Skip to main content

21_8_01 

ยืนอยู่บนท่าเรือปากพะยูน  มองเห็นเกาะสี่เกาะห้าที่อยู่ของรังนกนางแอ่นชัดเจน  ราวกับภาพวาดในม่านฝน  เบลอๆหมองๆ มองได้นานๆ  ผมกลับบ้านทุกครั้ง  ต้องไปให้ถึง ณ จุดนั้นให้ได้  ที่ซึ่งระเบียงยื่นออกไปในน้ำ  
ยังมีร้านกาแฟ  ชาผงชงถุงแบบโบราณ  โต๊ะเก้าอี้ตั้งวางแบบเปิดโล่ง 

ตกเย็นถุงกาแฟบนรถเข็นยกขึ้นลงไม่ขาดมือ  ชงหวานชงขม  ใส่นมข้นหวาน  น้ำตาลกับโกปี้  โต๊ะต่อโต๊ะ  เก้าอี้ต่อเก้าอี้ตั้งพื้นไม่มีหลังคา  รับลมพัดมาแรงๆ  มองออกไปยังเห็นพื้นน้ำเขียวกว้าง   คราคร่ำด้วยเครื่องมือดักจับปลา

น่าจะเป็นมุมกาแฟที่อุบัติขึ้นมาตอนเย็นย่ำ  และดูดีมากแห่งหนึ่ง  ด้วยต่างคนต่างเป็นตัวละครให้กันและกัน  ทำให้ฉากเก่าๆซึมๆเซาๆมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น  นั่งได้ไม่เบื่อ

21_8_02

ว่ากันว่า  ช่วงนากุ้งบูมตูมตาม  และคนตามกันไปเลี้ยงกุ้งอย่างกับเด็กได้ของเล่นใหม่นั้น  วงกาแฟยิ่งคึกคักกว่านี้  เรื่องที่พูดกันในวงก็ไม่พ้นการงานหยิบหมื่นหยิบแสนหยิบล้าน   กุ้งใครหว่าว่ายวนยวนใจ  ดำน้ำดำผุดดำว่ายสู้น้ำน่าเชยชมมากกว่าใคร อย่าเมาน้ำดำนะโว้ย  เดี๋ยวก็สูญหมื่นสูญแสนสูญล้าน  

การเมืองเชื่อขนมกินได้  เรื่องไกลตัว  โม้ๆกันไปตามลมพัดหลวง   ไม่ได้มีความหมายกว่าค่ำนี้คุณให้อาหารกุ้งแล้วยัง  อย่ามานั่งพูดเรื่องการเมืองให้เมื่อยมือเลย (คนเลี้ยงกุ้งใส่ใจการใช้มือมากกว่าใช้ปาก)

(ไปต่อกันที่กาแฟท่าเรือ) เมื่อก่อนแพะเดินไปมา  ร้องแบะๆให้เด็กตามมองเครายาวๆใต้ปลายคาง  เป็นอีกสีสันหนึ่งของท่าเรือปากพะยูน 

วันเย็นใจและใจเย็นตามไปด้วย ว่ายังอยู่บ้านได้อีกหลายวัน  ผมมักมาปิดเวลาของวันตรงท่าเรือปากพะยูน  แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีแต่กาแฟขาย  ยังมีร่องรอยทางเดินของแพะ  ร่องรอยเด็กชายช่วยแม่ขนหัวเคี่ยม  หลบตาตำรวจ  ไปให้ถึงมือซื้อขายโดยเร็วที่สุด  ก่อนจะนำลงเรือไปยังป่าโตนดอีกฟากฝั่งเลสาป 

อีกทั้งกลิ่นเลสาปเป็นกลิ่นใบไม้หมักดินเปื่อย  ยังส่งกลิ่นหอมกรุ่น   ยังมีไก่ทอดสูตรเฉพาะของชาวมุสลิมปากพะยูน  อร่อยมากๆ   ลองนึกถึงชิ้นไก่ติดกระดูก ไม่เกี่ยงว่าซี่โครง  อก  ปีก  น่อง   ล้วนทอดแดงหลามสุกกรอบนอกนุ่มใน 

