Skip to main content

พ่อของลูกคือลูกของพ่อ ล้วงหนังสือ “เจ้าชายน้อย” ออกจากกระเป๋าสะพาย เป็นเล่มเดียวที่ติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ลูกชายเดินทางไปด้วย และไม่อาจรู้หรอกว่าจะได้เปิดอ่านในช่วงไหนเวลาไหน ลูกของพ่อคือหลานของปู่กำลังง่วนอยู่กับสมุด ดินสอ สีในกระเป๋าเช่นกัน เขาคงนึกอยากเขียนภาพ

ขณะพ่อของพ่อคือปู่ของหลาน กำลังขบคิดโจทย์ยากปกคลุมทุ่งภูเขาสักข้อหนึ่งอย่างแน่แท้ พ่อของลูกคือลูกของพ่ออดห่วงหัวใจพ่อของพ่อคือปู่ของหลานไม่ได้

พ่อคิดไรอยู่”
กูแลไปทางไหน เขาเปล่าๆ อยู่อย่างนี้ไม่รู้ทำไรกิน”
.........”
พ่อของพ่อคือปู่ของหลาน ยังอยู่กับเรื่องเดิมจริงๆ
เขาอยู่กันมาได้ เขาอยู่กันต่อไปแหละ พ่ออย่างห่วงเขาเลย”
ถ้าปลูกดีปลี ได้ขาย” (ดีปลี(ภาษาใต้) = พริกขี้หนู)
ขายดีปลีก็เอาไปซื้อข้าว สู้ปลูกข้าวเลยดีกว่า”
เสียงพูดตอบของสองพ่อ ไม่ทำให้ลูกของพ่อคือหลานของปู่เบี่ยงเบนความสนใจ กลับแยกตัวออกไปห่างๆแล้วเริ่มต้นวาดรูป

เจ้าชายน้อยเดินทางมายังดวงดาวของพระราชา บนบัลลังก์ธรรมดาๆ แต่สง่างาม เสื้อพระราชาสีแดงทำด้วยขนสัตว์ ดาวของพระราชามีมนุษย์ทุกคนเป็นข้าราชบริพาร...”
พ่อของลูกคือลูกของพ่อเริ่มอ่านเก็บความ รวบอ่านให้ลูกของของพ่อคือหลานของปู่ฟัง
เจ้าชายน้อยเป็นมนุษย์ด่างดาวมั้ย”
ใช่ มาจากดาวอื่น” พ่อของลูกคือลูกของพ่อตอบ
แสดงว่าดาวเจ้าชายน้อยไม่มีพระราชา” ลูกของพ่อคือหลานของปู่สงสัย
พ่อของพ่อคือปู่ของหลานหัวเราะชอบใจ

ดาวทั้งดวงมีเพียงพระราชาองค์เดียวเท่านั้นนะ” พ่อของลูกคือลูกของพ่อบอกต่อ
เจ้าชายน้อยเกิดหาวขึ้นมาเพราะง่วงนอนเหนื่อยอ่อนที่เดินทางมากไกล แต่พระราชากลับบอกว่า เจ้าต้องไม่หาวต่อหน้ากษัตริย์ ผิดมารยาท สั่งห้ามเด็ดขาด”
ยังไงต่อ แย่แน่เจ้าชายน้อย” ลูกของพ่อคือหลานของปู่วาดภาพไป ปากก็พูดโต้ตอบไป ตามองหุบเขาเบื้องล่าง
เจ้าชายน้อยขำสิ ตอบพระราชาไปว่า ฉันกลั้นไว้ไม่ได้นี่ ฉันไม่ได้นอนเลย พระราชาก็บอกต่อ ถ้าอย่างนั้น ฉันอนุญาตให้หาวได้ ฉันไม่เห็นคนหาวมานานแล้ว นี่เป็นคำสั่งนะ “
รอดตัวไปเจ้าชายน้อย นึกว่าโดนซะแล้ว” ลูกของพ่อคือหลานของปู่พูดไปพลางวาดรูปหัวเราะชอบใจ
คำสั่งของพระราชานั้น สามารถสั่งให้นายพลเปลี่ยนเป็นนกทะเล”

เป็นหมาจิ้งจอกได้มั้ย” ลูกของพ่อคือหลานของปู่พูดอยู่ในท่าวาดรูป
ได้สิ สั่งกองทหารให้กลายเป็นเมฆยังได้เลย”
โห๋ เจ๋งที่สุด” ..
แต่ดาวที่พระราชาครองบัลลังก์อยู่นั้น มีเพียงพระราชาองค์เดียวเท่านั้น สิ่งที่พระราชาสั่งได้ยากที่สุดรู้มั้ย สั่งใคร”
ไม่รู้”
สั่งตัวพระราชาเองไง”…
ความเงียบปกคลุมทุ่งไร่หลังเก็บเกี่ยว

พ่อของพ่อคือปู่ของหลาน ยังนั่งจมลงไปในหุบเหว มองความขรุขระของภูเขาลูกอื่น ขณะลูกของพ่อคือหลานของปู่กำลังขะมักเขม้นเขียนรูป
อย่างนี้คือเงาต้นไม้นะ ล้มอยู่ใต้ต้นนั่นแหละ”

พ่อของลูกคือลูกของพ่อชี้ให้ดูรูปทุ่งไร่ข้าว ที่ตั้งวางอยู่บนภูเขาขรุขระอีกลูกหนึ่ง มีต้นไม้กระจายทั่วไร่ ได้ยินเสียงลงสีดังราวกับเสียงครวญครางของตอข้าว

