Skip to main content

20080521 (1)

ถ้าเกาะสี่เกาะห้าเป็นเรื่องสั้น  ใครก็คงคิดว่าต้องเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว  แต่คุณกลับเห็นต่าง  ใครคงคาดไม่ถึงกระมังว่า  ความจริงมากพอที่จะนับเป็นนวนิยายได้สบายๆนั้น  คุณกลับไม่เห็นเป็นนวนิยาย  คุณอ้างถึงข้อมูลที่คุณมีอยู่เพียงน้อยนิด  ไม่ได้มีมโหฬารขนาดใส่โบกี้รถไฟ  เรื่องสั้นๆห้วนๆขาดๆเกินๆ  คุณจะทำอะไรได้มากไปกว่านั่งมอง  แม้คุณจะบอกใครๆว่าคุณเห็นเกาะสี่เกาะมาตั้งแต่จำความได้ก็ตาม  

ในสายตาของคุณ  เกาะสี่เกาะห้าเป็นแค่เรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครเขียนจบ

ไม่มีใครอยากให้คุณรู้มากไปกว่า  เกาะรังนกนางแอ่นหรือรังนกแอ่นทำรังอยู่กลาง(ทะ)เลสาบสงขลา  มีคนเฝ้ายาม  มีปืนคอยระวังนกให้รอดพ้นจากคนขโมย (คนขโมยรังนกเขาเรียกว่าโจรรังนก)  แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคุณไม่มีโอกาสหลุดลอดสายตา  ผ่านดงปืนฝ่าดงกระสุน   จากน้ำมือใบหน้าแปลกหน้าดุๆไม่เป็นมิตรของชายร่างกำยำก็ตาม  

ไม่ใช่เกาะหินปูนไว้สำหรับตากอากาศ  ตั้งแคมป์พักแรม

คุณเคยคิดว่า  คุณจะแอบเกาะขอนไม้ขึ้นไปบนเกาะในช่วงเวลาฝนฟ้าคะนอง  ขณะทะเลสาบปล่อยคลื่นสูงออกอาระวาดเหนือน่านน้ำ  เสียงคลื่นทบเข้าฝั่งจะกลบกลืนเสียงทุกอย่าง  คุณอาศัยช่วงชุลมุนของคลื่นน้ำฝนฟ้า  ขึ้นฝั่งได้สบาย

คุณแค่อยากผ่านความรู้สึกท้าทายนั้น  มากกว่าจะแอบขโมยรังนก   คุณแค่อยากเห็นเกาะสี่เกาะห้าตอนกลางคืน  มองความเวิ้งว้างของท้องทะเล  มองฝั่งแผ่นดินเป็นแนวทึบๆอยู่ไกลๆ  หรือไม่ก็แสงไฟจากนากุ้งที่ดูราวโรงมหรพแสงไฟสว่างอยู่รอบขอบน้ำ

ถ้าคุณทำได้  คุณมีเวลาได้นั่งชมวิวทิวทัศน์ได้แค่ข้ามคืนเท่านั้น  เพราะนานจากนั้น  คุณจะตกอยู่ในวงล้อมของพวกเวรยาม      

20080521 (2)

ถ้าคุณเกิดความโลภขึ้นมาทันทีทันใด  คุณจะทำอะไรได้เล่า  ผ่านคลื่นลมมาได้ ทุกอย่างใช่จะราบรื่น  คุณต้องพบกับอีกหลายด่าน  ด่านโรงเรือนหลังคามุงจากพลางตัวกลมกลืนกับสีของหน้าผา  เหมือนรังนก  เอาเข้าจริงๆต้นหญ้าใบไม้ก็ไม่อยากเป็นมิตรกับคุณ

กว่าจะถึงรังนกแอ่น  

ที่สำคัญนั้น  ที่อยู่ของรังนกแอ่นก็ไม่ใช่รังนกเขานกกระจิบนกกระจอกที่วางสวยงามอยู่ตามง่ามไม้  แขวนห้อยโตงเตงเล่นลมสอยลงมาได้ง่ายๆ   แต่รังนกแอ่นอยู่ในถ้ำมืด   คุณต้องมีไฟส่องทาง คุณต้องรู้จักเส้นทางในถ้ำ  คุณต้องรู้จักการปืนผา  รู้จักการโรยตัวลงมากับเส้นเชือก  ทำความคุ้นเคยกับการไต่ไปตามพะองไม้ไผ่  คุณต้องรู้อะไรอีกหลายอย่าง  ที่จะพาตัวเองห้อยโหนเกาะราวเชือกอย่างกับนักแสดงกายกรรม  

