พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จนโรดมสีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชานับเป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดนับตั้งแต่ สิ้นสุดยุคการปกครองของเขมรแดง ในทศวรรษที่ 1980 อันเป็นการแสดงถึงความโศกเศร้าอาลัย และเคารพรักในพระบาทสมเด็จสีหนุ ในฐานะเป็นพระราชบิดา ผู้นำเอกราช และความเป็นเอกภาพในชาติมาสู่ประเทศ กัมพูชาในวาระสุดท้าย โดยพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพได้จัดขึ้นในวันที 1 กุมภาพันธุ์ พ.ศ.2556 หลังจากการเก็บพระบรมศพไว้ครบหนึ่งร้อยวัน
ในส่วนของรายละเอียดพระราชพิธี ถ้าอธิบายตรงนี้อาจจะเป็นอะไรที่ยืดยาวมาก(มากจริงๆๆ) ผู้เขียนขอสรุปย่อๆ ไปพร้อมกับชมวิดิโอคลิบบันทึกภาพพระราชพิธีถวายพระพลิงพระบรมศพ ของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา หรือ TVK โดยทางผู้เขียนขออนุญาติลงเป็นบางคลิบเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการนำเสนอ
ขบวนแห่พระบรมศพได้เริ่มจาก (1) พระที่นั่งเขมรินทร์ ในพระบรมมหาราชวังของกัมพูชา ในเวลา 08.30น. เคลื่อนไปตามท้องถนน จะแห่รอบเมืองเป็นระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร มีพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี พระโอรส และสมเด็จพระราชินีนโรดม มุนีนาถ พระอัครมเหสี รวมเสด็จในขบวนแหพระบรมศพ โดยริ้วขบวนจะประกอบด้วยพระสงฆ์สวดสดับปกรณ์ถวายดวงพระวิญญาณ กองทหารราชองครักษ์ ทหารสามเหล่าทัพของกองทัพกัมพูชา ยุวกาชาดกัมพูชา ริ้วขบวนกลองใหญ่ 3 ใบ ปี่กลองชนะ
ที่แปลกตาสำหรับท่านผู้อ่านชาวไทย ก็ คือ ขบวนของกลุ่มชนชาติต่างๆในประเทศกัมพูชา ที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาณมาตั้งแต่สมัยที่พระสามเด็จนโรดมสีหนุยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ได้แก่ ชาวจีน ชาวเวียดนาม ชาวจามที่นับถือศาสนาอิสลาม (2)ชาวไพรชาวป่า ซึ่งนับได้ว่า ทางรัฐบาลกัมพูชาได้เล่งเห็นความสำคัญของกลุ่มชนชาติต่างๆ ที่ได้ร่วมสร้างแผ่นดินกัมพูชาให้เป็นปึกแผ่น จึงได้เชิญมาเข้ามามีส่วนร่วมในงานพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญยิ่งสำหรับชาวกัมพูชา
ขบวนแห่พระศพ เคลื่อนไปจนถึงทุ่งพระเมรุมาศ อันเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ มีการแห่รอบพระเมรุมาศ 3 รอบ เมื่อครบแล้วจึงอันเชิญ (3)หีบพระบรมศพขึ้นสู่จิตการธาร ในเวลา 16.00 น. ได้ประกอบพระราชพิธีวางดอกไม้จันท์(เผาหลอก) พร้อมยิงสลุต 101 นัด โดยมีผู้นำ และผู้แทนผู้นำประเทศต่างทั้งจากในภูมิภาคอาเซียน และนอกภูมิภาคมาร่วมถวายความอาลัย พร้อมกับพสกนิกรชาวกัมพูชา อย่างล้นหลาม ก่อนจะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ(เผาจริง) ในช่วงเวลาค่ำ ในส่วนของพลับพลาพระเมรุมาศนั้น ทางรัฐบาลกัมพูชาได้ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 1,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินเรียล ประมาณ 4,800,000,000 เรียลของกัมพูชา (เงินไทย 39,600,00 บาท) จะเท่ากับว่า พลับพลาพระเมรุมาศแห่งนี้ ใช้เงินของประชาชนชาวกัมพูชาทั้งประเทศ 14 ล้านคน เป็นงบประมาณในการก่อสร้าง เฉลี่ย ตกอยู่ราวๆ 0.8 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 342 เรียล(เงินไทย 2.50 บาท) ต่อประชาชาชนชาวกัมพูชาหนึ่งคน จึงจะจัดสร้างพระเมรุมาศได้สมพระเกียรติยศของพระองค์
จึงนับได้ว่า รัฐบาล และพสกนิกรชาวกัมพูชาได้ร่วมส่งเสด็จพระบาทสมเด็จนโรดมสีหนุสู่สวรรคาลัยอย่างสมพระเกียรติแล้ว แม้ว่าทางรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณในการจัดพระราชพิธีอย่างมโหฬาร เมื่อเทียบกับกำลังทรัพย์ของประเทศที่เพิ่งฟื้นฟูจากความเจ็บปวดจากสงครามกลางเมือง และปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับกัมพูชาคงมีบรรยากาศแบบนี้ ที่ใช้งบประมาณมหาศาล ไม่บ่อยนักเมื่อเทียบกับบางประเทศในโลกใบนี้???
_______________________________________________________________________________
อธิบายเพิ่มเติม
(1)โดยมากสื่อไทย มักจะเรียกชื่อพระที่นั่งเขมรินทร์ เป็น “พระราชวังเขมรินทร์” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ผิด
(2)ชาวไพร เป็นชนเผ่าในที่สูงของกัมพูชา มีถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดสตึงแตรง กระแจะ รัตนคิรี มณฑลคิรี ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่พูดภาษาตระกูลมอญ – เขมร เหมือนชาวกัมพูชา แต่โดยมากนับถือผี ซึ่งต่างจากชาวกัมพูชาที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท
(3)ธรรมเนียมการบรรจุพระศพของเจ้านายเขมร จะใส่ลงโลงพระศพที่รูปทรงคล้ายๆเรือ จะต่างกับเจ้านายไทย ที่นำพระศพใส่ลงในพระบรมโกฐิ
ที่มารูปภาพ
http://bigstory.ap.org/article/cambodians-mourn-former-king-funeral-procession
http://www.khmer.rfi.fr/Khmers-invites-etrangers-attente-la-ceremonie-d-incineration-depouille-Sihanouk
ที่มา
-http://thai.cri.cn/247/2013/01/28/123s206547.htm
-http://www.ecokhmer.com/newdetail.php?newid=653&catid=4