Skip to main content

ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา
บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่  
ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 


ความยากง่ายของห้องครัว  อยู่ที่ใครจะผ่านมาใช้เวลาใด
ยามใดปราศจากกาแฟ  ก็อดกินกาแฟ  ยามมีกาแฟก็จะมีกาแฟสูตรนมข้นแนะนำ  หรือยามใดไม่มีกับข้าว  ก็ต้องลงเก็บผักบุ้งในสระ  ตกปลาในคูน้ำ  หรือไม่ก็แปลงผักที่หมุนเวียนเปลี่ยนผักในแปลงปลูก

ชุมพลเป็นแขกผู้มาเยือน  ก็ผ่านมาใช้ห้องนี้เช่นกัน  เขามาซ้อมเพลงเล่นเพลง  ครั้งละนานอย่างนานหลายชั่วโมง



เขามาในช่วงเวลาเด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบอยู่ในบ้าน 
เด็กหญิงแอบมองดูเขา
เด็กหนุ่มวัย 20 ต้นๆ ผมหยิกหยอย หน้าคม ผิวคล้ำ  เสียงห้าวลึก หลงใหลในเสียงเพลง บทกวีและการใช้ชีวิตกลางแจ้ง 

เขาเพิ่งกลับมาจากแม่น้ำเงาเขตรอยต่อจังหวัดตาก  เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน  ความร้อนในตัวเขาวัดด้วยปรอทอาจจะแตก
เขานั่งซ้อมเพลงทั้งวัน  ใช้ห้องครัวซ้อมเพลง บางทีก็ลานซีเมนต์หลังบ้าน
เพลงตัวตลก  หญิงสาวกับแมลง  กับงู  แสงดาว  ปณิธาน  ...
เพลงที่เปล่งถ้อยคำ ทำนองประหลาดๆทั้งนั้น  แต่ผมชอบ  ชอบในความสดใหม่ และไม่เคยได้ยินได้ฟัง

เขาหายไปตอนย่ำค่ำ   บอกว่าจะไปนอนที่ลำพูน
อีกวันเขาก็มาซ้อมเพลงเหมือนเดิม  จะพิเศษก็ตรงที่เขาถามหาห้องบันทึกเสียง  เขาอยากทำเดโมนำเสนอเพลงค่ายเทปในเมืองหลวง
เขาเลือกไมล์สโตนของคุณมาโนช พุฒตาล  ซึ่งกำลังเฟ้นหาคนทำเพลงใต้ดินสายเลือดใหม่

ผมรู้เลยว่า  เป็นเรื่องยากสำหรับเขา  กับงานในห้องอัดเสียง
เขาวางแผนจัดการเรื่องเวลาอย่างถี่ถ้วน  ใช้เงินน้อยที่สุด  ได้งานดีมากที่สุด
ผมแนะนำไปสู่ห้อง ซี ซี ไอ สตูดิโอ มหาวิทยาลัยพายัพ  ในช่วงเวลาราคาห้องอัดแพงสาหัส  เขาใช้เวลาไปสองชั่วโมงครึ่ง  1,400 บาท

กีตาร์ทาคามิเนะ 
Takamine Est.1962  F-340s  รุ่น serial  number  สัญชาติญี่ปุ่น  กีตาร์ตัวเดียวของผมในขณะนั้น
ชุมพลเลือกไปอัดเสียงเพลงของเขา
เป็นกีตาร์ตัวที่โรงจำนำให้มันในราคา 700 บาทขาดตัว  แบบไม่อาจเพิ่มเนื้อหนังถั่วงอกได้อีกแล้ว  ถ้าไม่รับก็โปรดเอากลับบ้าน

ผมอยู่ในห้องบันทึกเสียงได้ไม่นานก็ออกมาก่อน
เขาเล่นเอง ร้องเองด้วยหยาดเหงื่อท่วมตัว  แต่ยังร้องไม่ได้ดังใจ  ก็ออกมาเตะอัดฟุตบอลพลาสติก  จนแทบลืมสิ่งที่กำลังก่อเกิดอยู่ในห้องอัดสียง

