Skip to main content
 

นพพร ชูเกียรติศิริชัย  

 

บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะต้องหอบสัมภาระมากมายเข้าไปในโรงภาพยนตร์

ปัจจุบันผมแอบสงสัยว่าเหตุใดความสุขในการชมภาพยนตร์แบบเมื่อครั้งยังเป็นเด็กจึงสูญหายไป จนเมื่อมีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องสะบายดีหลวงพระบาง'จึงทำให้ผมรับรู้ว่าแท้จริงแล้วความสุขในวัยเด็กของผมไม่ได้หายไปไหน แต่หนังสือ ตำรา คำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ผมแบกเอาไว้ในสมองต่างหากที่บดบังความสุขแบบที่เราคุ้นเคย

 

จริงอยู่ที่ใครบางคนอาจจะมองว่าการที่เขาสามารถจะวิพากษ์วิจารณ์และจับผิดคนอื่นนั้น คือความสุขประการหนึ่ง และนั่นก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราฉลาดกว่าคนอื่นๆ แต่ขณะเดียวกัน การที่ปล่อยให้สารต่างๆ ไหลผ่านหูผ่านตาโดยไม่ต้องใช้เครื่องกรองมันก็ทำให้เรารับรู้ว่าอย่างน้อยเราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในสังคมนั้นๆ

หากจะให้พูดกันตรงๆ ในความคิดของผม ผมมองว่า การมัวนั่งวิเคราะห์วิจารณ์ฝีมือของคนอื่น โดยที่เราไม่สามารถผลิตงานแข่งกับเขาได้นั้นเป็นการเอาเปรียบผู้สร้างไปนิด (ในการหากินกับงานของเขา เธอ และอื่นๆ) ผมจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะบอกว่าหนังเรื่องนั้นดี หรือไม่ดี และต้องการนำเสนอเพียงว่าผมได้อะไรจากหนังเรื่องนั้น (แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องได้แบบที่ผมได้ก็ได้)

ผมชอบความเป็น โพสต์โมเดิร์น' (แม้ว่าจะอ่านหรือรู้จักมันน้อยมาก) ตรงที่ว่า อย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องมือที่ทำให้ ใครๆ' ก็สามารถพูดถึงประเด็นหนึ่งๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็น ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ' (ไม่รู้เข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า?) นั่นหมายความว่าคนโง่ๆ อย่างผมก็คงไม่จำเป็นจะต้องไปเข้าไปเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัย แล้วจึงจะสามารถมานั่งวิเคราะห์เรื่องนั้นเรื่องนี้ได้

เพราะฉะนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยกับใครก็ตามที่พยายามบอกว่าตนเองเป็นนักวิชาการหัวก้าวหน้า หรือเป็นโพสต์แต่ว่าพยายามที่จะหากรอบมาครอบชาวบ้าน เช่น "คุณควรจะไปอ่านหนังสือเรื่องนั้นเรื่องนี้ก่อน คุณจึงจะสามารถพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้ ไม่งั้นคุณก็โง่เกินไป"  ซึ่งบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ผมคลื่นเหียนอยากจะอาเจียน

เกริ่นมาเสียยืดยาว จนเกือบจะเลยหลวงพระบาง...

หลายปีมาแล้วที่ผมเคยมีโอกาสนั่งเรือล่องแม่น้ำโขงเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศของสองฟากฝั่ง (แม้จะยังไม่เคยมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหลวงพระบาง) การเดินทางในครั้งนั้นทำให้ผมรับรู้ว่าบางครั้งการเป็น คนแปลกหน้า' ในสถานที่ซึ่งอบอวลไปด้วยธรรมชาติ ก็ทำให้เราสามารถสืบค้นและตั้งคำถามเกี่ยวกับความต้องการภายในจิตใจของตนเอง

ภาพยนตร์เรื่อง สะบายดีหลวงพระบาง' ค่อยๆ นำความทรงจำที่เรียบง่ายของคนริมฝั่งโขงกลับมายังมันสมองของผมอย่างช้าๆ จนกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีผมก็หลงคิดไปว่าตนเอง คือ สอน' (รับบทโดย อนันดา เอเวอริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มเมืองกรุง ผู้ถูกส่งไปยังประเทศลาวเพื่อตามหา ชีวิต' ให้กับ ภาพถ่าย' ของเขา แม้รูปร่างหน้าตา (ของผม) จะผิดแผกแตกต่างจาก อนันดา' อย่างลิบลับ แต่ผมกลับรู้สึกว่า ความเป็นคนแปลกหน้า' หรือ ความเป็นอื่น' ใน ช่วงขณะหนึ่ง' คือสิ่งที่ช่วยเชื่อมโยงโลกของผมกับโลกของตัวละครในภาพยนตร์ให้บรรจบพบเจอกัน แม้การเดินทางของผมในครั้งนั้นจะไม่มีโอกาสพบเจอกับ น้อย' (รับบทโดย คำลี่ พิลาวง)  ไกด์สาว ผู้นำ สอน' ให้ค้นพบกับ ส่วนหนึ่งของชีวิต' ที่เขาหลงลืมไปก็ตาม