ไปให้ถึงรังนก  เก็บรังนก  จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เพียงคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่บางคน  ว่านอกจากจะมียามเฝ้าแน่นหนาแล้ว  ยังมีงูเหลือมงูจงอางอยู่ในถ้ำด้วย  แต่ละตัวนั้นใหญ่โตและหิวอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่ามันจะออกมาเมื่อไหร่  แล้วเรื่องสยดสยองก็ตามมา  

เรื่องสั้นคุณจะให้เหมือนจริง  คุณก็ต้องสร้างฉากถ้ำให้ดูน่าเกลียดน่ากลัว  เพื่อรองรับตัวละครที่ถูกฆาตกรรมและฉากไล่ล่าล้างผลาญกันอย่างไม่มีเหตุผล  บนพื้นฐานของความโลภของมนุษย์   ความเสี่ยงที่แลกมากับความฝันหวาน  ว่ารังนกหนึ่งกิโลราคาเป็นหมื่นบาท  จะนำพาความสุขสบายสู่ตัวละครชั่วชีวิต

แดนดิบเถื่อนต้องไม่ธรรมดา  ทุกอย่างต้องต่อสู้ตามลำพัง เหมือนไม่มีใครรู้เห็น อากาศ  คลื่นลม  ต้นไม้ ใบหญ้า งู  ดูมีพิษไปทุกอย่าง  ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำดื่ม    

เมื่อทุกอย่างตระเตรียมไว้เพื่อรองรับฉากแสดงความดิบเถื่อน  กลิ่นอับเหม็นขี้นกแอ่นปนขี้ค้างคาวก็โชยมา  มันโชยไปถึงท่าเรือปากพะยูน  ผ่านวัด มัสยิด เข้าไปยังห้องทำงานของนายอำเภอ  ติดเสื้อผ้านักการเมืองท้องถิ่น  จนกลายเป็นลมหายใจและกลิ่นปาก  

20080521 (3)

แล้วความคิดหัวใสก็ตามมา  เปิดเกาะสี่เกาะห้าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  แต่ก็ต้องจำกัดจำนวนคน  เวลา  ฤดู  เพราะจะรบกวนนกทำรัง  น้ำลายนกแอ่นน้อยลงทำให้ราคาเกาะสี่เกาะห้าลดตามไปด้วย  น้ำลายนกแอ่นต้องมีความสำคัญอันดับแรก    

ส่วนรังเลือด  อันเนื่องมาจากรังแรกถูกเก็บ  แม่นกก็ไม่ลดละความพยายามสร้างรังใหม่อีกครั้ง  จนสำลักเลือดออกมาเป็นรังจนได้   รังเลือดก็ถูกเก็บ  ราคาจะตกลงมาหน่อยหนึ่ง  การเก็บรังเลือดก็หมายถึงลูกนกแอ่นแดงๆจะตกมาด้วย  ลูกนกแอ่นแดงๆเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่มีความเชื่อในเรื่องยากำลัง

ตัวละครที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นของคุณ ไม่ฉลาดนัก  พร้อมจะปิดบังทุกอย่าง  ไม่ให้คนเข้าใจว่าเกาะสี่เกาะห้าเป็นที่ทารุณกรรมสัตว์  รังเลือดดูโหดร้ายเกินไป  รับประทานลูกนกแอ่นแดงๆไม่เป็นความจริง  พวกนักเขียนนักข่าวสร้างเรื่องขึ้นมา ...  

ผมกลับไปยืนมองเกาะสี่เกาะห้าจากฝั่งเกาะหมากอีกครั้ง  พลันเรื่องราวต่างๆก็จู่โจมเข้ามา  เหมือนเสียงประหลาดๆ เหมือนเรื่องแต่ง  เรื่องสั้น  อย่าเชื่อเลย  ไม่ใช่เรื่องจริง  เป็นเรื่องสั้น ..        