ร้องเพลงไม่ได้ดังใจ
เขาบอก


สิบสามปีต่อมา  บ้านหลังติดวัดอุโมงค์-ซอยอุโมงค์  ได้ยินทำนองเพลงหนึ่ง  เขาเล่นย้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่องอยู่กับที่  คิดค้นหาทำนองที่อยากให้เป็น
เขาใช้กีตาร์
Yamaha ตัวเก่าแก่ที่มีอยู่ในบ้าน
ก่อนหน้าจะได้ยินทำนองเพลงนี้  เราพูดคุยจิปาถะถึงเรื่องราวในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เขาบอกเพียงว่า ในตลาดบันนังสตา  ไม่มีใครไม่รู้จักจ่าเพียร

เขาเล่าถึงแพะกับศักดิ์ศรีของคนในพื้นที่  ใครมีแพะไว้ครอบครองเยอะ  ถือว่ามีฐานะมีหน้าตา
หมายรวมไปถึงการเทียบเคียงกับคน  ว่าควรมีราคาความหมายเทียบกับแพะได้กี่ตัว
แพะ 1 ตัว ราคา 5,000 บาท
จ่าเพียรตอนย้ายไปอยู่ 3 เดือนแรก มีราคาค่าตัว แพะ 3 ตัว
ครั้งหลังสุดนั้นเพิ่มจำนวนแพะค่าหัว  50 ตัว
แพะเป็นสัตว์โดดเดี่ยว ดวงตาเศร้า เสียงร้องดื้อๆ ขัดขืนแต่โดดเดี่ยว

เขาพูดถึงบันนังสตามีหอนาฬิกาโบราณ  แต่นาฬิกาตายประจำ
เขาเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง  ผมเพียงหยอดบางคำว่า  ทำไมไม่เอาฉากเวทีชีวิตเหล่านี้มาทำเป็นเพลง
เขียนเพลง บันนังสตาสักเพลงสิ
!!??..

เขาเริ่มต้นคิดตอนไหนไม่รู้  แต่ทำนองหนึ่งกำลังเกิด  บางประโยคเริ่มเปล่งเสียงออกมา

โลกที่เราล้างไฟด้วยไฟ  ล้างไฟด้วยไฟ... บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน  ในวัยเยาว์นั้น...


เขาหายไปเป็นเดือน  กลับมาอีกทีพร้อมกับเพลง บันนังสตา สมบูรณ์พร้อมบันทึกเสียง  เขาเข้าดื่มดนตรีเร็คคอร์ด  ด้วยกีตาร์
Guild ของเขา


ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง  ฉันรู้ว่าวันเวลา
ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง  ที่รีไซเคิลไม่ได้
มองโลกตามที่มันเป็นจริง   มองโลกตามที่มันเป็นไป
มองไปทางซ้าย  มองไปทางขวา
โลกที่เราล้างไฟด้วยไฟ  ล้างไฟด้วยไฟ
มองโลกตามที่มันเป็นจริง  มองโลกตามที่มันเป็นไป
บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน  ในวัยเยาว์นั้น
พ่อซื้อแพะให้ฉันหนึ่งตัว  แพะโง่ๆหนึ่งตัว
โลกที่เราล้างไฟด้วยไฟ  ล้างไฟด้วยไฟ
บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน  ในวัยเยาว์นั้น
หอนาฬิกาโบราณ  หอนาฬิกาโบราณ  นาฬิกาตาย
โลกที่เราล้างไฟด้วยไฟ  ล้างไฟด้วยไฟ
มองโลกตามที่มันเป็นจริง  มองโลกตามที่มันเป็นไป
มองไปทางซ้ายก็เพื่อนเรา  มองไปทางขวา  เราเป็นเพื่อนกัน
แม้โลกนี้เราล้างไฟด้วยไฟ  ล้างไฟด้วยไฟ
มองโลกตามที่มันเป็นจริง  มองโลกตามที่มันเป็นไป
ฉันก็หวังนะ  ฉันก็ยังหวังดี  ว่าเราจะเป็นน้ำดับไฟ  เป็นน้ำดับไฟ...