ผมประทับใจในกลวิธีการเล่าเรื่องเรียบๆ ที่คละคลุ้งไปด้วยบรรยากาศแบบลาวๆ (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) ที่ไม่ต้องสวยมาก และไม่ต้องใสซื่อไปทั้งหมด

เพราะในมุมหนึ่งขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามจะนำเสนอ ความเป็นลาว' ผ่าน วิถีชีวิตที่เรียบง่าย' ของชาวบ้าน และ ความน่ารัก' จริงใจ' ผ่านตัวละครอย่าง น้อย' แต่ในอีกมุมหนึ่ง ความเป็นคนชนชั้นกลาง' ของ น้อย' (นิยามของผู้เขียน) คือ ความเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูง และไม่ได้อยู่ในสถานะผู้ผลิต (อาชีพเกษตรกรรม) ก็ช่วยเติมเต็ม ความเป็นลาว' ในยุคโลกาภิวัตน์ ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

และถึงแม้ว่าแม่หญิงลาวอย่าง น้อย' จะยังคงความจริงใจ และยึดมั่นในประเพณีอันดีงามเหมือนเมื่อครั้งบรรพบุรุษ แต่ เธอ' (ลาว) ก็พร้อมที่จะตั้ง กฎเกณฑ์' ของเธอ เพื่อต่อรองกับการยอมรับสิ่งแปลกใหม่อย่าง สอน' (ตัวแทนความทันสมัย) เช่นเดียวกับพ่อค้าน้อยๆ ชาวลาว ในภาพยนตร์ที่มาพร้อมกับเล่ห์เหลี่ยมน่ารักๆ ในการรับมือกับนักท่องเที่ยวซึ่งมาพร้อมกับกระแสโลกาภิวัตน์

หลังภาพยนตร์จบ ผมลุกขึ้นเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ... รอยยิ้มที่ไม่ต้องฉูดฉาด กับมันสมองที่ไม่ต้องหนักอึ้ง และแอบขอบคุณ สะบายดีหลวงพระบาง' ที่ช่วยปลดเปลื้องสัมภาระที่มักจะแบกติดตัวเวลาเข้าไปชมภาพยนตร์