***  ชิ้นนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกใน เสาร์สวัสดี  นสพ. กรุงเทพธุรกิจ  ฉบับ467 เสาร์ 3 พฤษภาคม 2551

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ขบวนรถด่วนยาวเหยียดปล่อยสองพ่อลูกลงสถานีพัทลุง   กระเป๋าเป้ใบใหญ่อย่างกับบ้านย่อมๆ  ทุกอย่างยัดอัดแน่นอยู่ในนั้น   ถ้ามีห้องน้ำยัดใส่เข้าไปได้  ผมก็คงจับยัดลงไปด้วยอยู่หรอก  อีกทั้งกล่องกระดาษ  กระเป๋าใส่ของฝาก  พะรุงพะรังอยู่ในอาการโกลาหลอยู่พักใหญ่  กว่าทุกอย่างจะวางกองอยู่ในความสงบ  
ชนกลุ่มน้อย
รถไฟชั้นนอน โบกี้ 7 คนแน่นเต็มตั้งแต่ต้นทาง เราสองพ่อลูกออกจะตื่นเต้นพอๆกัน เพราะเหลียวมองไปทางไหนก็เจอแต่ใบหน้าคนฝรั่ง เหมือนเดินทางอยู่อีกมุมโลก นี่เรากำลังกลับบ้านนะ ไม่ได้ไปต่างประเทศ อย่ามองจ้องหน้าเรานานๆแปลกๆอย่างนั้นสิ เรากำลังจะไปบ้าน นี่ลูกชายผม อายุแค่ 7 ขวบ เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย อย่าห่วงเลยว่าเขาจะเสียงดังรบกวน ขอให้คุณๆเดินทางสู่ปลายทางกันให้มีความสุขที่สุด ห่างออกไปแค่หนึ่งช่วงตัว เป็นครอบครัวคนฝรั่งเศส หูมัธยมศึกษาปีที่สี่ห้าบอกว่าพวกเขาเป็นคนฝรั่งเศส ตุ๊ดตูเลอองฟร็อง .. บองชู .. ตูวาเบียง ..หวี๋ ..ตัวโอซี .. แกลเลคอมม็องตาเลวู.. ซาวะ ..หวี๋/น็อง ...…
ชนกลุ่มน้อย
หนังสือเดินทาง 7 เล่ม  กับเพลง 7 ซีดีอัลบั้มผมหลงชอบ ‘ตากอากาศ’ อย่างไม่ทราบสาเหตุ  ผมเห็นครั้งแรกจากหนังสือเล่มหนึ่ง  ตากอากาศกลางสนามรบ  นับแต่นั้นมา  ตากอากาศก็เข้ามาอยู่ในใจผม  มันให้ความรู้สึกนัยยะความหมาย  กว้างไกลเมื่อไปอยู่ร่วมคำอื่น  มีบวกลบอยู่ในนั้นผมถือโอกาสเชิญมาอยู่ร่วมในชื่อเรื่องอีกครั้งต้นฉบับชิ้นนี้ เขียนห่างฝั่งทะเลสาบสงขลาราว  10 กิโลเมตร  ผมกลับไปบ้านเกิด  แบบด่วนๆ  จึงต้องพกข้อมูลทุกอย่างใส่แฟ้ม  พร้อมต้นฉบับอื่นที่ค้างคา  รูปถ่าย  กล้องถ่ายรูป(ประจำตัว)  พร้อมเป้  และเจ้าชายน้อย 7 ขวบ…
ชนกลุ่มน้อย
เกิดหลงไปในเมฆอย่างฉับพลัน  อยากชวนไปดูเมฆ ฉากหลังเบื้องหลังของคนสัตว์สิ่งของ (ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้รบฆ่ากันของมนุษย์) เรื่องของเรื่องก็คือผมผ่านไปเห็นอะไรที่เหมือนไม่เกี่ยวกับเมฆ มาตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา  แต่น่าแปลก กลับเกี่ยวกับเมฆตลอดเวลา  ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเลย กว่าจะได้ไปยืนอยู่เบื้องหน้ายอดอกเมฆก้อนนั้น ก้อนโน้นอันที่จริงจะเรียกว่า มองเมฆก่อนเห็นใดอื่น ก็ไม่ใช่ เห็นสองฝักราชพฤกษ์แล้วเกิดหลงรักในฝักที่ห้อยย้อยคู่ขนานลงมา   
เหมือนมันจะวัดวันยืนยาวกันหรือเปล่า ว่าใครร่วงหล่นก่อน ก็ไปนอนรออยู่บนพื้นดิน   แปลกแท้ …
ชนกลุ่มน้อย
