Skip to main content

  

'มาริโอ โรปโปโร' เป็นลูกชายชาวประมง เติบโตมาบนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในอิตาลี ที่ซึ่งไม่มีน้ำประปาและผู้คนบนเกาะส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ...

ปาโบล เนรูด้า' เป็นกวี-นักการทูต-นักการเมือง และเป็น คอมมิวนิสต์' ชาวชิลี มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ต้องลี้ภัยไปอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในอิตาลีช่วงปี 1952 และที่นั่นมีบุรุษไปรษณีย์เพียงคนเดียว...

บุรุษไปรษณีย์นามว่า มาริโอ โรปโปโร'

:::บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์:::

 

Il Postino หรือ The Postman เป็นหนังภาษาอิตาลี แต่เป็นผลงานของผู้กำกับชาวอังกฤษ ไมเคิล แรดฟอร์ด' ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายสาขาเมื่อปี 2538 และดูเหมือนว่าจะไม่ได้รางวัลใหญ่ติดไม้ติดมือมามากนัก แต่จัดเป็นหนังที่ผู้ชมกล่าวถึงมากมาย ถึงขั้นกลายเป็นหนังในดวงใจของคอหนังหลายคน

สิบกว่าปีผ่านไป แผ่นดีวีดีลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องนี้ถูกนำมาวางขาย พร้อมติดป้าย ลดราคา' ตามร้านขายหนังทั่วไปในบ้านเรา ถือเป็นการลดราคาได้ถูกกาละเทศะอย่างยิ่ง! โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ฝนตก อากาศชวนหดหู่ และเศรษฐกิจฝืดเคืองจนไม่อยากออกจากบ้านไปผลาญเงินเล่น แต่เหมาะควรกับการนอนเอกเขนกดูหนังดีๆ สักเรื่องมากกว่า

หนังของผู้กำกับแรดฟอร์ดเรื่องนี้บอกเล่าชีวิตเรียบเรื่อยของ มาริโอ' ซึ่งเปรียบเหมือนเรือลอยเท้งเต้งกลางทะเล ขาดหางเสือและไม่มีเข็มทิศ เพราะถึงแม้ว่าจะเิติบโตมาในชุมชนชาวประมง แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเอาดีทางการหาปลา และทางเลือกอื่นๆ ในชีวิตก็ใช่ว่าจะมีมาให้เลือกมากมายนัก

หลายคนมองว่ามาริโอเป็นเพียงหนุ่มขี้เกียจ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ แต่สิ่งที่เขาพยายามพูดอ้อมๆ ให้พ่อเข้าใจมาตลอดว่าคลื่นลมรุนแรงในท้องทะเลทำให้เขารู้สึกวิงเวียนเกินกว่าจะทำอะไรได้ ส่วนพ่อที่เลี้ยงลูกชายโข่งมาหลายปีดีดักก็ตัดสินใจยื่นคำขาดในวันหนึ่งให้มาริโอไปหางานอื่นทำเป็นหลักแหล่งเสียที

เมื่อเห็นป้ายประกาศรับสมัคร บุรุษไปรษณีย์ 1 ตำแหน่ง' มาริโอจึงเดินเข้าไปของานทำ พร้อมจูงจักรยานเก่าแก่ของตัวเองไปด้วย และคุณสมบัติแค่ พออ่านออกเขียนได้' กับ มีจักรยานเป็นของตัวเอง' ทำให้มาริโอได้งานนี้ไปอย่างง่ายดาย

ผู้ที่มาริโอต้องไปส่งจดหมายให้มีเพียงคนเดียว...

ผู้รับจดหมายนามว่า ปาโบล เนรูดา'

เมื่อปี 1952 ปาโบล เนรูด้า' ต้องลี้ภ้ยไปจากชิลี หลังประธาธิบดีกาเบรียล กอนซาเลส วิเดลา ผู้นำพรรคแรดิคัลขอร้องให้เนรูด้าช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการหาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่เมื่อได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกลับหักหลัง สั่งเจ้าหน้าที่รัฐกวาดล้างและจับกุมผู้สนับสนุนพรรคคอมนิวนิสต์ รวมถึงบรรดานักคิด-นักเคลื่อนไหวหัวเอียงซ้ายทั้งหมด