ขาดไม่ได้คือหอมเจียว  กับข้าวเหนียวไม่เปียกไม่แห้งแข็ง  เม็ดนุ่มพอดิบพอดี  ส่งกลิ่นเย้ายวนใจคนเดินผ่านไปมา  มีคนยืนรุมคอยต่อคิวกันเลยทีเดียว

รถเข็นขายไก่เจ้าประจำเห็นอยู่อย่างน้อย 2 เจ้า   ผูกใจคนไว้ด้วยรสชาติไม่เหมือนที่ใด     
นอกนั้นก็เป็นอาหารจำพวกปิ้งย่าง   แผงผลไม้  ขนมหวาน  น้ำเต้าหู้  ปาทั่งโก๋  ฯลฯ  ทุกร้านรถเข็นดูหนาตาคนรุมล้อม เหมือนตลาดดีๆ นี่เอง  เพียงแต่ของกินสดใหม่ปรากฏขึ้น ณ เย็นย่ำค่ำเท่านั้น  ในปริมาณและคุณภาพพอเหมาะพอดี  หลังนกนางแอ่นหายไปจากท้องฟ้า  กลับคืนรังบนเกาะกันหมดแล้ว  ไม่เห็นฝูงแพะ  เป็นช่วงเวลาบรรยากาศที่ดูไม่วุ่นวาย  ไม่จอแจ  และเป็นมิตรอย่างยิ่ง

ต่างรู้กันว่าปากพะยูนเป็นที่อยู่รวมกันของชุมชนชาวมุสลิม  ตั้งแต่ผมจำความได้ก็เห็นชุมชนริมน้ำตั้งรกรากอยู่แน่นหนาแล้ว  การแต่งเนื้อแต่งตัว อาหารการกิน รูปร่างหน้าตาผู้คนล้วนบ่งบอกว่าพวกเขามีเอกลักษณ์ชีวิตความเป็นอยู่

21_8_03

เสียงสวดดังกังวานไกลเหนือท้องน้ำกว้าง

ยิ่งลึกเข้าไปยังผืนดิน  หรือยิ่งห่างไปจากฝั่งทะเลมากเท่าไหร่  เราจะพบพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นชาวมุสลิมไปขายปลามากขึ้นเท่านั้น  ทุกตลาดที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน  ทั้งตลาดนัดของหมู่บ้าน ตลาดนัดของตำบล หรือตลาดนัดต่างๆ   ล้วนเป็นเสียงซื้อขายต่อรองกันอย่างเป็นกันเอง  ระหว่างชาวมุสลิมกับคนในท้องถิ่นนั้นๆ

ปลาที่ขาย  ถ้าไม่เป็นปลาสดก็เป็นปลาแห้ง  ของหมักดองจากทะเล อย่างแป้งแดง  พุงปลา  จึ้งจัง  บูดู  ส่งผ่านมือชาวมุสลิมมาทั้งสิ้น  พูดง่ายๆว่าพวกเขาเป็นผู้กุมเศรษฐกิจปากท้องที่มาจากทะเล  

ของสดใหม่  ไม่โกงราคา  อีกทั้งแถมแจก  ปราศจากสารเคมีปนเปื้อนคือตราประทับที่ทุกคนในละแวกเลสาปต่างรับรู้

ปลาอะไรบ้างมาจากทะเลสาป  ปลาหัวโม่ง  ปลาหัวอ่อน  ปลาโอน  ปลาหลาด  ปลากระบอก  ปลาบุตรี  ปลาลิ้นหมา  ปลาทราย  ปลาโคบมัน  ปลาจระเม็ด  ปลาหมอ  ปลาช่อน  ปลาดุก ฯลฯ  รวมไปถึงแม่กุ้ง  กุ้งใหญ่กุ้งเล็ก  หอย  ปู   