เป็นน้ำดับไฟ

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
 อยู่กับบ้านหนึ่งวัน ฝนกำลังตก ถนนลาดยางผ่านหน้าบ้านเปียกน้ำ มันข้ามรางรถไฟมุ่งไปยังทะเลสาป ผมมองเห็นฉากเก่าๆผ่านเข้ามา รถบรรทุกไม้ฟืนรถไฟแล่นผ่านหน้าไป มันอัดแน่นด้วยไม้เนื้อแข็งขนาดหนึ่งวา ผ่าซีกดูขาวๆเหมือนกระดูกสัตว์ ผมใส่แผ่นซีดี Shangri-la ของ MARK KNOPFLER ลงในเครื่องเล่นซีดี เลือกเอาเพลง Whoop de doo  “ถ้าฉันกำลังทำเรื่องใหญ่ด้วยย้อนคืนกลับบ้านฉันไม่ได้มุ่งตรงดิ่งไปสู่คำตอบใดๆของฉันและน้ำตาก็ไม่ได้มาง่ายๆหนทางที่ถูกใช้ไปสู่ Whoop de doo...”
ชนกลุ่มน้อย
คุณเดินไปตามทางดินแคบๆ ลัดเลาะสวนรกเรื้อที่ปล่อยให้ไม้ทุกชนิดขึ้นมาได้ คุณมองหาต้นมะปริงที่เด็กชายตัวน้อยๆ แอบย่องขึ้นไปเด็ดลูกสุกกิน กว่าจะได้กินก็ต้องสู้กับฝูงมดแดงยกโขยง มันไม่อยู่แล้ว มองหามะไฟต้นใหญ่ขนาดรอบโอบผู้ใหญ่ คุณเคยปีนขึ้นไปซ่อนตัวเงียบอยู่บนยอดราวกับลูกลิงขโมย มันไม่อยู่แล้ว   แล้วไปเกาะรั้วลวดหนาม ยืนมองทุ่งนากว้าง ซึ่งบัดนี้กลายสภาพเป็นที่เลี้ยงวัว ไม่มีร่องรอยเส้นซังข้าวแม้แต่เส้นเดียว นาข้าวร้างต้นข้าวมากว่าสิบปี แล้วคุณก็กวาดตามองครอบครัวยางนา มันอยู่เป็นครอบครัวจริงๆ ห้าหกต้น ต้นใหญ่สุดนั้นผู้ใหญ่สามคนโอบแทบไม่รอบทีเดียว…
ชนกลุ่มน้อย
นางมาถึงหมู่บ้านเหมือนนกย้ายถิ่นประจำฤดู ไม่มีใครรู้ว่านางมาถึงหมู่บ้านไหนเดือนไหน และเลือกเข้าไปบ้านใครก่อน ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ว่านางจะมา ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างเรียกนางจนติดปากว่า ซามูนะห์ซามูนะห์มาแล้ว ในความรู้สึกของเด็ก น่าสยอง น่าขนลุกขนพอง ใช่แล้ว หญิงบ้ากำลังเข้ามาหมู่บ้าน เด็กคนไหนดื้อเกิน มักจะโดนพ่อแม่ขู่ จะให้ซามูนะห์จับใส่สอบนั่ง พาไปขาย เด็กจะเงียบกริบ ผมเป็นหนึ่งในจำนวนเด็กกลัว เด็กไม่กลัวจะโต้ตอบอีกอย่าง เอากรวดปา หรือกระป๋องนมปาใส่นาง นางหยุดกึกบ่นพึมพำ ทำท่ายกไม้ยกมือปัดป้อง แล้วผู้ใหญ่ก็เข้ามาไล่พวกเด็กกลุ่มไม่กลัวนางอีกที
ชนกลุ่มน้อย
วจีเอ่ยเอื้อนออกไปอาจมิใช่ดังใจรู้สึกหากแต่เราคงดำเนินต่อข้ามผ่านกาลคืนค้นหาแรกก้าวจากเริ่มต้นจนพลันหายไปในอากาศพยายามเข้าใจ...จะดำรงอยู่อย่างมีเราอย่างไร ณ ที่นั้นสบเข้าไปนัยน์ตาเธอมิใช่ใครเลยที่ฉันรู้จักดื่มด่ำความงงงันอันว่างเปล่าด้วยสำนึกที่แสนเปลี่ยวเหงาณ บัดนี้ สำหรับฉัน บางคำผุดขึ้นมาอย่างง่ายดายซึ่งฉันรู้ว่ามิมีความหมายมากมายหากเปรียบเทียบกับคำกล่าวเมื่อฅนรักได้สัมผัสเธอมิอาจรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้ฉันรักในเธอและฉันเองก็มิอาจรู้ว่าเธอรักสิ่งใดในความเป็นฉันอาจเป็นภาพของใครบางฅนที่เธอคาดหวังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันมิอาจเสแสร้งใดใด…
ชนกลุ่มน้อย
ไม่มีสถานที่ไหน ผูกมัดใจผมไว้แน่นเท่าที่แห่งนี้ เป็นแววตาของพ่อที่มองลูกด้วยความเอ็นดู ดินแดนที่เราเหล่าเด็กๆไม่ได้ไปบ่อย หนึ่งปีผ่านไปเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เวลาอื่นราวกับมันเป็นสถานที่ต้องห้าม และน่าเกรงกลัว ความจริงในโลกของเด็กชาย ต้องเดินไปเรียนหนังสือตามทางรถไฟ ไปกลับวันละ 10 กิโลเมตร เพียงมองข้ามผ่านทุ่งนาไปทางทิศตะวันตก ห่างราวครึ่งกิโลเมตร ก็เห็นแนวป่าทึบเป็นกำแพงหนา ล้อมไม้ใหญ่ต้นสูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง มีธงเหลืองปลิวอยู่เหนือยอดไม้ มองไม่เห็นโรงธรรม กุฎิ หรือต้นลั่นทมเก่าแก่ล้อมโรงธรรม เดินผ่านทุกครั้ง ในใจผมผุดพรายถึงฉากนั้น…
ชนกลุ่มน้อย
ภาพขาวดำที่มีอายุยืนยาว  เหมือนแสงส่องเข้าไปไม่ถึง  ตรึงอยู่ในเบื้องลึกของก้นบึ้งความทรงจำ  มันแตกพร่ามาสั่นไหวดวงใจทุกครั้งที่นึกรำลึก  จริงเหมือนไม่เคยมีจริง   ภาพเบลอมัวหม่นเต็มไปด้วยความรู้สึกดีเหลือเกิน  ปลอดภัย  เป็นสุข สงบ  ไม่ร้อน  ไม่รน  สีของความเก่าแก่  สีของนักบวช  เพียงไม่นึกถึงมันก็ถอยร่นไปอยู่ลึก  ราวกับถูกลืมเลือนหายไปสิ้นผมกลับไปเดินบนทางดินสายนั้น  ทางเลียบลำคลองที่ออกไปสู่ทะเลสาบสงขลา  ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่ง  เคยเดินตามหลังแม่ชีทุกเช้า  กลิ่นแม่ชีเป็นกลิ่นนักบวช …
ชนกลุ่มน้อย
ทางไปนาเหมือนทางเดินในสนามเพลาะ   ขุดลึกลงไปในดินด้วยแรงน้ำกัดเซาะ  จะว่าไปน่าจะเป็นผลพวงของการขนไม้หมอนรถไฟ   เส้นทางชักลากไม้สมัยคนรุ่นปู่ยังหนุ่ม  ไม้ล้มลงจำนวนมหาศาลต่อเนื่องกันหลายปี  ไปเป็นไม้หมอนรถไฟร่องรอยเหลือไว้  คือเส้นทางขุดลึกลงไปในดินเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว  มันเป็นทางเดียวที่พาผมไปพบกับผ้าร้ายควายผ้าร้ายควายชั้นดีอยู่ในป่าพรุ  โคลนลึกถึงหน้าขาผู้ใหญ่  บางช่วงเลยบั้นเอว  บางช่วงผู้ใหญ่จะรู้กันว่า  เป็นวังโคลนดูด  โคลนมีชีวิตดูดวัวควายตายไปนักต่อนัก  โดยเฉพาะวัวควายที่โจรขโมยมา …
ชนกลุ่มน้อย