ที่หมายปลายทางของเนรูด้าจึงมุ่งไปที่เกาะเล็กๆ ในอิตาลี และที่นั่นเป็นที่ที่กวีกับบุรุษไปรษณีย์ได้รู้จักกัน

เนรูด้า หรือ ดอน ปาโบล' ตามที่มาริโอเรียกด้วยความยกย่อง เป็นลูกค้าเพียงคนเดียวของที่ทำการไปรษณีย์บนเกาะ เพราะด้วยเหตุผลที่บอกไปแล้วคือคนส่วนใหญ่ที่นั่น ไม่รู้หนังสือ' และวุ่นอยู่กับการทำมาหากิน ไม่มีเวลามาเขียนหรืออ่านจดหมายสักฉบับ

กระนั้น วงจรชีวิตของคนบนเกาะก็เปลี่ยนแปลงไปเมื่อบุคคลระดับโลกอย่างเนรูด้าแวะมาอยู่อาศัย จดหมายนับสิบนับร้อยฉบับถูกส่งมาจากทั่วโลก เพื่อรอให้เนรูด้าเปิดอ่าน และมาริโอเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่ได้รับการว่าจ้าง เพื่อส่งจดหมายให้กับเนรูด้าโดยเฉพาะ

ในตอนแรกมาริโอเพียงหวังว่าเขาจะผูกมิตรกับกวีชื่อดัง เืผื่อเอาไว้ไปอวดให้คนอื่นๆ ฟังในภายภาคหน้า แ่ต่เมื่อมีโอกาสได้สนทนากับ ดอน ปาโบล' และอีกฝ่ายอดทนตอบคำถามซื่อๆ เกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆ นานาที่เขาถาม โดยไม่มีท่าทีรังเกียจ คนความรู้น้อย' มิตรภาพระหว่างกวีและบุรุษไปรษณีย์ก็แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ

มาริโอเปรียบคำพูดและบทกวีของเนรูด้ากับ คลื่นในทะเล' ซึ่งซัดสาดใส่เขาจนรู้สึกโคลงเคลงเหมือนเป็นเรือปะทะคลื่นลมปั่นป่วน ขณะเดียวกันก็เป็นแรงดลใจให้เขาขวนขวายหาหนังสือและบทกวีอืนๆ มาอ่านด้วยความใคร่รู้ ส่วนดอน ปาโบลก็ได้ครุ่นคิด-ทบทวน และแลกเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อโลกผ่านคำถามซื่อๆ ตรงไปตรงมาของมาริโอ

หากจะพูดให้เจาะจงกว่านั้นก็คือมาริโอได้กระตุ้นเตือนให้เนรูด้ารำลึกถึงความมหัศจรรย์ของถ้อยคำ การสื่อสาร และการใช้ภาษา ขณะที่ดอน ปาโบล ทำให้คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาริโอรู้สึก มีคุณค่า' และได้รับการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น

ยิ่งไปกว่านั้น ดอน ปาโบล ยังเป็นพ่อสื่อคนสำคัญที่ทำให้ เบียทริซ' สาวงามประจำเกาะ หลานสาวของดอนน่า โรซ่า เจ้าของร้านเหล้าเคร่งศาสนา ยอมตกลงปลงใจกับหนุ่มที่ดูเหมือนจะไร้อนาคตคนนี้ด้วยความยินดี เพราะอานุภาพแห่งบทกวีแปลกหูและจับใจสาวน้อยมากกว่าคำหยอกล้อที่มักไ้ด้ยินจากปากลูกค้าขี้เหล้าในร้านของป้าเธอหลายเท่าตัวนัก

การมาเยือนของปาโบล เนรูด้าเปรียบเหมือนกุญแจไขสู่โลกใหม่ของมาริโอ โลกซึ่งเขาไม่อับจนถ้อยคำที่จะนำมาสะท้อนความรู้สึกนึกคิด และกระตุ้นให้ตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการค้นพบความกล้าที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาโต้แย้งแทนคนอื่นในสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกไม่ควร แม้ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ใช่อย่างที่คิด แต่ถือได้ว่ามาิริโอค้นพบ เสียง' ของตัวเองแล้ว

แต่เมื่อรัฐบาลประธานาธิบดีกอนซาเลส-วิเอลาของชิลี อยู่ในช่วงขาลงเพราะแพ้ภัยในคดีทุจริตฉ้อฉล ผู้นำพรรคสังคมนิยม ซัลวาดอร์ อัลเยนเด' ก็ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อมาด้วยคะแนนถล่มทลาย เนรูด้าจึงได้รับคำเชิญให้เดินทางกลับบ้านเกิดได้