ปลาจากเลสาปแทบไม่ขาดมื้ออาหาร

ใกล้ถึงวันเดินทางกลับ  ผมตั้งใจจะเอาปลาแห้งติดไม้ติดมือไปบ้าง   เลยเข้าไปยังร้านขายปลาแห้งเจ้าประจำ   ลานตากปลาแห้งส่งกลิ่นปลาโชย  ล้วนเป็นปลาจากเลสาป  เป็นปลาสดเหลือขายแล้วเอามาตากแห้ง โคบมัน  ปลาทูเค็ม  กระบอกเค็ม  หัวโม่งแดดเดียว  หัวอ่อนแดดเดียว  กุ้งแห้ง  กะปิ  ฯลฯ เยอะแยะจริงๆ   เลือกซื้อติดไม้ติดมือได้ตามสะดวก 

ปลานอนแห้งอยู่หลายสิบปี   และยังจะนอนแห้งต่อไป  ผมชอบอัธยาศัยคนขายปลาแห้ง  หยิกๆหยอกๆประมาณว่าหน้าตาอย่างนี้  ไม่น่ามาถามหาปลาแห้ง  บ้านลูกบ่าวอยู่ไหน  จะซื้อไปฝากใคร  และจะเอากี่โล

เห็นมั้ย  จบลงด้วยความสำเร็จเรื่องการซื้อขาย

21_8_04
 

ผมถามหาเคย  บ้านผมเรียกกะปิว่า "เคย" กันอย่างโจ่งแจ้งออกหน้าออกตา 
"หน้าตาดีอย่างนี้  เที่ยวเดินแบกเคยได้พรื่อ"
"ใครๆก็แบกเคยกัน" ผมว่าไปบ้าง
"เอาเคยกุ้งหรือเคยปลา  ใหม่ๆทั้งเพ แล้วเอากี่โล"
เห็นมั้ย  ความสำเร็จเรื่องการขายเพิ่มเติมทวีมีชัย
"แป้งแดงพันพรื่อ กินไม่เป็นเสียแล้ว" (ผมแกล้งถามไปอย่างนั้น)
"แหม  ลูกบ่าวใครไปอยู่กรุงเทพกลับมาแล้วไม่รู้จักแป้งแดง"
"อย่างนี้มั้ย" (ผมชี้ไปยังไหพุงปลา)
"สงสัยไม่รู้จักจริงๆ  แล้วกุ้งส้มไม่เอาไปกินมั่งเหอ"

สูตรดองๆทั้งหลายก็กรูเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง  หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า  ผมตกไปอยู่ในวงล้อมของแป้งแดง พุงปลา จึ้งจัง กุ้งส้ม บูดู ปลาแห้ง กุ้งแห้ง หมึกแห้ง ... อย่างชนิดไม่รู้จะหาวิธีถอนตัวออกมาได้อย่างไร

                       