บิเบ - พญาไฟนกเจ้าชายในแดนดงดิบ  ร่ำลือกันว่าทั้งหล่อเหลา ดุดัน ร้อนแรง และมีน้ำเสียงอันไพเราะ  ยามปีกสีเพลิงอยู่รวมปีก  ประหนึ่งต้นพริกเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่  แทบทำให้ป่าเปลี่ยนสี สักครั้ง บรรดานกสาวต่างหมายปองจะเห็นตัวจริงเสียงจริง .. สายเลือดกำเนิดบิเบในป่าสนขุนห้วย  งามปีกของมันเทียบเคียงกิ่งสนชรา  กิ่งบิดปลายเบี้ยวหักงอ ตะปุ่มตะป่ำ  วาดซ้ายขวาขึ้นไปบนท้องฟ้า  ยิ่งแก่กิ่งก้านยิ่งบิดงาม  ยิ่งแก่ยิ่งมีชั้นเชิงเติบโต สีเปลือกแตกลายกร้านโลก ยืนยันมีชีวิตอยู่บนภูเขาสูง  มองปีกเพลิงจากด้านไหน      …
ชนกลุ่มน้อย
เขาอยู่ด้วยกันสามคน  คนผอมบอบบางสูบยาสูบแทบตลอดเวลา  นั่งซึมเหม่อกับที่ได้คราวละนานๆ  กวาดสายตามองเลื่อนลอย เรื่อยเปื่อย  คนร่างมะขามข้อเดียว ดูแข็งแรงอยู่บนความเฉื่อยเนือย  เคลื่อนไหวเชื่องช้า  คนสุดท้ายร่างสันทัด  ดูแคล่วคล่องว่องไวที่สุด รู้จักงาน  ขยันทำงาน  เคลื่อนไหวไปมาแทบไม่หยุดหย่อนทั้งสามคนมาจากเมืองผาอาน  ข้ามน้ำสาละวินมาถึงป่าสาละวิน  ออกเดินลัดป่าเขา  รับจ้างไปตามหมู่บ้าน  ตามแต่ใครจะมีงานให้ทำ จนมาถึงป่าแม่น้ำเงานักรบยามหนีทัพ  ก็ดูไม่ต่างไปจากชาวบ้านปกติทั่วไปเขามาถึงป่าแม่เงาอย่างไม่คาดคิด  …
ชนกลุ่มน้อย
หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ  ราวกับเพิ่มจำนวนมากขึ้นชั่วข้ามคืน  ผมสงสัยว่าพะเลอโดะจะเอาขึ้นรถอีกทำไม  มิหนำซ้ำยังเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  พะเลอโดะพูดทีเล่นทีจริงว่า  เราต้องอยู่รอดด้วยวิธีของเรา  ผมไม่เข้าใจ  แต่ไม่ได้ถามต่อ   พอรถจอดแล้วดับเครื่องยนต์  ปิดไฟ  ผมถึงรู้ความจริงใต้หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ  มันเป็นเกราะกำบังที่สามารถคุ้มครองเราได้   ผมไม่นึกว่ากะฌอกับซอมีญอจะมารอกลับขึ้นรถกลับไปกับเราด้วยพะเลอโดะก็ไม่รู้ว่า เขาสองคนจะเอาอย่างไรกับชีวิต เหมือนเขาถูกปล่อยเข้าป่า  เขาจะหนีเข้าป่า  หลบๆ ซ่อนๆ…
ชนกลุ่มน้อย
นกปีกขาวบินมาจากทิศไหน ผมไม่ทันได้สังเกต มันบินวนอยู่เหนือโขดหิน ฉวัดเฉวียนไปเหนือหลังคาบ้านริมฝั่งแม่น้ำ ดูมันคุ้นเคยกับอากาศอึมครึมรอบตัว ไม่มีใครใส่ใจว่ามันจะบินมาอีกหรือไม่ บินไปทางไหน สิ้นสุดลงที่ใด ผมมองตามปีกไหวๆ สลับไปมากับมองแม่น้ำ มองลุงเวยซาที่ยืนเป็นหินไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งนั่นเอง มันตีปีกทะยานบินข้ามแม่น้ำเต็มฝั่ง หายเข้าไปอีกฟากแม่น้ำ แล้วชั่วอึดใจต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เสียงปืนดังเป็นคลื่นสะท้อนกังวานข้ามแม่น้ำ ผ่านไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านกาแฟ ป้อมค่ายทหาร ร้านค้าขายสิ่งของจิปาถะ แล้วสะท้อนกลับไปมาอีกครู่หนึ่ง…