ตำแหน่ง บุรุษไปรษณีย์' ของมาริโอจึงพลอยหลุดลอยไปด้วย เพราะลูกค้าคนเดียวที่มีอยู่ เดินทางไปไกลเกินกว่าเขาจะตามไปส่งจดหมายได้

จากนั้นข่าวคราวของดอน ปาโปล ที่เคยรู้จักก็ห่างไกลออกไปทุกที มุมมองที่มีต่อโลกของมาริโอก็ไม่สดสวยเหมือนเก่า เพราะถูกความจริงปล่อยหมัดน็อคเข้าใส่ไม่ยั้ง พร้อมกับที่บทกวีไพเราะเร้าอารมณ์ซึ่งเคยได้อ่านได้ฟังกลายเป็นเสียงตะโกนสั่งงานของดอนน่า โรซ่า ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายภรรยาที่กุมอำนาจสูงสุดในครอบครัว ตามด้วยเสียงมีดกระทบเขียง เพราะเขาต้องรับหน้าที่พ่อครัวจำเป็นเพื่อช่วยกิจการร้านเหล้าที่กำลังขยายตัว

นอกจากนี้ ดอนน่า โรซ่า มักกระทบกระเทียบให้ฟังเสมอว่าเนรูด้าเป็นเพียง นกกระจอกกินอิ่มแล้วก็บินหนีไป' เพราะหลังจากที่มาใช้เกาะเป็นที่ลี้ภัยและสร้างความทรงจำให้คนมากมาย เนรูด้ากลับไม่เคยส่งจดหมายหรือติดต่อกลับมาหาพวกเขาอีกเลย

 

ชีวิตเรียบเรื่อยของชนชั้นแรงงานหาเช้ากินค่ำเช่นมาริโอ, ดอนน่า โรซ่า หรือแม้แต่จอร์จิโอ หัวหน้าของมาริโอที่มีชีวิตทั้งชีวิตผูกโยงกับที่ทำการไปรษณีย์เล็กๆ โทรมๆ อาจไม่น่าอภิรมย์ในความเป็นจริง แต่เรื่องราวที่ถ่ายทอดใน Il Postino เต็มไปด้วยความงดงามของรายละเอียดปลีกย่อยในชีวิตที่เราอาจเคยมองข้ามไป

ส่วนฉากหลังซึ่งคู่ขนานไปกับชะตากรรมของมาริโอคือบันทึกการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในอิตาลีและชิลี ที่ซึ่งไม่มีคำตัดสินถูกผิดว่าอะไรดีกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์ เผด็จการ หรือประชาธิปไตย ถ้าจะบอกว่ามันคือบันทึกการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองโลกในช่วงนั้นด้วยก็คงไม่ผิดนัก และคำตอบที่ซ่อนอยู่ในหนังของ คนส่งสาร' เรื่องนี้ ก็อยู่ที่การ ตีความ' เหตุการณ์ที่ล้อมรอบตัวเราให้ถ่องแท้

แม้ในสายตาของดอนน่า โรซ่า มองเห็นดอน ปาโบล เป็นเพียงนักฉวยโอกาส และจอร์จิโอชื่นชม ปาโบล เนรูด้า ในฐานะผู้เผยแพร่แนวคิดคอมมิวนิสต์คนสำคัญ และมองว่านั่นคือสถานะที่ทรงคุณค่ามากกว่าการเป็นกวี แ่ต่มาริโอกลับประทับใจมุมมองของเนรูด้าที่สอนให้เขา รู้สึกรู้สา' ต่อสรรพสิ่งรอบตัว ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยหรือดูเหมือนไร้ค่าในสายตาคนอื่นเพียงใด

การที่เนรูด้า มองเห็น' และรับรู้การดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง ทำให้เขาไม่มองข้ามมาริโอ และปฏิบัติต่อ บุรุษไปรษณีย์บ้านนอก' อย่างเพื่อนมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ขณะที่ในชีวิตจริงอีกด้านหนึ่ง เนรูด้าเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของโจเซฟ สตาลิน ผู้นำคอมมิวนิสต์ของอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการใช้ความโหดเหี้ยมในการกำจัดศัตรูทางการเมือง

