วจีเอ่ยเอื้อนออกไปอาจมิใช่ดังใจรู้สึก
หากแต่เราคงดำเนินต่อข้ามผ่านกาลคืน
ค้นหาแรกก้าวจากเริ่มต้น
จนพลันหายไปในอากาศ
พยายามเข้าใจ...จะดำรงอยู่อย่างมีเราอย่างไร ณ ที่นั้น
สบเข้าไปนัยน์ตาเธอ
มิใช่ใครเลยที่ฉันรู้จัก
ดื่มด่ำความงงงันอันว่างเปล่าด้วยสำนึกที่แสนเปลี่ยวเหงา
ณ บัดนี้ สำหรับฉัน บางคำผุดขึ้นมาอย่างง่ายดายซึ่งฉันรู้ว่ามิมีความหมายมากมาย
หากเปรียบเทียบกับคำกล่าว
เมื่อฅนรักได้สัมผัส
เธอมิอาจรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้ฉันรักในเธอ
และฉันเองก็มิอาจรู้ว่าเธอรักสิ่งใดในความเป็นฉัน
อาจเป็นภาพของใครบางฅนที่เธอคาดหวัง
ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันมิอาจเสแสร้งใดใด ด้วยรู้ว่าแสนเปลี่ยวเหงา
และใกล้ถึงจุดท้ายสุดแห่งความรู้สึกที่เราต่างรับรู้
นานเท่าไหร่ที่ฉันหลับใหลนานเท่าไหร่ที่ฉันล่องลอยกับความเปลี่ยวเหงา
ข้ามผ่านกาลคืน
นานเท่าไหร่ที่ฉันอยู่ในฝันที่อาจเป็นจริง
หากฉันเพียงหลับตาและพยายามทั้งหมดใจ
เพื่อเป็นใครฅนหนึ่งฅนนั้นของเธอ
ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันมิอาจเสแสร้งใดใด ด้วยรู้ว่าแสนเปลี่ยวเหงา
และใกล้ถึงจุดท้ายสุดแห่งความรู้สึกที่เราต่างรับรู้
นานเท่าไหร่ที่ฉันหลับใหลนานเท่าไหร่ที่ฉันลอยล่องอย่างเปลี่ยวใจผ่านกาลคืนนั้น
นานเท่าไหร่ที่ฉันคงดำเนินต่อไปเพื่อเข้าถึงยามอรุณรุ่ง
ข้ามผ่านเสียงกระซิบ และแสงที่แปรเปลี่ยน
ณ ที่ที่เราต่างเอนกายเคียงข้าง
Late for the sky, Jackson browneเพลงดังขึ้นในบ้าน แน่นอนว่าเป็นเสียงเพลงที่ลูกชายนำกลับบ้าน
เวลาว่างของทุกวัน เสียงกังวานของเพลงประหลาด
ผมมักเปิดเพลงที่ทำให้ต้นยางมีน้ำตาสีขาวไหลหลั่งออกมา
พกพาไป พร้อมหนังสือ
เสียงเพลงที่ไม่มีลูกบ้านไหนเปิดฟัง
เหมือนหนังสือที่ไม่มีลูกบ้านไหน อ่านมันอย่างกับจะกลืนกิน
หนังสือกับเพลง ทำให้ลูกชายของแม่หลงทาง
เบี่ยงชีวิตออกไปจากเส้นทางคาดหวังเดิมๆ
จากท่าเรือของความห่วง สู่เกาะเปลี่ยวอันน่าห่วง
น่าสะพรึงกลัว เป็นเช่นนี้มานาน
เพลงเหมือนจะบอกว่า ลูกชายกลับมาจากเกาะไหนสักแห่ง
ลอยน้ำอยู่บนโลกใบนี้
ผมหลงรักเพลง Late for the skyJackson browne … ไม่รับรู้ด้วย เพื่อนเอย
ยินแต่เสียงหัวรถไฟไม้ฟืน ปล่อยควันดำผ่านมาอีกแล้ว
ฝูงนกนางแอ่นบินตีคู่ขนาน
ลูกชายคนตัดฟืนหนีออกข้างรางเหล็ก
เสียงสูบฉีดไอร้อนดังน่ากลัวเกรง
กงล้อเหล็กยักษ์เหยียบรางเหล็กด้วยท่วงท่าขากิ้งกือ
เสียงร้องโหยหวน เหมือนเสียงร้องอันทุกข์ทรมาน
แซ่โบยนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในถังดำมหึมา
รถจักรแล่นไป แล่นด้วยไฟกับไอน้ำ