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ขบวนรถด่วนยาวเหยียดปล่อยสองพ่อลูกลงสถานีพัทลุง   กระเป๋าเป้ใบใหญ่อย่างกับบ้านย่อมๆ  ทุกอย่างยัดอัดแน่นอยู่ในนั้น   ถ้ามีห้องน้ำยัดใส่เข้าไปได้  ผมก็คงจับยัดลงไปด้วยอยู่หรอก  อีกทั้งกล่องกระดาษ  กระเป๋าใส่ของฝาก  พะรุงพะรังอยู่ในอาการโกลาหลอยู่พักใหญ่  กว่าทุกอย่างจะวางกองอยู่ในความสงบ  
ชนกลุ่มน้อย
รถไฟชั้นนอน โบกี้ 7 คนแน่นเต็มตั้งแต่ต้นทาง เราสองพ่อลูกออกจะตื่นเต้นพอๆกัน เพราะเหลียวมองไปทางไหนก็เจอแต่ใบหน้าคนฝรั่ง เหมือนเดินทางอยู่อีกมุมโลก นี่เรากำลังกลับบ้านนะ ไม่ได้ไปต่างประเทศ อย่ามองจ้องหน้าเรานานๆแปลกๆอย่างนั้นสิ เรากำลังจะไปบ้าน นี่ลูกชายผม อายุแค่ 7 ขวบ เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย อย่าห่วงเลยว่าเขาจะเสียงดังรบกวน ขอให้คุณๆเดินทางสู่ปลายทางกันให้มีความสุขที่สุด ห่างออกไปแค่หนึ่งช่วงตัว เป็นครอบครัวคนฝรั่งเศส หูมัธยมศึกษาปีที่สี่ห้าบอกว่าพวกเขาเป็นคนฝรั่งเศส ตุ๊ดตูเลอองฟร็อง .. บองชู .. ตูวาเบียง ..หวี๋ ..ตัวโอซี .. แกลเลคอมม็องตาเลวู.. ซาวะ ..หวี๋/น็อง ...…
ชนกลุ่มน้อย
หนังสือเดินทาง 7 เล่ม  กับเพลง 7 ซีดีอัลบั้มผมหลงชอบ ‘ตากอากาศ’ อย่างไม่ทราบสาเหตุ  ผมเห็นครั้งแรกจากหนังสือเล่มหนึ่ง  ตากอากาศกลางสนามรบ  นับแต่นั้นมา  ตากอากาศก็เข้ามาอยู่ในใจผม  มันให้ความรู้สึกนัยยะความหมาย  กว้างไกลเมื่อไปอยู่ร่วมคำอื่น  มีบวกลบอยู่ในนั้นผมถือโอกาสเชิญมาอยู่ร่วมในชื่อเรื่องอีกครั้งต้นฉบับชิ้นนี้ เขียนห่างฝั่งทะเลสาบสงขลาราว  10 กิโลเมตร  ผมกลับไปบ้านเกิด  แบบด่วนๆ  จึงต้องพกข้อมูลทุกอย่างใส่แฟ้ม  พร้อมต้นฉบับอื่นที่ค้างคา  รูปถ่าย  กล้องถ่ายรูป(ประจำตัว)  พร้อมเป้  และเจ้าชายน้อย 7 ขวบ…
ชนกลุ่มน้อย
เกิดหลงไปในเมฆอย่างฉับพลัน  อยากชวนไปดูเมฆ ฉากหลังเบื้องหลังของคนสัตว์สิ่งของ (ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้รบฆ่ากันของมนุษย์) เรื่องของเรื่องก็คือผมผ่านไปเห็นอะไรที่เหมือนไม่เกี่ยวกับเมฆ มาตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา  แต่น่าแปลก กลับเกี่ยวกับเมฆตลอดเวลา  ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเลย กว่าจะได้ไปยืนอยู่เบื้องหน้ายอดอกเมฆก้อนนั้น ก้อนโน้นอันที่จริงจะเรียกว่า มองเมฆก่อนเห็นใดอื่น ก็ไม่ใช่ เห็นสองฝักราชพฤกษ์แล้วเกิดหลงรักในฝักที่ห้อยย้อยคู่ขนานลงมา   
เหมือนมันจะวัดวันยืนยาวกันหรือเปล่า ว่าใครร่วงหล่นก่อน ก็ไปนอนรออยู่บนพื้นดิน   แปลกแท้ …
ชนกลุ่มน้อย