สาระสำคัญใน Il Postino จึงมิได้จำกัดวงแคบเฉพาะเรื่องราวของบทกวีแห่งความรัก หรือการฝ่าฟันอุปสรรคของหนุ่มสาว แต่มันตั้งคำถามถึงการมองชีวิตของตัวเองและคนอื่นๆ ที่มีปฏิสมพันธ์กันอยู่ หนังเรื่องนี้จึงไม่มีการตัดสินหรือพิพากษา หากแต่มี เหตุ' และ ผล' อันเกิดจากสิ่งที่ตัวละครแต่ละคนคิด เชื่อ และลงมือทำ

ในตอนท้ายเรื่อง ความคิดสับสนวนเวียนของมาริโอเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อได้กลับไปบ้านพักริมทะเลที่ดอน ปาโบล เคยใช้ชีวิตอยู่ช่วงหนึ่ง ที่นั่นมาริโอได้ค้นพบความจริงของการมีชีวิต รวมถึงความงดงามของการใช้ชีวิตบนเกาะเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะน่าเบื่อแห่งนี้

มาริโอเริ่มต้นบันทึกเสียงลมพัดผ่านช่องเขา เสียงลมพัดยอดไม้ไหว เสียงคลื่นลูกย่อมซัดหาดทราย และเสียงคลื่นลูกใหญ่กระทบโขดหินดังสนั่น หวังจะส่งไปให้ดอน ปาโบล ได้ฟัง

 

แม้ว่าจดหมายฉบับสุดท้ายของเขาไม่มีวันส่งไปถึงชิลีก็ตาม...

 

 

 

มัสซิโม ทรอยซี (Massimo Troisi) ผู้กำกับ นักเขียนบท และนักแสดงชาวอิตาลีที่รับบทเป็นมาริโอ เสียชีวิตหลังถ่ายทำหนังเรื่องนี้เสร็จเพียง 2 วัน ขณะมีอายุเพียง 41 ปี สาเหตุเพราะเขาขอเลื่อนการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหัวใจไปจนกว่าจะถ่ายหนังเสร็จ แต่ไม่ทันได้ผ่าตัดก็จากไปเสียก่อน

ฟิลิปป์ นัวเรต์ (Philipe Noiret) นักแสดงชาวฝรั่งเศสผู้โด่งดังจากหนังอิตาลีอีกเรื่อง ‘Cinema Paradiso' รับบทเป็นปาโบล เนรูด้า เสียชีวิตแล้วเช่นกัน เมื่อปี 2549

ป.ล. Il Postino ดัดแปลงจากหนังเรื่อง Aciente Paciencia ของผู้กำกับ Antonio Skarmeta และหนังสือชื่อเกียวกัน ซึ่งมาริโอเป็นตัวละครสมมติ ขณะที่ปาโบล เนรูด้า ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรมในปี 2514

 

 

บล็อกของ Cinemania

Cinemania
นพพร ชูเกียรติศิริชัย   “การที่ใครจะเป็น ‘modern’ (ทันสมัย) เขาคนนั้นก็จะต้องคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และพร้อมทุกเมื่อที่จะละทิ้งและตัดขาดจากของเก่าที่ดำรงอยู่ (tradition) และที่สำคัญ คือ พร้อมทุกเมื่อที่จะละทิ้งและตัดขาดจากตัวตนของตัวเองที่ดำรงอยู่ ถ้าตัวตนเป็น modern ก็ต้องพร้อมที่จะละทิ้งความเป็น modern ด้วยเหตุผลของความเป็น modern เอง”  “ในการจะเป็น modern มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็น postmodern หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าใครจะเป็น modern เขา หรือเธอคนนั้นก็จะต้องเป็น postmodern มิฉะนั้นแล้ว เขาก็ไม่สามารถเป็น modern ได้” (Jean-Francois…
Cinemania
นพพร ชูเกียรติศิริชัย   ผมชอบคำว่า ‘เพื่อนบ้าน' (Neighbor) เนื่องจากผมเล็งเห็นว่า คำว่า ‘เพื่อนบ้าน' นั้นดูจะมีความหมายในการมอง ‘มนุษย์' ที่อยู่รอบๆ ตัวของผู้พูด ผู้เขียน ผู้ใช้ คำๆ นี้ในแง่ดี (Positive Thinking) ส่วนคำว่า ‘จ๊ะเอ๋' นั้น ผมจำได้ว่าเป็นคำที่ผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน (รวมทั้งตัวผม) มักจะใช้เล่นกับเด็กๆ ด้วยการเอามือ ผ้า หรือสิ่งของอื่นๆ ที่หาได้สะดวก ปิดหน้าปิดตาของตัวผู้ใหญ่เอง (หรือใช้ปิดตาเด็ก) หลังจากนั้นจึงเปิดหน้าออกพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าวคำว่า ‘จ๊ะเอ๋' ซึ่งเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะชอบและมักจะมอบรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะเป็นการแสดงความพึงพอใจต่อการละเล่นชนิดนี้…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย    บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะต้องหอบสัมภาระมากมายเข้าไปในโรงภาพยนตร์ปัจจุบันผมแอบสงสัยว่าเหตุใดความสุขในการชมภาพยนตร์แบบเมื่อครั้งยังเป็นเด็กจึงสูญหายไป จนเมื่อมีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่อง ‘สะบายดีหลวงพระบาง'จึงทำให้ผมรับรู้ว่าแท้จริงแล้วความสุขในวัยเด็กของผมไม่ได้หายไปไหน แต่หนังสือ ตำรา คำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ผมแบกเอาไว้ในสมองต่างหากที่บดบังความสุขแบบที่เราคุ้นเคย 
Cinemania
นพพร ชูเกียรติศิริชัย ถ้าหาก E เท่ากับ EMOTION (อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง และ อื่นๆ), M เท่ากับ MAN (มนุษย์ไม่ว่าหญิง ชาย และอื่นๆ) และ C เท่ากับ CLOCK (ซึ่งหมายถึงระยะเวลา) จากสมการ E=mc2คุณคิดว่า ‘จำนวนของบุคคล' ที่เหมาะสมกับ ‘ความรัก' จะเท่ากับเท่าไหร่? รัก/สาม/เศร้า ตามสมการ รัก/สอง/สุข และเวลาแค่ไหนถึงจะพอสำหรับ ‘รัก' ‘รัก/สาม/เศร้า' เป็นเรื่องราวของเพื่อนรักสามคน ที่ ‘แอบรัก' กัน ในฐานะที่มากกว่าเพื่อน ‘น้ำ' แอบรัก ‘พายุ' ‘พายุ' แอบรัก ‘ฟ้า' โดยที่ตัวฟ้าเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าพายุแอบรักตนเอง (และก็ไม่เคยรับรู้เช่นกันว่าเพื่อนรักของตนอย่าง ‘น้ำ' ก็แอบรักเพื่อนรักอย่าง ‘พายุ'…
Cinemania
  < นพพร ชูเกียรติศิริชัย >     หากพูดถึงประเทศจีน คุณนึกถึงอะไร? กังฟู, ก๋วยเตี๋ยว, หมีแพนด้า,มังกร, ลูกท้อ,ซาลาเปา, ปรัชญาลัทธิเต๋า และภูเขาสูงหน้าตาแปลกๆ   หากสิ่งเหล่านี้คือคำตอบของคุณ นั่นก็หมายความว่า คุณพร้อมแล้วที่จะไปสัมผัสกับภาพยนตร์ ‘KUNG FU PANDA’ หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘กังฟูแพนด้า จอมยุทธพลิกล็อค ช็อคยุทธภพ’   ผมไม่แน่ใจว่าหมีแพนด้าถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของ ‘มิตรภาพ’ ระหว่างประเทศจีน กับประเทศอื่นๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ บทบาทความเป็น ‘ทูตสันติภาพ’ ของหมีแพนด้า ในบัดนี้ได้ถูกนำเสนอผ่านจอภาพยนตร์ฮอลีวู้ดไปเป็นที่เรียบร้อย 
