Skip to main content

เพลงคุ้นเคยหลายเพลงดังแว่วมาจากวิทยุข้างบ้าน สลับกับการเล่าเรื่องของดีเจ เธอบอกว่าเทศกาลลอยกระทงปีนี้ไม่คึกคักอย่างปีก่อนๆ คงเพราะบรรยากาศทางการเมือง บวกกับงานราชพิธีและผลจากพิษเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจึงบางตา ประเพณีจึงไม่สวยงามอย่างเคยเป็น


แต่นั่นเป็นเรื่องที่สวนทางกับภาพที่ฉันกำลังได้เห็น


คุณลุงบรรจงทำซุ้มอย่างช้าๆ สบายๆ กับแดดยามสาย


คุณลุงข้างบ้านตื่นแต่เช้า เช่นเดียวกับทุกวัน แต่วันนี้ลุงไม่ไปทำงานในไร่ เช่นเดียวกับพี่สาวบ้านตรงข้ามที่ปกติออกไปขายเสื้อผ้าแต่เช้ามืด พวกเขามายืนผิงแดดอุ่นอยู่หน้าบ้าน แล้วทำความตกลงเจรจาแลกเปลี่ยนทรัพยากรจากสวนหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นก้านมะพร้าว ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ดอกลำโพง ลวด เชือก กระดาษ ทั้งหมดนั้นคืออุปกรณ์การทำ “ประตูป่า” หรือซุ้มดอกไม้ในเทศกาลลอยกระทง



บ้านนี้หยุดงานทั้งครอบครัว ช่วยกันทำซุ้มประตูป่า


ผู้ใหญ่บ้านประกาศย้ำมาอีกครั้งในเช้าวันนั้น ว่าการทำซุ้มประตูป่าไม่ใช่เรื่องบังคับ แต่เป็นการสืบทอดประเพณีของหมู่บ้านที่มีมาช้านาน สิ้นเสียงประกาศก็เหมือนแรงกระตุ้นให้ทุกคนเร่งมือ ฉันเก็บกวาดบ้านอยู่ไม่นานนัก ออกไปมองอีกที ซุ้มประตูป่าก็เริ่มปรากฏขึ้นหน้าบ้านทีละหลัง ทีละหลัง ยืนมองดูการมัดไม้ไผ่เป็นเสา แล้วพาดยาวแนวขวางไว้ห้อยดอกไม้ เหมือนจะยากแต่ก็ไม่ง่าย เหมือนจะง่ายแต่ยังไม่รู้วิธีทำ


ในที่สุดเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาขอตัดไม้ไผ่ที่บ้าน ฉันจึงได้โอกาสถามขั้นตอนที่ง่ายที่สุดกับเขา

เดี๋ยวพี่บอกวิธีให้ ไม่ยากเลย”

 

ซุ้มของพี่สาวใจดีข้างบ้าน ละเอียดละออกับการสานใบมะพร้าวประดับประดา


พี่สาวข้างบ้านบอก เธอคว้ามีดด้ามใหญ่มาจับ เดินอาดๆ เข้าไปหลังบ้านของฉันเอง จากนั้นตัดก้านมะพร้าวมา
2 อัน แล้วใช้กรรไกรตัดปลายใบมะพร้าวออกเพื่อความสวยงาม

จากนั้นก็ทำแบบนี้นะ จับที่ปลายสุดของก้านมะพร้าว แล้วฉีกมันเลย”

เธอทำแค่นั้นจริงๆ ก้านมะพร้าว 1 อัน ฉีกออกจากกันกลายเป็นรูปทรงโค้งสวยงาม ได้ 2 อัน เหลือด้านล่างสุดของก้านเอาไว้ให้ยึดกัน ฉันลากก้านมะพร้าวหนักๆ นั้นออกมาแล้วมัดติดกับประตูรั้วบ้าน ปลายที่โค้งเข้าหากันก็ผูกเชือกไว้ แค่นั้นเองฉันก็มีซุ้มประตูป่ากับเขาแล้ว

รีบไปลงชื่อเร็ว เดี๋ยวพ่อหลวงเขาจะมีของแจกให้"

คุณป้าอีกคนมาช่วยลุ้น ดูเหมือนฉันจะทำเสร็จทีหลังสุด ท่ามกลางสายตาของป้าๆ ลุงๆ ที่เอาใจช่วยเต็มที่ ส่วนพวกเขากำลังประดิษฐ์ประดอยลูกเล่นจากดอกไม้ ใบมะพร้าว โคมไฟกระดาษไม่ให้เหมือนกัน ว่ากันว่า ใครทำสวยที่สุด พ่อหลวงจะมีผ้าห่มแจกให้ ส่วนบ้านไหนสวยน้อยหน่อย อย่างน้อยจะได้น้ำมันพืชกับน้ำปลาไปใช้คนละขวด


แบบนี้ได้น้ำมันพืชแน่ๆ”

คุณลุงเดินมาบอกแล้วหัวเราะ ฉันเหลือบไปมองบ้านพี่ตรงข้าม เธอสร้างสรรค์อย่างจริงจังมากกับเจดีย์ทราย ที่มีลูกสาวและสามีมาช่วยกันอย่างแข็งขัน เจดีย์ทรายหลังนั้นมีประตูป่าขนาดจิ๋ว และมีช้างเดินออกมา พบกับทหารรักษาประตู บนถนนสายดอกไม้ มีอ่างน้ำ 2 แห่งเอาไว้ลอยกระทง บนยอดเจดีย์มีสวนดอกไม้และเทียนปักเอาไว้ คนเริ่มมามุงดูกันอย่างคับคั่ง เธออารมณ์ดีมากกับการสร้างเมืองจำลองไว้หน้าบ้าน ดูเหมือนจะมีเสียงหัวเราะที่ร่าเริงที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินก็ว่าได้


เจดีย์จำลอง มีช้างเดินออกมาลอยกระทง มีทหารเฝ้าหน้าประตู มีถนนดอกไม้ และอ่างลอยอยู่ข้างๆ


แบบนี้ได้ผ้าห่มแน่ๆ”

มีคนออกความเห็น พี่สาวหัวเราะแล้วชี้ให้ไปดูบ้านคุณลุงอีกคนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ คุณลุงบ้านนี้ร้อยดอกบานไม่รู้โรยติดกับใบตองเป็นตัวอักษรว่า “ยี่เป็งรำลึก” พร้อมวางโคมไฟกระดาษที่มีขวดน้ำมันก๊าดอยู่ด้านใน จุดเรียงรายทั้งสองฝั่งประตู หน้าบ้านมีโอ่งน้ำหนึ่งใบ ใส่น้ำแล้วลอยกระทงเอาไว้ แกยิ้มๆ เมื่อขอถ่ายรูป แล้วไล่ให้ไปดูบ้านคุณลุงอีกหลัง ซึ่งสร้างสรรค์ได้ไม่แพ้กัน



บ้านนี้มีตุงประดับร่วมด้วย และใช้ดอกตะล่อมปักเป็นอักษรที่นิยมมากในสมัยก่อน


แล้วฉันก็ต้องตื่นตาตื่นใจ กับดอกปักษาสวรรค์ที่คุณยายตัดจากสวนหลังบ้านมาประดับเป็นช่อบนประตูป่า ที่น่ารักที่สุดคือแกใช้ปากกาวาดรูปบนกระดาษสาแปะเอาไว้

ทำไมถึงเป็นช้างกับหมาคะ” ฉันเอียงคอถามเบาๆ

เป็นตัวแทนของลุงกับป้าไง ช้างก็คือลุง ป้าก็คือหมาน่ะ”

อ้อ”

ฉันรับทราบ เห็นแกกำลังเก้ๆ กังๆ ประดับซุ้มอยู่ก็เลยไม่ได้ถามต่อ เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็เห็นลุงมวนยาสูบจุดมายืนพิจารณาซุ้มตัวเอง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็กวาดบ้านให้ดูสะอาดน่ามอง



คุณลุงยืนชื่นชมผลงาน รูปช้างสีน้ำเงินและหมาสีชมพู ตัวแทนคนในครอบครัว


ฉันถือโอกาสนั้น เดินเล่น ไปดูซุ้มของคนอื่นไปทั่ว พอไกลเข้าเดินไม่ไหว จึงกลับมาคว้าจักรยานออกไปซื้อโคมไฟมาติดบ้าง ผู้คนที่ไม่ค่อยเจอหน้ากันหยุดยืนคุยกันเป็นกลุ่มๆ มีการแลกดอกไม้ ให้ไอเดีย ติชมกันพองาม ซึ่งบ้านบางหลังใช้เวลาตั้งแต่เช้าถึงบ่ายทีเดียวในการประดิษฐ์ซุ้มประตูป่า


เลยออกจากหมู่บ้านไป ฉันเพิ่งเห็นว่าไม่ได้มีหน้าบ้านอาศัยเท่านั้น หน้าร้านค้า ร้านซ่อมรถ ร้านซักรีด แม้กระทั่งร้านสินเชื่อก็ยังทำซุ้มเช่นกัน เวลา 1 วันกับการหยุดงานเพื่อประดับดาประบ้านของพวกเขา อาจไม่ได้มีความหมายแค่การได้ผ้าห่มหรือน้ำมันพืช หรือมองทะลุไปถึงความตั้งใจสืบสานประเพณีอย่างที่ผู้คนประโคมข่าวให้พวกเขาทำ