บล็อกของ Cinemania

Cinemania
โดย… พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ
Cinemania
      ซาเสียวเอี้ย   แต่ไหนแต่ไรมา...ระบบการศึกษาในพื้นที่หลายแห่งทั่วโลกมักถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการ ‘ดับฝัน’ ของคนวัยหนุ่มสาว เพราะทำให้ความอยากรู้อยากเห็นและกระตือรือร้นที่จะ ‘เรียนรู้’ สิ่งแปลกใหม่ในวัยเยาว์ถูกลบเลือนหายไปในกรอบ-กฎเกณฑ์-เหตุผล-เงื่อนไข และข้อเท็จจริงทั้งหลายทั้งปวง (ซึ่งถูกกำหนดขึ้นโดยคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีโอกาสเกิดมาใช้ชีวิตบนโลกก่อนหน้าเรา...)   กระนั้น...ใครหลายคนก็ยังยินดีเดินตามแนวทางหรือเงื่อนไขต่างๆ ที่ถูกวางไว้แล้วโดยไม่เคยคิดตั้งคำถาม เพื่อแลกเปลี่ยนกับ ‘การยอมรับ’ จากสังคมรอบข้าง...เพื่อที่มนุษย์ทั้งหลาย (ซึ่งเป็นสัตว์สังคม)…
Cinemania
        ซาเสียวเอี้ย   ‘ชาร์ลี วิลสัน’ ตายแล้ว...   แม้การตายของเขาจะไม่ได้ทำให้โลกสะท้านสะเทือนอะไรมากนัก แต่ก็มีความหมายสลักสำคัญมิใช่น้อย เพราะบทบาทของวิลสันในสมัยที่เขายังหนุ่มแน่นและดำรงตำแหน่ง สว.รัฐเท็กซัสของสหรัฐอเมริกา เป็นประเด็นให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ถกเถียงกันไม่สิ้นสุดว่าควรจะจดจำเขาไว้ในฐานะอะไร...   บ้างก็ว่า ชาร์ลี วิลสัน คือ ‘นักการเมืองเจ้าสำราญ’ เจ้าของฉายา Good Time Charlie ผู้มีชีวิตโลดโผนเต็มไปด้วยสีสัน หรือเป็น ‘วีรบุรุษชาวอเมริกัน’ ผู้ช่วยให้นักรบมูจาฮิดีนขับไล่กองทัพสหภาพโซเวียตอันโหดร้ายป่าเถื่อนไปจากอัฟกานิสถาน…
Cinemania
themadmon หมายเหตุ: ข้อเขียนชิ้นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น บทสะท้อนย้อนคิดหลังจากการชมภาพยนตร์เรื่อง Air Doll ผมในฐานะที่เป็นผู้เขียนจงใจจะหยิบเลือกประเด็น (ซึ่งผ่านการตีความของผม) โดยไม่ได้อ้างอิงอย่างชัดเจนไปสู่ตัวภาพยนตร์ในแต่ละฉากแต่ละตอน โดยหวังว่าผู้ที่ยังไม่ได้ชมภาพยนตร์ก็สามารถอ่านได้ และผู้ที่ได้ชมภาพยนตร์แล้วจะสามารถระลึกถึงฉากต่างๆ ในภาพยนตร์ได้ด้วยเช่นกัน     หากลองพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ในสามประโยค  ผมคงพูดสั้นๆ ว่า.. “ผู้คนหลากหลาย เราต่างก็ว่างเปล่า และเหงามากมาย”  เพราะอะไรน่ะหรือ …
Cinemania
  บริวารเงา   ขงจื๊อ เป็นชื่อหนึ่งที่ผมได้ยินมาเนิ่นนาน ถ้าจำไม่ผิดอาจจะเป็นหนังจีนกำลังภายในสักเรื่องหนึ่งที่อ้างชื่อนี้ขึ้นมาเพื่อพูดถึงปรัชญาในเรื่องคุณธรรมน้ำมิตร ผมมารู้จักเขาอีกครั้งในห้องสมุดช่วงที่กำลังสนใจพวกวิชาปรัชญา จิตวิทยา วรรณกรรม ฯลฯ  แต่ผมกลับไปชอบปรมาจารย์จีนอีกคนคือ เล่าจื๊อ เสียมากกว่า เพราะว่าแกมีความคิดที่ 'แนว' ดี (อารมณ์ของวัยรุ่นเช่นนี้แล) อีกนัยหนึ่งก็ดูเพี้ยน ๆ อีกนัยหนึ่งก็มีอารมณ์ศิลปินกว่าขงจื๊อ ขณะที่ผมเห็นว่าขงจื๊อเอาแต่พร่ำบ่นอะไรที่เป็นหลักจริยธรรมน่าเบื่อ ๆ ซึ่งความน่าเบื่อนี้ไม่ใช่ความผิดของขงจื๊อเสียทีเดียว…
Cinemania
เดือนสองจันทร์   October Sonata: รักที่รอคอย
Cinemania
สุพิชชา โมนะตระกูล ตลอดช่วงเวลาขณะชมภาพยนตร์สารคดี “Our Daily Bread” ผู้เขียนรู้สึกตะลึงกับภาพที่ได้รับชม โดยสาเหตุหลักหาใช่ “ความงาม” ของสีสันหรือองค์ประกอบศิลป์แบบภาพที่ผู้กำกับภาพบรรจงจัดวางอย่างภาพยนตร์ที่มีภาพงามเรื่องอื่นๆ...หากเป็น “ความจริง” ของภาพที่ตรึงผู้เขียนไว้ตลอดระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
Cinemania
