชัยภูมิ ดังนี้
1. เป็นชุมทางการค้าสำคัญ  ที่ผู้คนทั่วสารทิศมาพบปะกัน
2. ฯลฯ

กรุงศรีอยุธยา มีชัยภูมิ ดังนี้
1. ตั้งอยู่บนดินดอนสามเหลี่ยมที่มีน้ำล้อมรอบ  ทำให้มีความมั่นคงปลอดภัยจากข้าศึก
2. พื้นที่เหมาะสมกับการเกษตร
3. ฯลฯ

กรุงธนบุรี มีชัยภูมิดังนี้
1. มีแม่น้ำกว้างใหญ่ไหลผ่าน
2. เมื่อข้าศึกยกทัพมา สามารถขึ้นเรือหนีไปจันทบุรีได้
3. มีป้อมป้องกันข้าศึก
4. ธนบุรีตั้งอยู่บนเกาะเหมือนอยุธยา
5. ฯลฯ

กรุงเทพฯ  มีชัยภูมิ ดังนี้
1. มีแม่น้ำล้อมรอบถึง 3 ด้านไว้ป้องกันข้าศึก นับว่าเป็นชัยภูมิชั้นเยี่ยมในสมัยนั้น
2. ฯลฯ

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน