Skip to main content

Doctors are the same as lawyers; the only difference is that lawyers merely rob you,
whereas doctors rob you and kill you too.

Anton Chekhov*

เคยได้ยินไหมคะ ที่ใครๆเขาว่าทนายเป็นอาชีพที่ทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่น

ในฐานะคนข้างเคียงในวงการ จะออกอาการว่าเห็นด้วยเสียเหลือเกินก็คงไม่ได้ แต่จะให้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็ดูจะขัดแย้งกับความรู้สึกยังไงอยู่

เอาเป็นว่าขอเถียงแทนเพื่อนนิดหนึ่งก็แล้วกัน ว่าการเป็นทนายไม่ใช่เรื่องของการทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่นหรอกนะคะ

แต่เป็นการแบกรับความทุกข์ของคนอื่น ไว้บนความทุกข์ของตัวเองอีกทีต่างหาก (ฮา)

ปัจจุบันทนายความในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 53,236 คน (ข้อมูลจากสภาทนายความฯ) กว่าจะมาเป็นทนายในประเทศไทยต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง นับแต่ผ่านด่านเอนทรานซ์ครั้งแรกเมื่อตอนอายุสิบแปด ผ่านกระบวนการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยอย่างน้อยๆ อีกสี่ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นสำหรับบางคน ผ่านการฝึกงานในสำนักงานทนายความ ทั้งแบบที่ได้รับเงินเดือนและไม่ได้รับเงินเดือนอีกหนึ่งปี

สุดท้าย ยังต้องฝ่าด่านอรหันต์ในการสอบ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ตั๋วทนาย” ซึ่งใช้เวลาประมาณปีหนึ่งเป็นอย่างน้อย สำหรับคนที่สอบครั้งเดียวผ่าน รวมๆ แล้วกว่าจะได้มาเป็นทนาย กินระยะเวลาในชีวิตอย่างน้อยๆ ก็ 5-6 ปี เกือบๆ เท่าหมอหรือสถาปนิกนั่นเชียว

ที่กล่าวมาทั้งหมดคือขั้นตอนคร่าวๆ สู่การประกอบวิชาชีพทนายความในประเทศไทย

แล้วทนายความในประเทศอื่นเขามีความเป็นมากันอย่างไร ลองมาดูกันนะคะ

ในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อนบ้านซึ่งกำลังโด่งดังเหลือเกินในหมู่วัยรุ่นบ้านเราเวลานี้ ทนายความในเกาหลีใต้เริ่มเรียนกฎหมายในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกันกับของบ้านเรา ระยะเวลาการเรียนก็เท่าๆกัน คือสี่ปีโดยประมาณ แต่กว่าจะได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทนายความอย่างเต็มภาคภูมินั้น การสอบ “เนติบัณฑิต” ให้ผ่าน ถือเป็นปราการด่านสำคัญ ที่น้อยคนนักจะเอาชีวิตรอดผ่านไปได้

สำหรับประเทศไทย การสอบ “เนติบัณฑิต” และ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ” แยกออกจากกันอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่า หลังจบนิติศาสตร์บัณฑิตแล้ว หากคุณมีความประสงค์จะประกอบอาชีพทนายความในประเทศไทย สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องสอบ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ” ให้ได้เสียก่อน ส่วน “เนติบัณฑิต” นั้น เป็นเรื่องที่ค่อยว่ากันไป จะสอบหรือไม่สอบก็ได้ จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ ไม่เกี่ยวกัน

ตรงกันข้าม หากคุณสอบไล่ได้ความรู้ชั้น “เนติบัณฑิต” แล้ว แต่ทำยังไงๆ ก็สอบ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ” ไม่ผ่านเสียที จะยังไงเสียคุณก็ไม่มีโอกาสเป็นทนายเข้าไปความว่าความในศาลได้แน่นอน

สำหรับนักกฎหมายไทย ตามความเป็นจริง หรือแม้กระทั่งในความรู้สึกของหลายๆคน กล่าวกันว่า การสอบ “เนติบัณฑิต” นั้น ยากเย็นแสนเข็ญหนักหนาสาหัสกว่าการสอบ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ” หลายต่อหลายเท่า ทำให้เกิดมโนทัศน์แปลกๆ ว่า

ทนายความที่มีตรา “เนติบัณฑิต” พ่วงท้ายมาด้วย จะมีความสามารถเหนือกว่าทนายความที่มีแต่ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความ” อย่างเดียว

แต่ในความเป็นจริง ทนายใบอนุญาตที่ประสบความสำเร็จสูงกว่าทนายเนติบัณฑิต มีให้เห็นออกถม!

กลับมาที่เกาหลีใต้กันต่อนะคะ การประกอบอาชีพทนายความในบ้านเราแยกออกเป็นสองระบบอย่างนี้ แต่ในเกาหลีเขามีระบบเดียว คือ “เนติบัณฑิต”

การวัดคะแนนของผู้ที่จะสอบผ่านเนติบัณฑิตในเกาหลีใต้ ใช้ระบบอิงกลุ่ม ไม่อิงเกณฑ์ ดังนั้นการที่คุณจะสอบผ่านหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับว่า คนที่นั่งข้างๆ คุณทำได้ดีแค่ไหนด้วย ผู้ที่รอดชีวิตผ่านการสอบเนติบัณฑิตในประเทศเกาหลีใต้มาได้ มีจำนวนประมาณ 5% ของผู้เข้าสอบทั้งหมด

ทั้ง 5% นี้ ต้องไปเข้ารับการฝึกอบรมโดยกระทรวงยุติธรรมอีกสองปี โดยได้รับเบี้ยเลี้ยงจากรัฐบาล โดยผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดจำนวน 30% ของผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมทั้งหมดจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการ ส่วนพวกที่ทำคะแนนได้ท้ายๆ ลงมานั้น ถึงจะมีสิทธิเป็นทนายความ

ที่พิเศษอย่างยิ่งคือ การสอบเนติบัณฑิตที่นี่ไม่จำกัดวงเฉพาะผู้ที่จบ “นิติศาสตร์บัณฑิต” เท่านั้น

นี่คือคำตอบที่ว่าเหตุใดการสอบเนติบัณฑิตในประเทศนี้จึงยากเย็นยิ่งนัก เนื่องจากมีผู้เข้าสอบจำนวนมากมายมหาศาล และใช้ระบบการวัดคะแนนแบบอิงกลุ่ม

นายโนห์ มูเฮียน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนปัจจุบัน จบการศึกษาแค่ระดับ High school เท่านั้น แต่สามารถสอบเนติบัณฑิตผ่านได้ จึงเป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับคนเกาหลีค่ะ

 

*Anton Chekhov นักเขียนบทละครและเรื่องสั้นสมัยใหม่ ชาวรัสเซีย ค.ศ.1860-1904

บล็อกของ ช้องนาง วิพุธานุพงษ์

ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
TANSTAAFL- There ain't no such thing as a free lunch.Milton Friedmanเคยได้ยินใช่ไหมคะที่เขาว่ากันว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี” ประโยคนี้มีที่มาจากไหนใครเป็นคนริเริ่มไม่ปรากฏแน่ชัด ว่ากันว่ามีที่มาจากร้านอาหารอเมริกันในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการดึงดูดผู้มีรายได้น้อยด้วยการประกาศเลี้ยงอาหารกลางวันฟรี แต่มีข้อแม้อยู่ว่าใครจะกินต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกต่างหากอย่างน้อยหนึ่งอย่างต่อมาจึงเป็นที่มาของแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่ส่งผลให้ประโยคที่ว่านี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางภายใต้ชื่อของศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก Milton Friedmanแนวคิดที่ว่านี้คือ การได้มาซึ่งสิ่งใดก็ตามในโลก…
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
If power is for sale, sell your mother to buy it. You can always buy her back again.Arabian Proverb ได้อ่านพบโครงการดีๆ ทางอินเทอร์เน็ตโครงการหนึ่งเข้าโดยบังเอิญค่ะโครงการนี้ชื่อว่า “ฉลาดไม่ซื้อ” คอนเซปต์ของโครงการคือ “การไม่ซื้อ ไม่ใช้ ไม่จ่ายเงินเพื่ออะไรนอกจากอาหารและการเดินทางเป็นเวลา 7 วัน รวมถึงทดลองไม่ซื้ออะไรเลยเป็นเวลา 1-2 วัน หรือหนึ่งสัปดาห์ ท้ายที่สุดคือแสวงหาหนทางจะมีชิวิตอยู่ให้ได้โดยไม่ซื้ออะไรหรือซื้อให้น้อยที่สุด”สัปดาห์ฉลาดไม่ซื้อจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ม.ค. – 3 ก.พ. 51 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะจบลงไปแล้ว แต่กิจกรรมดีๆ แบบนี้ สามารถปฏิบัติต่อเนื่องได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันหยุด…
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
Now is the time to make real the promise of democracy. Martin Luther King, Jr.เพิ่งเริ่มปีใหม่มาหมาดๆ เงินเดือนแรกของปีหนูถีบจักรยังไม่ทันโอนเข้ากระเป๋า แต่ดูเหมือนว่าโลกหลังปีใหม่ ทั้งในบ้านเขา และบ้านเรา จะหมุนเร็วเสียจนไล่กวดแทบไม่ทันแน่ะค่ะตามธรรมเนียมของการเริ่มต้นศักราชใหม่ ใครๆ ตั้งใจอยากจะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ เพิ่มสีสันให้ชีวิต ความตั้งใจตอนปีใหม่แบบนี้ ฝรั่งเรียกว่า New Year’s resolution ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนสาวคนหนึ่ง เธอตั้ง New Year’s resolution สำหรับปี 2008 ไว้ว่า หนึ่ง จะตื่นเช้าขึ้นครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ยาริสสีแดงได้จอดในร่มทุกวัน สีจะได้ไม่ซีดและดู cool ตลอดเวลา,  สอง…
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
Public morals are natural complements of all laws: they are by themselves an entire code.Napoleon Bonaparte ปัจจุบัน ถ้าจะพูดถึงกฎหมายหลักที่ใช้บังคับอยู่ในบ้านเราซึ่งหลายต่อหลายคนคุ้นเคยกันดี ก็คงหนีไม่พ้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และประมวลกฎหมายอาญาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2466 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 หลังจากนั้นได้มีการแก้ไขอีกหลายครั้ง กระทั่งนับถึงปัจจุบัน เรามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้บังคับมาแล้วถึง 84 ปีส่วนประมวลกฎหมายอาญาฉบับแรกคือ กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451)…
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
Lawyers would have a hard time making a living if people behaved themselves and kept their promises                                                                                  …
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
A Lawyer will do anything to win a case, sometimes he will even tell the truth.Patrick Murray ครั้งที่แล้วเล่าถึงกระบวนการกว่าจะมาเป็นทนายในประเทศเกาหลีใต้ไปแล้วคราวนี้ลองมาดูในประเทศอื่นกันบ้างนะคะในประเทศเยอรมันนี ซึ่งใช้ระบบประมวลกฎหมาย (Civil Law) เหมือนกับบ้านเรา (อันที่จริงต้องบอกว่าเราไปเหมือนเขาต่างหาก) หลังจบชั้นมัธยม เด็กนักเรียนในเยอรมันสามารถเลือกเรียนกฎหมายในมหาวิทยาลัยได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ นี่เป็นข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดประการหนึ่งของระบบการศึกษาเยอรมันนอกจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้ว อีกประการหนึ่งที่เด็กไทยน่าจะชอบก็คือ…
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
Doctors are the same as lawyers; the only difference is that lawyers merely rob you, whereas doctors rob you and kill you too.Anton Chekhov*เคยได้ยินไหมคะ ที่ใครๆเขาว่าทนายเป็นอาชีพที่ทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่นในฐานะคนข้างเคียงในวงการ จะออกอาการว่าเห็นด้วยเสียเหลือเกินก็คงไม่ได้ แต่จะให้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็ดูจะขัดแย้งกับความรู้สึกยังไงอยู่เอาเป็นว่าขอเถียงแทนเพื่อนนิดหนึ่งก็แล้วกัน ว่าการเป็นทนายไม่ใช่เรื่องของการทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่นหรอกนะคะ แต่เป็นการแบกรับความทุกข์ของคนอื่น ไว้บนความทุกข์ของตัวเองอีกทีต่างหาก (ฮา)ปัจจุบันทนายความในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 53,236 คน (…
ช้องนาง วิพุธานุพงษ์
Rape is the only crime in which the victim becomes the accused.Freda Adler* และแล้วในที่สุด บรรดานักศึกษากฎหมายก็ได้โอกาสทำหน้าที่เป็นลูกขุนกับเขาบ้าง ในวันปฐมนิเทศ โรงเรียนได้จัดให้มีศาลจำลองเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจกระบวนการพิจารณาคดีในศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของลูกขุน โดยมีตัวแทนนักศึกษารุ่นก่อนสวมบทบาทเป็นโจทก์ จำเลย ทนายโจทก์ และทนายจำเลย และผู้พิพากษาส่วนลูกขุนที่เข้าร่วมฟังการพิจารณา ก็คือบรรดานักศึกษาปริญญาโททั้งหลายนั่นเองปรากฏว่าเมื่อลองนับจำนวนลูกขุนในคดีนี้ดูแล้ว มีจำนวนเกือบสองร้อยกว่าคน มากกว่าลูกขุนที่นั่งพิจารณาคดีในศาลจริงๆ ถึง 20…