ชนกลุ่มน้อย
พะเลอโดะพูดกับพวกเราว่า  ถ้าไม่มาถึงในเดือนกันยายน  เราคงไม่ได้เห็นน้ำโข่โละโกรเต็มฝั่ง   แล้วยังพูดถึงแม่น้ำใหญ่อีกว่า  ดูราวอวัยวะภายในขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรกลโบราณ  ท้องไส้เต็มไปด้วยโขดหินแหลมคม  ประกอบขึ้นเป็นผนังแม่น้ำ  เครื่องกลโบราณที่มีอายุใช้งานเก่าแก่เต็มที  พัดน้ำปั่นหมุนน้ำวนขึ้นผิวน้ำเป็นรูปดอกเห็ดบานเต็มที่  วนไหลต่อเนื่องดอกต่อดอกสะพรั่งตามน้ำไปอย่างน่าเกรงขาม  ท้องไส้ภายในโข่โละโกรบิดเกลียวไปตามท้องร่องอันเต็มไว้ด้วยซากไม้ตาย   ท่อนซุงไร้สัญชาติ  หินไหล กรวดทรายปลิว   ซากศพคนนิรนามตามน้ำ …
ชนกลุ่มน้อย
ลองแหวกพื้นเหล็กของรถจิ๊ปรุ่นสงครามโลกสิ   ก็จะพบหลุมหลบภัยจำนวนมากซ่อนไว้อย่างมิดชิด   มันอยู่ท่ามกลางความซับซ้อนของเครื่องยนต์กลไก  พะเลอโดะพูดไปพลางหัวเราะ  มีหลุมซอกซอนไปได้ทั้งคันแหละ  อยู่ใต้เบาะนั่ง  ในกลักไม้ขีดไฟ  ตามกระเป๋ากางเกง ในกล่องลังเครื่องมือ  เข้าไปในเชสซี  ยากที่สายตาจะมองผ่านไปเห็นได้ง่ายๆ   แต่ลุงเวยซากลับบอกว่า  ศาลเจ้าต้นจูเกริมน้ำแม่เงา  ช่วยปกปักรักษาพวกเราไว้  พะเลอโดะบอกว่า  ตะเคียนใหญ่ต้นนั้นศักดิ์สิทธิ์  รับคำบนบานศาลกล่าว  มีสายตาที่มองไม่เห็นอีกมาก  มองดูเราอยู่…
ชนกลุ่มน้อย
ขณะรถแล่นไป  เราพูดถึงแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้า  และย้อนนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา  จนแทบไม่คิดถึงเรื่องขณะปัจจุบัน  ทันทีที่รถมาถึงโค้งหนึ่งนั่นเอง  พะเลอโดะหักหลบลงข้างทางอย่างกะทันหัน รถวิ่งไปบนพื้นขรุขระตึงๆตังๆ  พร้อมกับดับไฟหน้ารถ  ผมเห็นแต่ความมืดสลัว  และตะคุ่มพุ่มไม้ ใบบังที่แสงจันทร์เสี้ยวพอให้มองเห็นได้  เหมือนว่าซอมีญอกับกะฌอจะเข้าถึงกลิ่นลอยมาล่วงหน้า  ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เขาหายไปจากที่นั่ง  หลบไปอยู่ที่ใดที่หนึ่ง  ผมถามพะเลอโดะว่ามีอะไร  ลุงเวยซาเช่นกัน  นั่งลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหันขวา …
ชนกลุ่มน้อย
“ถ้าจะตาย  ใจสงบแล้วที่ได้เห็นแม่น้ำใหญ่”   ลุงเวยซา วัย 69 ปี  พูดกับพวกเรา แล้วทรุดตัวนั่งลงริมฝั่งแม่น้ำใหญ่สาละวิน  พึมพำเสียงเปรยสั่นเครือเหมือนลืมตัว “โข่โละโกร โข่โละโกร..”  ผมนึกว่าลุงจะตื่นตาตื่นใจไปตามประสา  แต่พอเห็นหลังมือป้ายตา  นิ่งเหม่อมองไกล  ผมถึงเข้าใจว่า นั่น ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆเสียแล้ว  นาทีต่อนาทีนับจากนั้น  ผมเห็นลุงเวยซายิ่งตัวเล็กลงเหลือเท่ากำปั้น  กลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับก้อนหินใหญ่ริมฝั่ง  เป็นหุ่นปั้นหินเปลือยกายท่อนบน  นุ่งเตี่ยวสะดอเก่าๆสะพายย่าม  เท้าเปลือย …