------------------

***เจ้าชายน้อย อังตวน แซงเตก ซูเปรี แปลโดย อำพรรณ โอตระกูล

 

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่   ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 
ชนกลุ่มน้อย
ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์
ชนกลุ่มน้อย
สองทุ่ม   อังคารที่ 16 มีนาคม  2553   นักดนตรีในเชียงใหม่  และคนในแวดวงหนังสือ ศิลปะ  นัดรวมตัวกันที่ร้านสุดสะแนน  ร่วมรำลึกถึงการจากไปของ ”จ่าเพียร”(พ.ต.อ สมเพียร เอกสมญา) วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด  ด้วยสายสัมพันธ์กับไวล์ดซี๊ด (ชุมพล  เอกสมญา) ลูกชายจ่าเพียรที่ผ่านมาเล่นดนตรีในเชียงใหม่อยู่เสมอๆ   เยียวยาจิตใจเมล็ดเถื่อนจากบันนังสตา  ร่วมรำลึก ...   
ชนกลุ่มน้อย
ขอต่อยาวสาวความยืดถึงน้ามาดบางมุมดูหน้าดุ เวลาเดินเหมือนนุ่นลอยอีกหน่อย อย่างที่บอกไว้ บุรุษไร้นาม(และหนาม)ตามใจคนนี้ อย่าให้นั่งหน้าทับหน้าหนังกลองแล้วกัน ความจืดของหน้าจะถูกขับออกมาอย่างเผ็ดร้อน ไม่เรียบเฉยปล่อยวางอีกแล้ว บางด้านดูดุเทียบได้ใบหน้าเสือจ้องขบ กลับเกลี่ยเสียใหม่ เป็นเสียงทะลวงไส้พุงเร้าใจผิดหน้าผิดหูผิดตาไปทันที
ชนกลุ่มน้อย
  “เลสาปหน้าร้อนเปื่อยหมดแล้ว” ประโยคนี้ถ้าเขียนใหม่ตามภาษาบรรพบุรุษของใต้สวรรค์ ต้องบอกว่า เลสาปหน้าร้อนเปื่อยแผล็ดๆ เหตุที่เปื่อยเห็นด้วยตา ถ้าพูดผ่านปากของบ่าวทอง ต้องเริ่มต้นว่า“ที่จริง”เช่นเคย “ที่จริงมันไม่เปื่อยหร็อก ที่มันเปื่อยเพราะเลกลายเป็นโคลน เปื่อยแผล็ดๆไปทั้งเล” …
ชนกลุ่มน้อย
  สวรรค์ปักษ์ใต้มีสะตอกับลูกเนียงรวมอยู่ด้วย หรอยที่สุดต้องเหนาะ(จิ้ม)กับน้ำชุบ(น้ำพริก-ต้องกะปิเท่านั้น) หรือกินกับแกงคั่ว คั่วกะทิหรือแกงคั่วเผ็ดไม่กะทิ เผ็ดร้อนไม่แพ้ขาดเหลือกันนัก ไม่มีใครบอกว่าพริกพัทลุงหรือพริกนครศรีธรรมราช เผ็ดแรงร้อนกว่ากัน...
ชนกลุ่มน้อย
นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม
ชนกลุ่มน้อย
คำ  สุวิชานนท์ รัตนภิมล และคำของอา' รงค์ ทำนอง  สุวิชานนท์  รัตนภิมล
ชนกลุ่มน้อย
ลมบาดหิน ของอา… “ผู้ชายคนนั้นกับผู้หญิงของเขาตัดสินใจแรมคืนในกระโจม(เต็นท์) เขาพบว่าการเสียบก้านปลั๊กตัวผู้ลงในรูปลั๊กตัวเมียเพื่อต้มน้ำกับกาไฟฟ้านั้นเป็นความสะดวกสบายของคนในทาวน์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ และอย่างน่าอิจฉา แต่การมองหาก้อนหินนำมาวางเป็นก้อนเส้า กิ่งไม้ง่ามปักกับดินแล้วพาดราวแขวนหม้อและริ้วชิ้นวัวฝานหมักเกลือ ก่อกองไฟและต้มกาแฟ นี้เป็นบางแบบของชีวิตซึ่งผู้ชายควรเรียนรู้...”
ชนกลุ่มน้อย
พอออกมาจากห้องฝึกเรียนไวโอลินกลางเมืองเชียงใหม่  ผมบอกเจ้า 9 ขวบว่าไปเยี่ยมคุณลุงหน่อยนะ   เจ้าเก้าขวบถามทันทีที่ไหน  ผมตอบกลับวัดเจดีย์หลวง  ไปทำอะไรเหรอ เขาสงสัย  อยากไปเยี่ยม พ่อไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
  ในห้องทำงาน โต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ไม้ไม่เหมือนวันก่อน หนังสือเล่มใหม่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเล่มมาวาง ชั้นหนังสือเรียงตามกัน โน้ตสั้นๆ เขียนถึงเวลานัดหมาย เวลาส่งงาน หมายเลขโทรศัพท์ ม้านั่งไม้ไว้นอนเอกเขนก โคมไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด โต๊ะกลม กีตาร์ กล้องถ่ายรูป รูปภาพบนผนัง ...
ชนกลุ่มน้อย
  ในชีวิต ณ ปัจจุบัน ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาข้องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชื่อ ไวโอลิน และยิ่งไม่เคยนึกว่าวันหนึ่ง จะมีไวโอลินมานอนอยู่ในห้อง ตั้งวางอยู่ข้างตัว รวมถึงได้ยินมันส่งเสียงทุกวันตอนย่ำค่ำ