  สาวกท่านเป้า ขณะที่กำลังตุรัดตุเหร่ในร้านหนังสือแอร์เย็นเฉียบ เพื่อตามหานิตยสารมือถือฉบับหนึ่ง บังเอิญเหลือบไปเห็นนิตยสารฉบับหนึ่งที่นำภาพโปรโมทภาพยนตร์ “วงษ์คำเหลา” มาขึ้นปก แต่เมื่อหยิบมาจึงรู้ว่าเป็นปกหลัง แต่ปกหน้าก็ยังเป็นวงษ์คำเหลาอยู่ดี จึงเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอกแดกเสียแล้ว มีที่ไหนวางขายนิตยสารโดยเอาปกหลังเป็นตัวชูโรง นิตยสารฉบับนั้นคือนิตยสารภาพยนตร์ของกลุ่มคนทวนกระแสที่ชื่อว่า “ไบโอสโคป”
Cinemania
   เคยได้ยินครูสอนประวัติศาสตร์บอกว่าคนอเมริกันมีปมเรื่องรากเหง้าทางวัฒนธรรม เพราะไม่ได้มีฐานที่มั่นคงแข็งแรงเท่าประเทศแถบยุโรปที่ผ่านการต่อสู้ก่อร่างสร้างชาิติและบ่มเพาะอารยธรรมมานานหลายศตวรรษ และต่อให้ ‘สหรัฐอเมริกา' เป็นถึงประเทศมหาอำนาจแห่งโลกสมัยใหม่ ก็ยังไม่วายถูกมองเป็นแค่ ‘เศรษฐีใหม่' หรือ ‘ชนชาติที่ไร้วัฒนธรรม' แถมยัง ‘บ้าอำนาจ' อีกต่างหากในสายตาของคนบางชาติถึงจะไม่แน่ใจว่าประโยคที่ได้ยินมาถูกต้องมากน้อยแค่ไหน แต่การที่สังคมอเมริกันให้ความสำคัญ (อย่างมาก)กับการเก็บรวบรวมประวัติศาสตร์ชาตินิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็คงพอจะเป็นภาพสะท้อนได้กลายๆ ว่าคนอเมริกันคงมี ‘ปม'…
Cinemania
 'มาริโอ โรปโปโร' เป็นลูกชายชาวประมง เติบโตมาบนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในอิตาลี ที่ซึ่งไม่มีน้ำประปาและผู้คนบนเกาะส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ...‘ปาโบล เนรูด้า' เป็นกวี-นักการทูต-นักการเมือง และเป็น ‘คอมมิวนิสต์' ชาวชิลี มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ต้องลี้ภัยไปอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในอิตาลีช่วงปี 1952 และที่นั่นมีบุรุษไปรษณีย์เพียงคนเดียว...บุรุษไปรษณีย์นามว่า ‘มาริโอ โรปโปโร':::บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์::: Il Postino หรือ The Postman เป็นหนังภาษาอิตาลี แต่เป็นผลงานของผู้กำกับชาวอังกฤษ ‘ไมเคิล แรดฟอร์ด' ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายสาขาเมื่อปี 2538…
Cinemania
  ..mad mon..::ข้อเขียนชิ้นนี้เปิดเผยเรื่องราวบางส่วนในภาพยนตร์:: 1. จุดเริ่มต้นของจุดจบและ/หรือจุดเริ่มต้นอันใหม่เรื่องราวปัจจุบันในภาพยนตร์บอกให้เรารู้ว่าเมื่อ 30 ปีก่อนนั้น Laura (Belén Rueda) เคยใช้ชีวิตช่วงเวลาหนึ่งอยู่ในสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งก่อนที่เธอจะถูกรับไปเลี้ยง สถานเลี้ยงเด็กนั้นอาจเรียกว่าอยู่ในพื้นที่ชนบทซึ่งห่างไกลผู้คน ตั้งอยู่ไม่ไกลชายหาดและทะเลซึ่งมีประภาคารสูงใหญ่คอยส่องไฟนำทาง และถ้ำอีกอันหนึ่ง, สถานที่ซึ่งเป็นอดีตแห่งความทรงจำของเธอ ... 30 ปีต่อมา Laura กลับมาที่แห่งนี้อีกครั้ง เมื่อเธอ, สามีของเธอ - Carlos (Fernando Cayo), และ Simón (Roger Príncep)…
Cinemania
(เขียนเมื่อ 31 ธ.ค.51)จันทร์ ในบ่อ สิ้นปีกันเสียที บรรยากาศตึงๆ ปีนี้อาจทำให้ใครหลายคนอึดอัดและทำท่าจะลากยาวไปถึงปีหน้า ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ  คนสู้ๆ กับปัญหาที่รุมเร้า แต่ถ้าเครียดมากลองผ่อนคลายกันด้วยการหาหนังดูมาสักเรื่องสองเรื่อง จะซื้อ จะเช่ามานั่งดูที่บ้านหรือจะออกไปดูตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ก็ได้ ลองออกจากโลกความจริงไปอยู่ในโลกอื่นสักชั่วโมงสองชั่วโมงอาจจะสบายใจขึ้นส่วนถ้าใครยังไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ที่ไหนอย่างไร ผมก็มีโปรแกรมหนังรับปีใหม่มาฝาก เป็นหนังฟรีกลางแปลงครับหลายคนคงไม่ค่อยทราบว่าที่มหาวิทยาลัยศิลปากรจะจัดเทศการหนังกลางแปลงกันทุกปี ในวันที่ 7-8-9 มกราคม 2552…