บิเบ - พญาไฟนกเจ้าชายในแดนดงดิบ  ร่ำลือกันว่าทั้งหล่อเหลา ดุดัน ร้อนแรง และมีน้ำเสียงอันไพเราะ  ยามปีกสีเพลิงอยู่รวมปีก  ประหนึ่งต้นพริกเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่  แทบทำให้ป่าเปลี่ยนสี สักครั้ง บรรดานกสาวต่างหมายปองจะเห็นตัวจริงเสียงจริง .. สายเลือดกำเนิดบิเบในป่าสนขุนห้วย  งามปีกของมันเทียบเคียงกิ่งสนชรา  กิ่งบิดปลายเบี้ยวหักงอ ตะปุ่มตะป่ำ  วาดซ้ายขวาขึ้นไปบนท้องฟ้า  ยิ่งแก่กิ่งก้านยิ่งบิดงาม  ยิ่งแก่ยิ่งมีชั้นเชิงเติบโต สีเปลือกแตกลายกร้านโลก ยืนยันมีชีวิตอยู่บนภูเขาสูง  มองปีกเพลิงจากด้านไหน      …
ชนกลุ่มน้อย
เขาอยู่ด้วยกันสามคน  คนผอมบอบบางสูบยาสูบแทบตลอดเวลา  นั่งซึมเหม่อกับที่ได้คราวละนานๆ  กวาดสายตามองเลื่อนลอย เรื่อยเปื่อย  คนร่างมะขามข้อเดียว ดูแข็งแรงอยู่บนความเฉื่อยเนือย  เคลื่อนไหวเชื่องช้า  คนสุดท้ายร่างสันทัด  ดูแคล่วคล่องว่องไวที่สุด รู้จักงาน  ขยันทำงาน  เคลื่อนไหวไปมาแทบไม่หยุดหย่อนทั้งสามคนมาจากเมืองผาอาน  ข้ามน้ำสาละวินมาถึงป่าสาละวิน  ออกเดินลัดป่าเขา  รับจ้างไปตามหมู่บ้าน  ตามแต่ใครจะมีงานให้ทำ จนมาถึงป่าแม่น้ำเงานักรบยามหนีทัพ  ก็ดูไม่ต่างไปจากชาวบ้านปกติทั่วไปเขามาถึงป่าแม่เงาอย่างไม่คาดคิด  …
ชนกลุ่มน้อย
หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ  ราวกับเพิ่มจำนวนมากขึ้นชั่วข้ามคืน  ผมสงสัยว่าพะเลอโดะจะเอาขึ้นรถอีกทำไม  มิหนำซ้ำยังเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  พะเลอโดะพูดทีเล่นทีจริงว่า  เราต้องอยู่รอดด้วยวิธีของเรา  ผมไม่เข้าใจ  แต่ไม่ได้ถามต่อ   พอรถจอดแล้วดับเครื่องยนต์  ปิดไฟ  ผมถึงรู้ความจริงใต้หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ  มันเป็นเกราะกำบังที่สามารถคุ้มครองเราได้   ผมไม่นึกว่ากะฌอกับซอมีญอจะมารอกลับขึ้นรถกลับไปกับเราด้วยพะเลอโดะก็ไม่รู้ว่า เขาสองคนจะเอาอย่างไรกับชีวิต เหมือนเขาถูกปล่อยเข้าป่า  เขาจะหนีเข้าป่า  หลบๆ ซ่อนๆ…
ชนกลุ่มน้อย
นกปีกขาวบินมาจากทิศไหน ผมไม่ทันได้สังเกต มันบินวนอยู่เหนือโขดหิน ฉวัดเฉวียนไปเหนือหลังคาบ้านริมฝั่งแม่น้ำ ดูมันคุ้นเคยกับอากาศอึมครึมรอบตัว ไม่มีใครใส่ใจว่ามันจะบินมาอีกหรือไม่ บินไปทางไหน สิ้นสุดลงที่ใด ผมมองตามปีกไหวๆ สลับไปมากับมองแม่น้ำ มองลุงเวยซาที่ยืนเป็นหินไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งนั่นเอง มันตีปีกทะยานบินข้ามแม่น้ำเต็มฝั่ง หายเข้าไปอีกฟากแม่น้ำ แล้วชั่วอึดใจต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เสียงปืนดังเป็นคลื่นสะท้อนกังวานข้ามแม่น้ำ ผ่านไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านกาแฟ ป้อมค่ายทหาร ร้านค้าขายสิ่งของจิปาถะ แล้วสะท้อนกลับไปมาอีกครู่หนึ่ง…
ชนกลุ่มน้อย
