Skip to main content

 

:::Spoil::: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญของภาพยนตร์ :::Spoil:::

 

เวลา 2 ชั่วโมงกว่า (158 นาที) ในหนัง There will be blood - ผลงานเรื่องที่ 5 ของผู้กำกับ Paul Thomas Anderson คือเรื่องราวในด้านที่มืดดำของมนุษย์ เต็มไปด้วยความโลภ ความอ่อนแอ สันดานดิบ และแน่นอน...มันรวมไปถึงการสร้างศรัทธา' ด้วยวิธีการอันน่าขนลุกด้วย...

เราได้รู้จัก เดเนียล เพลนวิว' (Daniel Day-Lewis) นักเสี่ยงโชคที่ตั้งใจทำเหมืองเงิน แต่บังเอิญได้ที่ดินซึ่งมีน้ำมันดิบนอนสงบนิ่งอยู่ใต้พื้นมาแทน

โลกของเดเนียลไม่มีคำว่า สุดแท้แต่โชคชะตา' หรือ ศรัทธา' ไม่มีแม้กระทั่งคำว่า พระผู้เป็นเจ้า' แต่สิ่งที่เขายึดถือเป็นสรณะแห่งชีวิตคือ ความมั่งคั่ง' ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม

เมื่อที่ดินซึ่งคิดว่าเป็นเหมืองเงินกลายเป็นขุมน้ำมันซึ่งเปรียบเหมือน ทองคำสีดำ' หรือ Black Gold เดเีนียลก็พร้อมที่จะเบนเข็มจากการทำเหมืองไปขุดหาน้ำมันโดยทันที จนในที่สุด เขาก็ได้เป็น นักธุรกิจขุดเจาะน้ำมันรายย่อย' ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง

ทุกๆ การกระทำของเขาเกิดจากความมานะบากบั่น ผนวกกับเล่ห์เหลี่ยมฉ้อฉลเพื่อให้ตัวเองบรรลุถึงเป้าหมาย ซึ่งจะว่าไปแล้วการกระทำของเดเนียลไม่แตกต่างจากสิ่งที่นายทุนทุกยุคทุกสมัยพึงกระทำ นั่นคือการคาดหวังว่าจะได้' ในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ยินยอมจะสูญเสีย' ในสิ่งที่ตัวเองมีให้น้อยที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม There will be blood ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวของนายทุนขี้โกงที่แพ้ภัยตัวเองในตอนจบ หากนี่คือการปะทะสังสรรค์กันระหว่างความศรัทธาในพระเจ้า และความศรัทธาในวัตถุอันนำมาซึ่งความมั่งคั่ง

สำหรับเดเนียล น้ำมัน' คือสิ่งเดียวที่เขาหลงใหล ยึดมั่น และศรัทธา

น้ำมันในหนังเรื่องนี้จึงทำหน้าที่เหมือน เลือด' ที่หล่อเลี้ยงความศรัทธา ความบ้าคลั่ง ความลุ่มหลง ความมั่งคั่ง และความโลภไม่มีที่สิ้นสุดของ มนุษย์' ที่เกี่ยวพันกับมัน

ในฉากที่น้ำมันดิบสีดำเข้มข้นค่อยๆ ผุดขึ้นมาในบ่อแห่งแรกที่เดเนียลขุดเจาะ เขาต้องเสี่ยงชีวิต (ของคนอื่น) เพื่อจะได้เข้าถึง เส้นเลือด' ที่หล่อเลี้ยง ชีวิตใหม่'

จากชีวิตของเดเนียล-นักเสี่ยงโชค' ได้เกิดใหม่ในฐานะ เดเนียล-ผู้บุกเบิกธุรกิจขุดเจาะน้ำมันรายย่อย' และที่ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งในเวลาเดียวกัน คือ เอช.ดับเบิลยู (Dillon Frasier) เด็กชายกำพร้า ผู้สูญเสียพ่อไปเพราะอุปกรณ์ขุดเจาะไม่ได้มาตรฐานที่เดเนียลเลือกใช้

แม้ในความเป็นจริง เอช.ดับเบิลยู.และเดเนียลจะไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ ทางสายเลือดเลย แต่ น้ำมัน' ได้ทำหน้าที่เสมือนสายเลือดเชื่อมโยงทั้งสองคนเข้าด้วยกัน เพราะ เอช.ดับเบิลยู.กลายเป็น ลูกชาย' ของเดเนียลนับแต่นั้นเป็นต้นมา

การที่เดเนียลยกให้ เอช.ดับเบิลยู.เป็น หุ้นส่วน' ช่วยให้ธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน ขนาดครอบครัว' ของเขาดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะแววตาเย็นชาของเดเนียล ถูกบดบังด้วยใบหน้าใสซื่อของ เอช.ดับเบิลยู.ซึ่งติดตาม พ่อ' ไปทุกหนทุกแห่ง

เมื่อประกอบกับคำพูดของเดเนียลที่มักจะกล่าวบ่อยๆ จนกลายเป็นคาถาประจำตัวว่า "ผมเป็นคนรักครอบครัว" หรือเมื่อเขาแนะนำตัว เอช.ดับเบิลยู.ในฐานะ ลูกชายคนเดียว' และ หุ้นส่วนคนสำคัญ' ผู้คนที่เจรจาต่อรองธุรกิจกับเดเนียลก็คงอดไม่ได้ที่จะคล้อยตามว่า ผู้ชายที่รักลูกมากๆ อย่างเขา คงไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมหรือใจร้ายใจดำอะไร

การสร้าง จุดขาย' ว่าเป็นคนรักครอบครัวของเดเนียล จึงไม่ต่างอะไรกับนักธุรกิจ นายทุน ชนชั้นสูง หรือนักโฆษณาที่อวดอ้างว่าพวกตนนั้น ใส่ใจ' ในเรื่องราวต่างๆ รอบตัว นับตั้งแต่ สถาบันครอบครัว, สิ่งแวดล้อม, มนุษย์ร่วมโลก ไปจนถึงสัตว์เล็กสัตว์น้อยทั้งหลาย ซึ่งคงมีแต่พวกเขาเท่านั้นแหละที่รู้ว่า--การสร้างภาพเหล่านั้นขึ้นมา--เกิดจากวัตถุประสงค์อะไรกันแน่

ในกรณีของเดเนียล-เขารู้ดีว่าการเป็นคนรักครอบครัวจะช่วยให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คน เพราะเขาไม่ได้เป็นแค่ นักธุรกิจ' ที่มาต่อรองกับชาวบ้าน แต่เขาพา ครอบครัว' ของตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนด้วย

เมื่อเดเนียลเดินทางมายังเมือง ลิตเติลบอสตัน' ตามข้อมูลที่ได้จากเด็กหนุ่มคนหนึ่งว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ เขาก็พา เอช.ดับเบิลยู.มาสำรวจสถานที่ด้วยเช่นเคย

ที่นี่ เดเนียลได้พบกับ อีไล ซันเดย์' ลูกชายเจ้าของที่ดินและเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มผู้นำข้อมูลมาบอกกับเขา

อีไลพยายามต่อรองราคาที่ดิน เพราะรู้ดีว่าน้ำมันที่อยู่ใต้ผิวดินมีค่ามหาศาล แม้ว่าเดเนียลจะพยายามยกเอาความแห้งแล้งของผืนดินบริเวณนั้นมาเป็นข้ออ้างก็ตามที เดเนียลจึงต่อรองกับอีไลว่าเขาจะจ่ายเงินมัดจำไว้ก่อน เป็นเงินครึ่งหนึ่งของราคาที่ตกลงกันไว้

อีไลต้องการนำเงินจากการขายที่ดินไปสร้างโบสถ์ประจำชุมชน เพราะเขาเชื่อว่ามีเพียง พระผู้เป็นเจ้า' เท่านั้นที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คนซึ่งอยู่อย่างไร้ความหวังในดินแดนอันแห้งแล้ง แม้แต่จะปลูกข้าวสาลีก็ยังไม่ขึ้น'

นั่นจึงเป็นการต่อรองครั้งแรกระหว่างผู้อ้างตัวว่าเป็น สาวกของพระเจ้า' และเดเนียลผู้เป็น ตัวแทนแห่งความโลภ' โดยสันดาน

ในขณะที่อีไลสร้างโบสถ์ ตติยาภินิหาร' ขึ้นมาจนได้ เดเนียลก็ยื่นข้อเสนอให้คนในชุมชนด้วยสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่าความรักจากพระผู้เป็นเจ้า นั่นคือ เขาสัญญาว่าจะมีโีรงเรียน มีถนนหนทาง มีแหล่งน้ำ และชาวบ้านจะมีการมีงานทำ

การแย่งชิงความเชื่อมั่นศรัทธาจากคนในชุมชนจึงเป็นเรื่องที่เดเนียลและอีไลรู้กันอยู่เพียงสองคน...

ฉากหนึ่งซึ่ง ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า' อย่างเดเนียลต้องจำใจเข้าร่วม พิธีล้างบาป' หรือรับศีลจุ่มในโบสถ์ของอีไล เพื่อให้ได้สิทธิในการเช่าที่ดินของชายชราคนหนึ่งซึ่งเชื่อในพระเจ้า นั่นจึงเป็น การต่อรองครั้งที่สอง' ของสาวกแห่งพระเจ้าและตัวแทนแห่งความโลภ

ในการต่อรองครั้งแรก อีีไล-ผู้เอ่ยอ้างพระเจ้า ดูจะมีความชอบธรรมในการทวงถามสิ่งที่ครอบครัวของเขาควรจะได้จากการขายที่ดินซึ่งมีมูลค่ามากมายกว่าราคาที่เดเนียลเสนอ แต่ต่อมาเดเนียลกลับปฏิเสธที่จะทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ การต่อรองครั้งที่สองจึงเป็นการ ทวงคืน' อันสาสมของอีไล เพราะเขา ยอม' ให้เดเนียลก้าวเข้ามาในโบสถ์และอาศัยพระนามของพระเจ้าเป็นเครื่องมือ แต่เดเนียลก็ต้องยอม' คุกเข่าให้กับสิ่งที่เขาไม่เคยเชื่อ-ไม่เคยศรัทธาเลยแม้แต่น้อย...

ความน่าเกลียดน่ากลัวของชาย 2 คนแสดงให้เห็นชัดเจนในฉากนี้ เพราะนี่คือการสมสู่กันระหว่างผู้อ้างว่าพระเจ้าสถิตย์อยู่กับตนและคนบาปผู้มองไม่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น

จริงอยู่...เดเนียลไม่ใช่ตัวแทนแห่งความดีงาม เขาไม่เคยไว้ใจใครเลยสักคน หากลึกๆ แล้วเขายังคงปรารถนา ผู้มีสายเลือดเดียวกัน' มาคอยยึดเหนี่ยวและย้ำเตือนว่า เขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว'

การที่เดเนียลทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ส่วนหนึ่งมาจากความอุตสาหะพยายามและไม่ยอมแพ้่ต่อโชคชะตา เพียงแต่ว่า ระหว่างทางไปยังจุดหมายปลายทางของเขานั้นมันเต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบและวิธีการอันโสมม ต้องแลกมาด้วยชีวิต ความสูญเสีย และน้ำตาของผู้คนจำนวนไม่น้อย

ขณะเดียวกัน ความศรัทธาในพระเจ้าของอีไล (ซึ่งควรจะนับว่าเป็นสิ่งดีงาม) กลับถูก แปรรูป' ได้ง่ายดายไม่ต่างกัน นับตั้งแต่การต่อรองครั้งแรกที่อีไลต้องการสร้างโบสถ์ เพื่อเป็นตัวแทนพระเจ้า เยียวยาความเจ็บปวดของคนในชุมชน แต่เขาก็ต้องต่อรองกับคนอย่างเดเนียลให้ได้มาซึ่ง เงิน' และได้มาซึ่ง วัตถุ' ที่จะนำไปสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกับพระเจ้า

ถ้าจะว่าไป ความทะยานอยากของเดเนียลอาจทำให้เขา ฉกฉวย' มาจากผู้อื่น แต่เขาก็ยังต่อรอง แลกเปลี่ยน และให้' บางสิ่งบางอย่างกลับคืน' ไป ในขณะที่อีไลต่างหากที่เอาแต่ รับ' อยู่ฝ่ายเดียว และไม่เคยให้อะไรใครกลับไปนอกจาก ความศรัทธาและคำเทศนาจอมปลอม'

แม้กระทั่ง การต่อรองครั้งที่สอง' ที่เดเนียลยอมกลืนเลือดตัวเองด้วยการเดินเข้ามาในโบสถ์ สิ่งที่อีไลมอบให้เดเนียลกลับไม่ใช่การ ล้างบาป' แต่เป็นเพียงการ ล้างอาย' ให้ตัวเองเท่านั้น

ด้วยประเด็นที่หนักหน่วงที่ว่ามาทั้งหมด รวมถึงการใช้ความเงียบงันสลับกับเสียงเหตุการณ์อันอึกทึก (ดนตรีประกอบฝีมือ Jonny Greenwood จากวง Radiohead) ทำให้เรื่องราวใน There will be blood ดูกดดันและหม่นมัวชวนให้อึดอัดใจ

นี่จึงไม่ใช่หนังที่คนดูจะเดินออกจากโรงพร้อมกับความรู้สึกดีๆ แต่เป็นหนังที่ทำให้เกิดคำถาม ทั้งกับตัวเองและผู้คนรอบตัว

เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นหนังวิพากษ์สังคมอเมริกันใน ยุคทอง' ของการขุดหาน้ำมันเมื่อตอนต้นศตวรรษที่ 20 แต่เรื่องราวที่กล่าวถึงความโลภ-การแสวงหาน้ำมัน-ผลประโยชน์มหาศาล รวมถึงการอ้างศรัทธาในพระเจ้า ได้สะท้อนภาพอีกมากมายที่เราคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเช่นกันในช่วงเวลาปัจจุบันของศตวรรษที่ 21

คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจถ้าใครบางคนดูเรื่องนี้แล้วจะนึกไปถึงสงครามที่อิรัก, สงครามที่อัฟกานิสถาน หรือแม้แต่การที่สหรัฐอเมริกาส่งทหารไปรบในสงครามอ่าวที่ประเทศคูเวตเมื่อสิบกว่าปีก่อน

เพราะประโยคที่ว่า ‘In God We Trust' เคียงคู่ชาวอเมริกันผู้เชื่อมั่นในพระเจ้ามายาวนานหลายทศวรรษแล้ว...

รวมถึงการกล่าวอ้างคุณธรรม-ความชอบธรรม-มนุษยธรรม-และภารกิจสำคัญที่สหรัฐอเมริกาต้องทำในฐานะที่เป็นผู้อภิบาลความดีของโลกห่วยแตกใบนี้ด้วย

ถึงตอนนี้คงตอบได้ยากว่า ระหว่าง มนุษย์ผู้ชั่วร้าย' กระหายเลือด เห็นแ่ก่ตัว กับผู้กล่าวอ้างพระเจ้าที่ไม่เคยเข้าถึงพระเจ้า' อย่างไหนจะน่ากลัวกว่ากัน

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ถ้าคุณสมบัติสองประเภทที่ว่ามารวมกันได้ คงเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดแล้ว...

 

บล็อกของ Cinemania

Cinemania
นพพร ชูเกียรติศิริชัย   “การที่ใครจะเป็น ‘modern’ (ทันสมัย) เขาคนนั้นก็จะต้องคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และพร้อมทุกเมื่อที่จะละทิ้งและตัดขาดจากของเก่าที่ดำรงอยู่ (tradition) และที่สำคัญ คือ พร้อมทุกเมื่อที่จะละทิ้งและตัดขาดจากตัวตนของตัวเองที่ดำรงอยู่ ถ้าตัวตนเป็น modern ก็ต้องพร้อมที่จะละทิ้งความเป็น modern ด้วยเหตุผลของความเป็น modern เอง”  “ในการจะเป็น modern มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็น postmodern หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าใครจะเป็น modern เขา หรือเธอคนนั้นก็จะต้องเป็น postmodern มิฉะนั้นแล้ว เขาก็ไม่สามารถเป็น modern ได้” (Jean-Francois…
Cinemania
นพพร ชูเกียรติศิริชัย   ผมชอบคำว่า ‘เพื่อนบ้าน' (Neighbor) เนื่องจากผมเล็งเห็นว่า คำว่า ‘เพื่อนบ้าน' นั้นดูจะมีความหมายในการมอง ‘มนุษย์' ที่อยู่รอบๆ ตัวของผู้พูด ผู้เขียน ผู้ใช้ คำๆ นี้ในแง่ดี (Positive Thinking) ส่วนคำว่า ‘จ๊ะเอ๋' นั้น ผมจำได้ว่าเป็นคำที่ผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน (รวมทั้งตัวผม) มักจะใช้เล่นกับเด็กๆ ด้วยการเอามือ ผ้า หรือสิ่งของอื่นๆ ที่หาได้สะดวก ปิดหน้าปิดตาของตัวผู้ใหญ่เอง (หรือใช้ปิดตาเด็ก) หลังจากนั้นจึงเปิดหน้าออกพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าวคำว่า ‘จ๊ะเอ๋' ซึ่งเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะชอบและมักจะมอบรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะเป็นการแสดงความพึงพอใจต่อการละเล่นชนิดนี้…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย    บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะต้องหอบสัมภาระมากมายเข้าไปในโรงภาพยนตร์ปัจจุบันผมแอบสงสัยว่าเหตุใดความสุขในการชมภาพยนตร์แบบเมื่อครั้งยังเป็นเด็กจึงสูญหายไป จนเมื่อมีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่อง ‘สะบายดีหลวงพระบาง'จึงทำให้ผมรับรู้ว่าแท้จริงแล้วความสุขในวัยเด็กของผมไม่ได้หายไปไหน แต่หนังสือ ตำรา คำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ผมแบกเอาไว้ในสมองต่างหากที่บดบังความสุขแบบที่เราคุ้นเคย 
Cinemania
นพพร ชูเกียรติศิริชัย ถ้าหาก E เท่ากับ EMOTION (อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง และ อื่นๆ), M เท่ากับ MAN (มนุษย์ไม่ว่าหญิง ชาย และอื่นๆ) และ C เท่ากับ CLOCK (ซึ่งหมายถึงระยะเวลา) จากสมการ E=mc2คุณคิดว่า ‘จำนวนของบุคคล' ที่เหมาะสมกับ ‘ความรัก' จะเท่ากับเท่าไหร่? รัก/สาม/เศร้า ตามสมการ รัก/สอง/สุข และเวลาแค่ไหนถึงจะพอสำหรับ ‘รัก' ‘รัก/สาม/เศร้า' เป็นเรื่องราวของเพื่อนรักสามคน ที่ ‘แอบรัก' กัน ในฐานะที่มากกว่าเพื่อน ‘น้ำ' แอบรัก ‘พายุ' ‘พายุ' แอบรัก ‘ฟ้า' โดยที่ตัวฟ้าเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าพายุแอบรักตนเอง (และก็ไม่เคยรับรู้เช่นกันว่าเพื่อนรักของตนอย่าง ‘น้ำ' ก็แอบรักเพื่อนรักอย่าง ‘พายุ'…
Cinemania
  < นพพร ชูเกียรติศิริชัย >     หากพูดถึงประเทศจีน คุณนึกถึงอะไร? กังฟู, ก๋วยเตี๋ยว, หมีแพนด้า,มังกร, ลูกท้อ,ซาลาเปา, ปรัชญาลัทธิเต๋า และภูเขาสูงหน้าตาแปลกๆ   หากสิ่งเหล่านี้คือคำตอบของคุณ นั่นก็หมายความว่า คุณพร้อมแล้วที่จะไปสัมผัสกับภาพยนตร์ ‘KUNG FU PANDA’ หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘กังฟูแพนด้า จอมยุทธพลิกล็อค ช็อคยุทธภพ’   ผมไม่แน่ใจว่าหมีแพนด้าถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของ ‘มิตรภาพ’ ระหว่างประเทศจีน กับประเทศอื่นๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ บทบาทความเป็น ‘ทูตสันติภาพ’ ของหมีแพนด้า ในบัดนี้ได้ถูกนำเสนอผ่านจอภาพยนตร์ฮอลีวู้ดไปเป็นที่เรียบร้อย 
Cinemania
   ปิติ-ชูใจท่ามกลาง ‘หนังซัมเมอร์' ที่ดาหน้ากันมาถมจนเต็มพื้นที่ในโรงภาพยนตร์ช่วงฤดูร้อน ทางเลือกของคนดูหนังใน ‘โรงหนังชั้นนำใกล้บ้านคุณ' ก็ยังไม่ได้หลากหลายอะไรนัก เพราะแนวทางหลักๆ ของหนังซัมเมอร์ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็มีแค่ แอ๊กชั่น, ตลก, สยองขวัญ และอนิเมชั่น กรณีที่อยากดูหนังนอกกระแส ก็ต้อง ‘เข้าเมือง' กันอย่างเดียว เพราะที่ทางของหนังเหล่านี้ยังกระจุกตัวอยู่ที่สยามหรือไม่ก็สุขุมวิทแค่นั้น (ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ในยุคที่หนังถูกจำกัดความหมายให้เป็นแค่เครื่องมือผ่อนคลายและสร้างความบันเทิง) แต่อย่างน้อยที่สุด หน้าร้อนปีนี้ยังมีหนังไทยน่าสนใจอยู่ 2 เรื่อง ที่พอจะแหวกกระแสเดิมๆ…
Cinemania
   ::: ข้อความหลังเส้นประของข้อเขียนชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ ::: โดย...ณภัค เสรีรักษ์ภาพยนตร์พูดภาษาอังกฤษเรื่องแรกของผู้กำกับชื่อดัง ‘หว่องการ์ไว' (Wong Kar Wai) ที่เพิ่งเข้าฉายให้ผู้ชมในดินแดนประเทศไทยได้ชมกันตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่เพิ่งจะผ่านมา (2008) ที่มีชื่อว่า My Blueberry Nights นั้น อาจมีประเด็นต่างๆ นานาให้สามารถสร้างบทสนทนากันได้มากมายและยาวนาน แต่สำหรับในที่นี้นั้น ผมอยากจะ ‘หยิบเลือก' เพียงบางประเด็นมา ‘อ่าน' หรืออีกนัยหนึ่ง ‘สนทนา' เกี่ยวกับ ‘ตัวละคร' ในภาพยนตร์ดังกล่าว ภายใต้ความคิดเกี่ยวกับเรื่อง ‘ความทรงจำ' ซึ่งสะท้อนร่วมกับความคิดเกี่ยวกับ ‘…
Cinemania
Between the FramesE-mail: betweentheframes@gmail.com:::Spoil::: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญของภาพยนตร์ :::Spoil::: "All those gathered here will know that it is not by sword or spear that the LORD saves; for the battle is the LORD's, and He will give all of you into our hands."                                                   …
Cinemania
 :::Spoil::: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญของภาพยนตร์ :::Spoil::: เวลา 2 ชั่วโมงกว่า (158 นาที) ในหนัง There will be blood - ผลงานเรื่องที่ 5 ของผู้กำกับ Paul Thomas Anderson คือเรื่องราวในด้านที่มืดดำของมนุษย์ เต็มไปด้วยความโลภ ความอ่อนแอ สันดานดิบ และแน่นอน...มันรวมไปถึง ‘การสร้างศรัทธา' ด้วยวิธีการอันน่าขนลุกด้วย...เราได้รู้จัก ‘เดเนียล เพลนวิว' (Daniel Day-Lewis) นักเสี่ยงโชคที่ตั้งใจทำเหมืองเงิน แต่บังเอิญได้ที่ดินซึ่งมีน้ำมันดิบนอนสงบนิ่งอยู่ใต้พื้นมาแทน โลกของเดเนียลไม่มีคำว่า ‘สุดแท้แต่โชคชะตา' หรือ ‘ศรัทธา' ไม่มีแม้กระทั่งคำว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า'…
Cinemania
ซาเสียวเอี้ยการไล่ตีแมลงสาบบนฝาบ้าน อาจเป็นเกมสนุกสนานอย่างหนึ่ง และเพียงสายลมเย็นจากพัดลมมือสองที่เป่าไล่ความร้อนในค่ำคืนอบอ้าวอาจเป็นถึง ‘รางวัลชีวิต' ของสองพ่อลูกผู้ยากจน...ผู้อาศัยอยู่ในโลกแห่งความแร้นแค้นทั้งหมดที่่ว่ามา-อาจฟังไม่ต่างจากสงครามชีวิตสุดรันทด (บัดซบ!) แต่เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของ ‘โจวซิงฉือ' ไอ้สิ่งที่ควรจะเศร้า...กลับทำให้เราหัวเราะออกมาได้000ถึงแม้ว่าหน้าหนังของ CJ7 จะถูกโฆษณาว่าเป็นแนว Sci-fi แต่ ‘ใจความสำคัญ' ที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ ‘ความลี้ลับ' ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ ก็ต้องบอกว่า นี่คือหนังครอบครัวแนว Comedy-Drama ที่ให้ ‘…