ถ้าเกาะสี่เกาะห้าเป็นเรื่องสั้น  ใครก็คงคิดว่าต้องเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว  แต่คุณกลับเห็นต่าง  ใครคงคาดไม่ถึงกระมังว่า  ความจริงมากพอที่จะนับเป็นนวนิยายได้สบายๆนั้น  คุณกลับไม่เห็นเป็นนวนิยาย  คุณอ้างถึงข้อมูลที่คุณมีอยู่เพียงน้อยนิด  ไม่ได้มีมโหฬารขนาดใส่โบกี้รถไฟ  เรื่องสั้นๆห้วนๆขาดๆเกินๆ  คุณจะทำอะไรได้มากไปกว่านั่งมอง  แม้คุณจะบอกใครๆว่าคุณเห็นเกาะสี่เกาะมาตั้งแต่จำความได้ก็ตาม  ในสายตาของคุณ  เกาะสี่เกาะห้าเป็นแค่เรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครเขียนจบ ไม่มีใครอยากให้คุณรู้มากไปกว่า  เกาะรังนกนางแอ่นหรือรังนกแอ่นทำรังอยู่กลาง(ทะ)…
ชนกลุ่มน้อย
แม่บอกว่า  ล้างข้าวสารหลายน้ำหน่อย  ผมรับหม้อข้าวจากมือแม่  ด้วยอยากช่วยแม่หุงข้าว  แม่กรอกหม้อมาเรียบร้อยแล้ว  เหลือเพียงนำไปใส่น้ำ   ผมพูดกับแม่ทันที  ไม่ล้างจะดีกว่ามั้ย  เพราะข้าวขาวเหลือแต่แกน  เมล็ดผอม  ขัดสีผิวจนเมล็ดขาวนวล   ตามความเข้าใจที่ว่า  วิตามินในข้าวจะหายไป   แต่แม่ตอบกลับมาว่า  ข้าวสารสมัยนี้ ไม่ใช่ข้าวสารสมัยก่อน    แม่ชี้ให้ดูกระสอบข้าวสาร  หนึ่งกระสอบปุ๋ยราคาหลายร้อยบาท  ผมดูตัวหนังสือข้างถุง  บอกวันเดือนปีที่ผลิต  ชื่อพันธุ์ข้าว จังหวัดที่ผลิต …
ชนกลุ่มน้อย
ไม่น่าเชื่อว่า  ขี้มัน  จะเกี่ยวกับพร้าวห้าว  คนถิ่นอื่นให้ความหมายของพร้าวห้าวกับขี้มันอย่างไร?
ชนกลุ่มน้อย
อย่างหนึ่งต้องทำ  นั่นคือผมต้องไปสวนยาง เดินทางมากว่าหนึ่งพันกิโลเมตร  เดินต่อไปอีกสองสามกิโลเมตร  ไม่ใช่เรื่องยากเลย  พลันไปยืนอยู่ท่ามกลางต้นยาง  ความโปร่งโล่งก็ปรากฏ  จับจิตจับใจ  แน่นอนว่า ไม่ใช่ความรู้สึกของการงานคนกรีดยาง (ตัดยาง) แน่ๆ  เพราะธรรมชาติของการตัดยางนั้น  เป็นงานที่เหนื่อยหนักเอาการ (ออกอาการ) ทีเดียวแต่ผมไปในชั่วโมงนี้แบบตากอากาศ ลมพัดแรง ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่น นอกจากเสียงใบยางดังลั่นสนั่นป่า เปลี่ยว ลิบๆ ว่างเวิ้งโหวงเหวง ต้นยางต่อต้นเป็นแถวเป็นแนวสุดตา ไม่มีใครอยากมาเดินดูชมอะไรตามลำพังเช่นนี้หรอก      …
ชนกลุ่มน้อย
ถนนคดเป็นงู  ข้ามผ่านหารกง – (พี่ชายของหนองน้ำ) เหลนของสายคลองหัวท้ายตัน  ความยาวเดิมเกือบ 100 เมตร  ตอนนี้มันหดสั้นลงเหลือครึ่งหนึ่ง  อีกไม่เกินสิบปีกระมัง  มันอาจหดลงเหลือแค่คืบไว้ดูเป็นขวัญตา  ให้เด็กรุ่นผมได้นึกย้อนความหลัง  เดินเปลือยล่อนจ้อนตัดกลางหมู่บ้านหน้าตาเฉย  ไปให้ถึงหัวสะพาน  แล้วกระโดดน้ำกันอย่างหนุกหนาน(สนุกและสนาน)