พะเลอโดะพูดกับพวกเราว่า  ถ้าไม่มาถึงในเดือนกันยายน  เราคงไม่ได้เห็นน้ำโข่โละโกรเต็มฝั่ง   แล้วยังพูดถึงแม่น้ำใหญ่อีกว่า  ดูราวอวัยวะภายในขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรกลโบราณ  ท้องไส้เต็มไปด้วยโขดหินแหลมคม  ประกอบขึ้นเป็นผนังแม่น้ำ  เครื่องกลโบราณที่มีอายุใช้งานเก่าแก่เต็มที  พัดน้ำปั่นหมุนน้ำวนขึ้นผิวน้ำเป็นรูปดอกเห็ดบานเต็มที่  วนไหลต่อเนื่องดอกต่อดอกสะพรั่งตามน้ำไปอย่างน่าเกรงขาม  ท้องไส้ภายในโข่โละโกรบิดเกลียวไปตามท้องร่องอันเต็มไว้ด้วยซากไม้ตาย   ท่อนซุงไร้สัญชาติ  หินไหล กรวดทรายปลิว   ซากศพคนนิรนามตามน้ำ …
ชนกลุ่มน้อย
ลองแหวกพื้นเหล็กของรถจิ๊ปรุ่นสงครามโลกสิ   ก็จะพบหลุมหลบภัยจำนวนมากซ่อนไว้อย่างมิดชิด   มันอยู่ท่ามกลางความซับซ้อนของเครื่องยนต์กลไก  พะเลอโดะพูดไปพลางหัวเราะ  มีหลุมซอกซอนไปได้ทั้งคันแหละ  อยู่ใต้เบาะนั่ง  ในกลักไม้ขีดไฟ  ตามกระเป๋ากางเกง ในกล่องลังเครื่องมือ  เข้าไปในเชสซี  ยากที่สายตาจะมองผ่านไปเห็นได้ง่ายๆ   แต่ลุงเวยซากลับบอกว่า  ศาลเจ้าต้นจูเกริมน้ำแม่เงา  ช่วยปกปักรักษาพวกเราไว้  พะเลอโดะบอกว่า  ตะเคียนใหญ่ต้นนั้นศักดิ์สิทธิ์  รับคำบนบานศาลกล่าว  มีสายตาที่มองไม่เห็นอีกมาก  มองดูเราอยู่…
ชนกลุ่มน้อย
ขณะรถแล่นไป  เราพูดถึงแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้า  และย้อนนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา  จนแทบไม่คิดถึงเรื่องขณะปัจจุบัน  ทันทีที่รถมาถึงโค้งหนึ่งนั่นเอง  พะเลอโดะหักหลบลงข้างทางอย่างกะทันหัน รถวิ่งไปบนพื้นขรุขระตึงๆตังๆ  พร้อมกับดับไฟหน้ารถ  ผมเห็นแต่ความมืดสลัว  และตะคุ่มพุ่มไม้ ใบบังที่แสงจันทร์เสี้ยวพอให้มองเห็นได้  เหมือนว่าซอมีญอกับกะฌอจะเข้าถึงกลิ่นลอยมาล่วงหน้า  ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เขาหายไปจากที่นั่ง  หลบไปอยู่ที่ใดที่หนึ่ง  ผมถามพะเลอโดะว่ามีอะไร  ลุงเวยซาเช่นกัน  นั่งลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหันขวา …
ชนกลุ่มน้อย
“ถ้าจะตาย  ใจสงบแล้วที่ได้เห็นแม่น้ำใหญ่”   ลุงเวยซา วัย 69 ปี  พูดกับพวกเรา แล้วทรุดตัวนั่งลงริมฝั่งแม่น้ำใหญ่สาละวิน  พึมพำเสียงเปรยสั่นเครือเหมือนลืมตัว “โข่โละโกร โข่โละโกร..”  ผมนึกว่าลุงจะตื่นตาตื่นใจไปตามประสา  แต่พอเห็นหลังมือป้ายตา  นิ่งเหม่อมองไกล  ผมถึงเข้าใจว่า นั่น ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆเสียแล้ว  นาทีต่อนาทีนับจากนั้น  ผมเห็นลุงเวยซายิ่งตัวเล็กลงเหลือเท่ากำปั้น  กลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับก้อนหินใหญ่ริมฝั่ง  เป็นหุ่นปั้นหินเปลือยกายท่อนบน  นุ่งเตี่ยวสะดอเก่าๆสะพายย่าม  เท้าเปลือย …