ซุ้มประตูป่าหน้าบ้านของฉันเอง มีโคมไฟ 3 ดวง และโมบายนกกระดาษ


ที่ฉันเห็นตรงนั้น คือการได้อยู่ร่วมระหว่างพ่อแม่ลูก พูดคุยกับเพื่อนบ้าน แต่งตัวสวยๆ สำหรับวันดีๆ สักวัน ทำซุ้มให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามความเชื่อโบราณว่า ประตูป่า คือประตูระหว่างทางจากป่าสู่เขตอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อทำซุ้มประตูเสร็จแล้ว ทุกบ้านคือที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราต่างอาศัยอยู่ในนั้นแล้ว ก็จงทำความดี ละเว้นการทะเลาะเบาะแว้ง บาดหมาง พูดจากันดีๆ มีอะไรก็ให้อภัยกัน


ความศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเหล่านั้น บ้านใครบ้านมันคงเป็นคนตัดสิน บ่ายๆ ใกล้ค่ำ กรรมการหมู่บ้านมาเดินสำรวจ แล้วชวนกันไปที่ศาลาเอนกประสงค์เพื่อรับแจกข้าวของอย่างคึกคัก พี่สาวข้างบ้านไม่ลืมตะโกนบอกฉันว่าแต่งตัวสวยๆ นะ จะได้ไปรับของด้วยกัน ส่วนเธอใส่ชุดผ้าเมืองสีสันสวยงามมายืนปล่อยโคมลอยหน้าบ้าน ท่ามกลางแสงเทียนที่ทุกบ้านจุดต่อกันเป็นสายยาวไปตลอดทางเดิน

 


ซุ้มประตูป่ามีสีสันจากโคมไฟดวงเล็กดวงน้อย ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป รวมกับแสงเทียนเล็กๆ ข้างรั้วบ้าน ทำให้ถนนที่เคยมืดมิดมีแสงพอให้มองเห็นความสุขจากสีหน้าท่าทางที่ประกอบกันเป็นความหมายของเทศกาลยี่เป็ง มากกว่าการแค่ไปลอยกระทงเท่านั้น แต่รวมถึงการทำบุญที่วัด ทำจิตใจให้ผ่องใสกับฤดูหนาวที่มาถึง การทำทานแก่ผู้ล่วงลับ และปล่อยเคราะห์โศกไปกับกระทง


งดงามในความสงบเงียบ ที่พวกเขาตั้งใจและทุ่มเททำ ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างเมืองที่ซึ่งคำว่านักท่องเที่ยวนั้นยังเป็นเรื่องห่างไกลและไม่มีความหมายอะไรสำหรับพวกเขาได้เทียบเท่ากับความเชื่อและความศรัทธา

 

................


ภาพแถมท้าย



ซุ้มประตูป่าหน้าร้านอาหารตามสั่ง

บ้านคุณป้าท่านนี้ มีสีสันจากร่มกระดาษคันเล็กๆ ประกอบ


บ้านนี้ถือโอกาสเทิดพระเกียรติไปด้วย


ซุ้มหน้าร้านซ่อมรถ พี่เจ้าของหยุดงานเพื่อการนี้โดยเฉพาะ


ร้านสินเชื่อเงินด่วนก็ทำ


คุณพี่ คุณป้า และคุณยาย 3 ท่านนี้บอกว่า ช่วยกันสานพญานาคตัวใหญ่ประดับไว้ตั้งแต่เช้า



บ้านนี้สวยแบบเรียบง่าย ใช้ก้านมะพร้าว 1 อัน ฉีกกลาง มัดหากัน ประดับด้วยดอกลำโพง


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
วาดวลี
ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย
วาดวลี
นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า
วาดวลี
 “รักของพี่กับเขาเริ่มตรงนี้”ตรงที่พี่ชายพูด มันคือถนนเส้นหนึ่ง ที่ตัดผ่านกลางระหว่างคูเมืองด้านในของเชียงใหม่ ไปยังชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง รอบๆ ถนนมีอาหารพื้นเมืองขาย มีส้มตำ ไก่ย่าง ร้านรวง บริษัท รวมทั้งวัดเก่าแก่สวยงาม   ฉันก้มลงไปมองตามนิ้วชี้ของเขา ที่ตรงนั้น คือฝาท่อกลมๆ เก่าๆ ปิดรอยโหว่ขี้เหร่ของถนนเอาไว้“ตรงนี้น่ะหรือ จุดเริ่มต้นของความรัก”ฉันทำหน้าไม่อยากเชื่อ พี่ชายยิ้มที่มุมปาก แล้วพยักหน้า “มีอยู่วันหนึ่ง พี่มาก้มๆ เงยๆ ผูกเชือกรองเท้าตรงนี้ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเพื่อนที่ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างหน้านั่น ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา ผมยาว ผิวขาว หน้าตาก็ไม่สวยมาก…
วาดวลี
“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม” คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
วาดวลี
 ๑. จะมี อะไรบ้าง ยั่งยืน ? กลางวัน กลางคืน แดด ฝน ลม หนาว มนุษย์ สมมุติ ชั่วคราว ว่าเรา ครอบครอง เพื่อ "ของเรา" ๒. ไยแย่งโอบกอดอนาคต แล้วเอ่ยกล่าวโทษวันเก่า ไยถก ไยเถียง เรื่องเงา ที่ลาลับ ล่วงกับ ดวงตะวัน 
วาดวลี
เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมายเธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก 
วาดวลี
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปประเทศจีน เดินทางโดยยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางด้วยจิตใจและจินตนาการ เมื่อน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งของฉัน เธอเดินทางไปเป็นครูสอนภาษาไทยอยู่ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสีตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างครบ 1 ปี เธอบอกว่าคิดถึงเมืองไทยเป็นที่สุด และนับจากวันนี้ไปอีกแค่ 8 วันเท่านั้นเธอก็จะได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้งแล้ว“ดีใจนะที่ปลอดภัย”จำได้ว่าเอ่ยกับเธอด้วยประโยคนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศจีนไม่นาน ฉันนึกถึงใบหน้าของเธอ แก้มยุ้ยๆ  และแววตาวาบวับที่ระยิบระยับเสมอ…
วาดวลี
"เธอว่าเราจะไปไหน ?"ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่นเงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง
วาดวลี
ท้องฟ้าในเมืองของเรายังสวยเสมอ โดยเฉพาะยามที่เพื่อนเก่าของฉันรีบจอดจักรยานไว้ข้างตลาด แล้วเดินเข้ามาจับมือ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางทิศตะวันตก ก้อนเมฆพวกนั้นเลื้อยตัวมากอดภูเขาเอาไว้ มองไกลๆ เหมือนใครเอาผ้าขนหนูสีขาวนุ่มๆ ไปพันทิ้งไว้(เมืองเล็กๆ ของเราหลังฝนตก)
วาดวลี
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ฉันและแม่มีกฎร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งว่า หากไปเยี่ยมบ้านใครแล้วเขาให้ขนมกิน ก็ให้ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องรับไปเสียทั้งหมด แม่เคยเปรยๆ ว่า ถึงครอบครัวเราจะยากจนแต่แม่สามารถทำอาหารอร่อยๆ ให้กินได้ทุกมื้อ อีกอย่างก็คือบางคนเขาไม่ได้ตั้งใจทำเผื่อเราหรอก แต่เป็นการให้โดยมารยาทเท่านั้น หากรับไว้เสียหมดก็กลายเป็นการรบกวนเขาไปก็เป็นได้แม้แม่จะบอกแบบนี้ แต่ฉันและแม่ก็รู้ดีว่า ผู้คนรอบตัวที่ใจดีมีน้ำใจกับเรานั้นมีมากมายเพียงใด พ่อเล่าว่าฉันเป็นเด็กอ้วนแก้มยุ้ย ใครเห็นก็เอ็นดู มักเรียกให้ไปกินขนมอยู่ร่ำไป ดังนั้นข้อตกลงของฉันกับแม่ จึงกลายเป็นว่า หากมีคนยื่นให้…
วาดวลี
ฝนยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย แม้จะเพิ่งผ่านเดือนเมษายนมาได้ไม่เท่าไหร่  ท้องทุ่งฉ่ำไปด้วยฝนและดูจะมากไปจนน่าวิตก ลานกว้างหน้าบ้านของยายปลีวันนี้จึงไม่มีเด็กๆ มาวิ่งเล่น แต่หลบฝนกันไปวาดรูปเล่นอยู่ตรงชานเรือน หลานอีกคนทำหน้าตาเบื่อเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน นี่เป็นวันธรรมดาที่อาจมีทั้งความหมายหรือไม่มี สำหรับยายปลี เพราะหลังจากแกเก็บผ้าเข้าไปตากใต้ยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมานั่งอยู่ประจำที่ อยู่กับเครื่องทอด้ายแบบสมัยโบราณ มันทำจากไม้ และไม่รู้ว่ามันมีอายุมาแล้วเท่าไหร่