Skip to main content


ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

2.
เมื่อได้ฤกษ์เหมาะสม
ตามตำราพิชัยสงคราม  พระเจ้าสุทโธธรรมราชากษัตริย์พม่า  ได้กรีฑาทัพจากหงสาวดี  นำไพร่พลมหาศาลจำนวน  200,000 คน  มาประชิดเมืองฝาง  มุ่งมั่นจะตีเมืองฝางให้แตกยับเยินแบบสิโรราบในเพลาอันสั้น  แต่ผิดคาด  แม้พม่าจะมีรี้พลมากมาย  ล้อมเมืองฝางทุกทิศทาง  ก็มิอาจหักหาญบุกฝ่ากำแพงเข้าในตัวเมืองฝางได้  กำลังทหารของพระเจ้าอุดมสินผู้ครองเมืองฝางเข้มแข็งมาก  ด้วยได้มีการซ่องสุมกำลังทหารไว้ต่อสู้ทหารพม่ามานานปี  มีการรวบรวมชายฉกรรจ์จากหัวเมือง  รัฐต่างๆตามหุบเขา  รวมทั้งการผลิตอาวุธนานาชนิด  เช่น  ดาบ  หอก  ลูกธนู  ปืนใหญ่  รวมทั้งการสะสมเสบียงอาหารอย่างมากมาย  เตรียมพร้อมสู้กับพม่าอย่างยาวนานเป็นปีได้  ยามที่พม่ารุกเข้าชิดกำแพงเมือง  บ้างใช้บันไดปีนขึ้นไป  ก็ถูกโจมตีกลับด้วยน้ำร้อนที่เทลงมาจากกระทะใบใหญ่  ร้องโอดโอยหล่นลงมากระแทกพื้นข้างล่าง  ตามมาด้วยหินผาก้อนใหญ่กระแทกและทับซ้ำ  ทหารพม่าส่วนใหญ่ล้มตายต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าสุทโธธรรมราชาและแม่ทัพนายกอง  ล้วนถูกลูกธนูจากพลธนูสตรีฝีมือแม่นยำ  ที่กระจายรอบกำแพงเมืองฝางทั้งสี่ด้าน  เป็นพลธนูหญิงซึ่งเป็นทหารหญิงของพระนางมัลลิกา  ธิดาคนเดียวของพระเจ้าอุดมสินและพระนางสามผิว  อันพระนางนั้นมีสิริโฉมงดงามเช่นเดียวกับพระมารดา  พระนางมัลลิกาได้ยกกองกำลังธนูจากเวียงมะลิกามาช่วยรบ  ทหารพม่าถูกปลิดชีพด้วยลูกธนู  นอนหงายเกลื่อนกลาด      อวดก้านธนูปักอกชี้ฟ้า  ดังจะเย้ยสายตาแม่ทัพพม่าและพระเจ้าหงสาวดี  ให้แค้นเคืองในใจยิ่งขึ้น  พระองค์ได้สั่งให้ทหารพม่าถอยพ้นระยะธนูด้วยพระพักตร์บึ้งตึง  ให้ทำการล้อมเมืองฝางไว้ในระยะห่างอันตราย  หยุดการเข้าโจมตี  และได้ย้ายมาตั้งค่ายอยู่บนเนินดอยทางทิศเหนือเมืองฝาง  พระองค์ได้ปรึกษากับบรรดาแม่ทัพถึงกลศึกการเข้าโจมตีเมืองฝางให้ได้ชัยชนะ  แล้วทรงนำมาใคร่ครวญด้วยพระองค์เองอีกหลายเพลา  จึงเห็นลู่ทางที่จะกำชัยในศึกครั้งนี้

พระนางมัลลิกาธิดาองค์เดียวของพระเจ้าอุดมสินและพระนางสามผิวนั้น  มีเรื่องราวแสนพิสดารและหดหู่ในใจผู้ที่รับรู้  มีเรื่องเล่าว่า  พระนางสามผิวทรงกริ้วสนมเอกพระเจ้าอุดมสิน  ผู้ครองเมืองฝาง  ถึงเพลาไหว้พระพุทธปฏิมากรแก่นจันทร์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์  อารมณ์หงุดหงิดยังค้างคาในพระหทัย  ไหว้เสร็จปักเทียนสักการบูชาตรงหน้าพระพุทธรูปปฏิมากรแก่นจันทร์  แล้วออกมาทำภารกิจตามปรกติ  เมื่อพระนางสาวผิวระลึกได้  กลับไปห้องพระ  พระพุทธรูปประจำพระองค์ล้มลง  ปลายเทียนล้มลงเผาไหม้พระโอษฐ์พระพุทธรูปประจำพระองค์  พระนางตกใจมาก  ดังเป็นลางร้ายบอกเหตุ  พระนางทรงสำนึกบาป  ครั้งกาลต่อมา  พระองค์ทรงครรภ์ครบทศมาส  ประสูติพระราชธิดาผู้ทรงสิริโฉมงดงาม  ผิวพรรณผุดผ่องเหมือนพระมารดา  แต่มีตำหนิมีริมพระโอษฐ์ด้านล่างแหว่ง.
                                        …………………………………………..

(ภาพจริง อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกาหรือพระนางมัลลิกา  อ.แม่อาย  จ.เชียงใหม่)
 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน