Skip to main content


ผมไปตามวันเวลาหมอนัดอีกครั้ง หลังจากพลาดนัดครั้งแรก ถ้าผมไม่ไป
ตรงเวลา ผมจะต้องคอยนานอีกอย่างน้อยสองเดือน คนจัดการรับเรื่องนัดหมายพยายามแจกแจงให้เห็นความจำเป็นของการคอย เพราะคนป่วยอันเนื่องมาจากฟัน มีเป็นจำนวนมาก เหมือนกับต่างคนต่างรู้ช่องทางทำฟันราคาถูก


ไปคลีนิกไม่ต้องนัดนานเป็นเดือนนะลูก” ป้าคนนั่งกุมแก้มขวาบวมเป่ง ผมถามป้าว่ามาทำอะไร

ถอนฟัน” ..


ห่างออกไปราวสิบห้าเมตร มือเหล็กยักษ์กำลังขุดคุ้ยโคนรากไม้ เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มตลอดเวลา เส้นเชือกขีดคั่นปักแดนล้อมเอาไว้ แต่แค่บอกอาณาบริเวณห้ามคนผ่านเข้าไปเท่านั้น คนเดินผ่านไปมาก็ยังต้องหันไปมองมัน อย่างกับว่าเพิ่งเคยเห็นมันครั้งแรกในชีวิต


คนนั่งรอเวลานัดหมอฟัน ก็ได้นั่งลุ้นมือขุดรากถอนโคนต้นไม้ไปพลางๆ รากจะขาดเมื่อไหร่ ขาดยังไง ผมรู้สึกรากไม้ที่โยกคลอนนั้น ร้าวลึกมาถึงกรามผมด้วย

ลูกมาทำอะไร” นางคงหมายถึงอะไรสักอย่างเกี่ยวกับฟันนี่แหละ

ครอบฟันครับ”

หมอชื่ออะไร” นางลงรายละเอียดไปถึงชื่อหมอ ผมพอจะเข้าใจอยู่ว่า หมอคนไหนเอาใจใส่ดูแลคนป่วยได้ดี ใครๆต่างก็หมายปองอยากเข้าไปหาหมอคนนั้น แม้ว่าต้องคอยนานเพียงใดก็ตาม พอผมบอกชื่อหมอ นางก็เริ่มต้นพูดเยินยอหมอสาวคนนั้นทันที พูดไปถึงมือสัมผันอันนุ่มนวล พูดจาไพเราะน่าฟัง และสวยด้วย


คนเข้ามานั่งแทนป้าเป็นลุงวัยเลยกลางคนเช่นกัน เขาต้องใช้ไม้เท้าประคองเดินมาด้วย เขาพูดนำทันทีว่า กว่าจะมาถึงหน้าห้องตรวจฟัน มันลำบากเหลือเกิน


ลุงมาคนเดียวเหรอ” ผมถาม

ลูกๆเขาติดงานติดธุระกัน”


ลุงบอกว่า หมอนัดมาอุดฟัน แล้วเจ้าเครื่องยนต์มือยักษ์ก็แผดเสียงเรียกความสนใจจากทุกคน ลุงผู้มาใหม่มองจ้องมันอย่างกับจะกลืนกิน แกรู้มาด้วยว่า ที่ตรงนั้นเขาเตรียมจะสร้างห้องน้ำใหม่ ต้องตัดต้นไม้ออกไปนับสิบต้น


ผมกวาดตามองไปยังแถวนั่งซ้ายขวา ไม่มีเก้าอี้ว่าง มิหนำคนยืนคอย รอให้ถึงคิวตัวเอง อันที่จริงผมก็ไม่แน่ใจว่า สักกี่คนนั่งอยู่โดยไม่เกี่ยวกับฟัน อาจจะคอยใบสั่งยาอีกห้องหนึ่ง หรือคอยตรวจอีกห้อง อีกโรคหนึ่งก็ได้ เพียงแต่เสียงมือจ้วงตักขุดโคนราก เหมือนจะสะกดทุกคนให้หันหน้ามามองเป็นจุดเดียว สลับกับการเปิดประตูเข้าออกของห้องฟัน


เห็นฟัน น่าจะเกี่ยวกับความสุข ความทุกข์น่าจะเป็นเรื่องของการปิดฟัน เก็บฟันไว้มิดชิด ไม่ให้มันเผลอแลบออกมาแม้แต่ซี่เดียว


จอทีวีที่ลอยอยู่บนเพดาน กำลังถ่ายทอดละครเกาหลี ฟังไม่รู้เรื่องว่าตัวเอกพูดคุยอะไรกับหญิงสาว เขายิ้มแผงฟันขาวงามเต็มปาก เชื่อได้เลยว่า มันเป็นยิ้มของความสุข ในจังหวะนั้นเอง สายตาผมมองต่ำลงมาเห็นแต่ละใบหน้า ไม่เห็นมีใครยิ้มเลย


ผมจึงเข้าใจว่า แต่ละคนต่างมีปัญหากับฟัน และพร้อมจะเปิดเผยความลับให้หมอรู้เห็นอาการอันเนื่องมาจากฟัน เพียงคนเดียวเท่านั้น


ลุงกับไม้เท้าได้เข้าไปในห้องฟันแล้ว เก้าอี้ว่างชั่วกระพริบตาเท่านั้น

นั่งคอยตรงนี้ เดี๋ยวเขาเรียกเอง” เสียงบอกน่าจะเป็นภรรยาบอกสามี เป็นเสียงของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมายาวนานแน่ๆ จนไม่เหลือน้ำเนื้ออันน่าถนอมหางเสียงใด เหลือไว้เผื่อให้พูดอิดออดเอาอกเอาใจกันอีกแล้ว ปัญหาเรื่องฟันอาจลุกลามไปถึงลิ้น สีหน้าของคนทั้งสองดูไม่สู้ดี เขาเอาฝ่ามือประคองคางบอกให้รู้ว่า ฟันในปากน่าจะมีปัญหากับลิ้นด้วย


แล้วคนชายล็อตเตอร์รี่ก็เดินผ่านมา ราวกับโชคจะมาเยือน ยามลืมเลือนเรื่องฟันสักชั่วขณะ ผมมองเห็นตาคนขายพิการไปข้างหนึ่ง ตาเขาอาจเกี่ยวกับฟัน เขายื่นแววตาข้างหนึ่งพร้อมกับยิ้มแถมฟันด้วย สายตาเขาไปด้วยดีกับฟัน แต่กลับไม่มีใครเปิดปาก


ผมคิดว่าโชคอาจมาผิดที่ผิดเวลา จึงไม่มีใครกล้าคิดเสี่ยงโชค


แล้วคนเดินด้วยขาจริงข้างเดียวก็มาถึง ขาอีกข้างลีบเล็กเป็นตะเกียบซ่อนไว้มิดชิดใต้ขากางเกง เขาเดินมาชะเง้อมองห้องยาแล้วหาที่นั่งว่างๆ ดูเหมือนทุกคนร้าวระบมด้วยฟันเหมือนกันหมด จึงไม่มีใครใส่ใจที่จะนึกถึงเท้าเกี่ยวกับฟันด้วยหรือไม่


เสียงประตูห้องฟันเลื่อน พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ ผมเดินเข้าไป สวนทางกับป้าที่เข้าไปก่อนหน้านี้ สีหน้าป้าอมทุกข์หนักกว่าเดิม หมอสาวนั่งคอยอยู่แล้ว ผมเห็นแผงฟันหมออันเต็มไปด้วยความสุข และความอบอุ่น เหมือนป้าบอกไว้จริงๆ

เคลือบซี่นี้เสร็จ อีกซี่กำลังผุค่ะ ส่วนฟันซ้อนสองซี่นั้น หมอว่าเอาออกดีกว่านะคะ ปล่อยไว้กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวจะหายไปทั้งสองซี่เลยนะคะ”


ผมนอนฟังหมอใช้เครื่องมือเผยอช่องปาก ไฟส่องสว่างวาบเป็นลำแสง ดูเหมือนฟันหลายซี่กำลังมีปัญหา ผมต้องกลับมาตามเวลานัดหมายอีกหลายครั้ง กลับมานั่งรอหมอฟัน รอเวลาที่จะพบหน้าตัวละคร อันเนื่องมาจากฟัน


บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่   ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 
ชนกลุ่มน้อย
ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์
ชนกลุ่มน้อย
สองทุ่ม   อังคารที่ 16 มีนาคม  2553   นักดนตรีในเชียงใหม่  และคนในแวดวงหนังสือ ศิลปะ  นัดรวมตัวกันที่ร้านสุดสะแนน  ร่วมรำลึกถึงการจากไปของ ”จ่าเพียร”(พ.ต.อ สมเพียร เอกสมญา) วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด  ด้วยสายสัมพันธ์กับไวล์ดซี๊ด (ชุมพล  เอกสมญา) ลูกชายจ่าเพียรที่ผ่านมาเล่นดนตรีในเชียงใหม่อยู่เสมอๆ   เยียวยาจิตใจเมล็ดเถื่อนจากบันนังสตา  ร่วมรำลึก ...   
ชนกลุ่มน้อย
ขอต่อยาวสาวความยืดถึงน้ามาดบางมุมดูหน้าดุ เวลาเดินเหมือนนุ่นลอยอีกหน่อย อย่างที่บอกไว้ บุรุษไร้นาม(และหนาม)ตามใจคนนี้ อย่าให้นั่งหน้าทับหน้าหนังกลองแล้วกัน ความจืดของหน้าจะถูกขับออกมาอย่างเผ็ดร้อน ไม่เรียบเฉยปล่อยวางอีกแล้ว บางด้านดูดุเทียบได้ใบหน้าเสือจ้องขบ กลับเกลี่ยเสียใหม่ เป็นเสียงทะลวงไส้พุงเร้าใจผิดหน้าผิดหูผิดตาไปทันที
ชนกลุ่มน้อย
  “เลสาปหน้าร้อนเปื่อยหมดแล้ว” ประโยคนี้ถ้าเขียนใหม่ตามภาษาบรรพบุรุษของใต้สวรรค์ ต้องบอกว่า เลสาปหน้าร้อนเปื่อยแผล็ดๆ เหตุที่เปื่อยเห็นด้วยตา ถ้าพูดผ่านปากของบ่าวทอง ต้องเริ่มต้นว่า“ที่จริง”เช่นเคย “ที่จริงมันไม่เปื่อยหร็อก ที่มันเปื่อยเพราะเลกลายเป็นโคลน เปื่อยแผล็ดๆไปทั้งเล” …
ชนกลุ่มน้อย
  สวรรค์ปักษ์ใต้มีสะตอกับลูกเนียงรวมอยู่ด้วย หรอยที่สุดต้องเหนาะ(จิ้ม)กับน้ำชุบ(น้ำพริก-ต้องกะปิเท่านั้น) หรือกินกับแกงคั่ว คั่วกะทิหรือแกงคั่วเผ็ดไม่กะทิ เผ็ดร้อนไม่แพ้ขาดเหลือกันนัก ไม่มีใครบอกว่าพริกพัทลุงหรือพริกนครศรีธรรมราช เผ็ดแรงร้อนกว่ากัน...
ชนกลุ่มน้อย
นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม
ชนกลุ่มน้อย
คำ  สุวิชานนท์ รัตนภิมล และคำของอา' รงค์ ทำนอง  สุวิชานนท์  รัตนภิมล
ชนกลุ่มน้อย
ลมบาดหิน ของอา… “ผู้ชายคนนั้นกับผู้หญิงของเขาตัดสินใจแรมคืนในกระโจม(เต็นท์) เขาพบว่าการเสียบก้านปลั๊กตัวผู้ลงในรูปลั๊กตัวเมียเพื่อต้มน้ำกับกาไฟฟ้านั้นเป็นความสะดวกสบายของคนในทาวน์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ และอย่างน่าอิจฉา แต่การมองหาก้อนหินนำมาวางเป็นก้อนเส้า กิ่งไม้ง่ามปักกับดินแล้วพาดราวแขวนหม้อและริ้วชิ้นวัวฝานหมักเกลือ ก่อกองไฟและต้มกาแฟ นี้เป็นบางแบบของชีวิตซึ่งผู้ชายควรเรียนรู้...”
ชนกลุ่มน้อย
พอออกมาจากห้องฝึกเรียนไวโอลินกลางเมืองเชียงใหม่  ผมบอกเจ้า 9 ขวบว่าไปเยี่ยมคุณลุงหน่อยนะ   เจ้าเก้าขวบถามทันทีที่ไหน  ผมตอบกลับวัดเจดีย์หลวง  ไปทำอะไรเหรอ เขาสงสัย  อยากไปเยี่ยม พ่อไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
  ในห้องทำงาน โต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ไม้ไม่เหมือนวันก่อน หนังสือเล่มใหม่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเล่มมาวาง ชั้นหนังสือเรียงตามกัน โน้ตสั้นๆ เขียนถึงเวลานัดหมาย เวลาส่งงาน หมายเลขโทรศัพท์ ม้านั่งไม้ไว้นอนเอกเขนก โคมไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด โต๊ะกลม กีตาร์ กล้องถ่ายรูป รูปภาพบนผนัง ...
ชนกลุ่มน้อย
  ในชีวิต ณ ปัจจุบัน ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาข้องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชื่อ ไวโอลิน และยิ่งไม่เคยนึกว่าวันหนึ่ง จะมีไวโอลินมานอนอยู่ในห้อง ตั้งวางอยู่ข้างตัว รวมถึงได้ยินมันส่งเสียงทุกวันตอนย่ำค่ำ