Cinemania
   ปิติ-ชูใจท่ามกลาง ‘หนังซัมเมอร์' ที่ดาหน้ากันมาถมจนเต็มพื้นที่ในโรงภาพยนตร์ช่วงฤดูร้อน ทางเลือกของคนดูหนังใน ‘โรงหนังชั้นนำใกล้บ้านคุณ' ก็ยังไม่ได้หลากหลายอะไรนัก เพราะแนวทางหลักๆ ของหนังซัมเมอร์ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็มีแค่ แอ๊กชั่น, ตลก, สยองขวัญ และอนิเมชั่น กรณีที่อยากดูหนังนอกกระแส ก็ต้อง ‘เข้าเมือง' กันอย่างเดียว เพราะที่ทางของหนังเหล่านี้ยังกระจุกตัวอยู่ที่สยามหรือไม่ก็สุขุมวิทแค่นั้น (ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ในยุคที่หนังถูกจำกัดความหมายให้เป็นแค่เครื่องมือผ่อนคลายและสร้างความบันเทิง) แต่อย่างน้อยที่สุด หน้าร้อนปีนี้ยังมีหนังไทยน่าสนใจอยู่ 2 เรื่อง ที่พอจะแหวกกระแสเดิมๆ…
Cinemania
   ::: ข้อความหลังเส้นประของข้อเขียนชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ ::: โดย...ณภัค เสรีรักษ์ภาพยนตร์พูดภาษาอังกฤษเรื่องแรกของผู้กำกับชื่อดัง ‘หว่องการ์ไว' (Wong Kar Wai) ที่เพิ่งเข้าฉายให้ผู้ชมในดินแดนประเทศไทยได้ชมกันตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่เพิ่งจะผ่านมา (2008) ที่มีชื่อว่า My Blueberry Nights นั้น อาจมีประเด็นต่างๆ นานาให้สามารถสร้างบทสนทนากันได้มากมายและยาวนาน แต่สำหรับในที่นี้นั้น ผมอยากจะ ‘หยิบเลือก' เพียงบางประเด็นมา ‘อ่าน' หรืออีกนัยหนึ่ง ‘สนทนา' เกี่ยวกับ ‘ตัวละคร' ในภาพยนตร์ดังกล่าว ภายใต้ความคิดเกี่ยวกับเรื่อง ‘ความทรงจำ' ซึ่งสะท้อนร่วมกับความคิดเกี่ยวกับ ‘…
Cinemania
Between the FramesE-mail: betweentheframes@gmail.com:::Spoil::: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญของภาพยนตร์ :::Spoil::: "All those gathered here will know that it is not by sword or spear that the LORD saves; for the battle is the LORD's, and He will give all of you into our hands."                                                   …
Cinemania
 :::Spoil::: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญของภาพยนตร์ :::Spoil::: เวลา 2 ชั่วโมงกว่า (158 นาที) ในหนัง There will be blood - ผลงานเรื่องที่ 5 ของผู้กำกับ Paul Thomas Anderson คือเรื่องราวในด้านที่มืดดำของมนุษย์ เต็มไปด้วยความโลภ ความอ่อนแอ สันดานดิบ และแน่นอน...มันรวมไปถึง ‘การสร้างศรัทธา' ด้วยวิธีการอันน่าขนลุกด้วย...เราได้รู้จัก ‘เดเนียล เพลนวิว' (Daniel Day-Lewis) นักเสี่ยงโชคที่ตั้งใจทำเหมืองเงิน แต่บังเอิญได้ที่ดินซึ่งมีน้ำมันดิบนอนสงบนิ่งอยู่ใต้พื้นมาแทน โลกของเดเนียลไม่มีคำว่า ‘สุดแท้แต่โชคชะตา' หรือ ‘ศรัทธา' ไม่มีแม้กระทั่งคำว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า'…
Cinemania
ซาเสียวเอี้ยการไล่ตีแมลงสาบบนฝาบ้าน อาจเป็นเกมสนุกสนานอย่างหนึ่ง และเพียงสายลมเย็นจากพัดลมมือสองที่เป่าไล่ความร้อนในค่ำคืนอบอ้าวอาจเป็นถึง ‘รางวัลชีวิต' ของสองพ่อลูกผู้ยากจน...ผู้อาศัยอยู่ในโลกแห่งความแร้นแค้นทั้งหมดที่่ว่ามา-อาจฟังไม่ต่างจากสงครามชีวิตสุดรันทด (บัดซบ!) แต่เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของ ‘โจวซิงฉือ' ไอ้สิ่งที่ควรจะเศร้า...กลับทำให้เราหัวเราะออกมาได้000ถึงแม้ว่าหน้าหนังของ CJ7 จะถูกโฆษณาว่าเป็นแนว Sci-fi แต่ ‘ใจความสำคัญ' ที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ ‘ความลี้ลับ' ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ ก็ต้องบอกว่า นี่คือหนังครอบครัวแนว Comedy-Drama ที่ให้ ‘…