Skip to main content

เกษียร เตชะพีระ


ในการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ลัทธิจังหวัดนิยมหรือเอกลักษณ์จังหวัดแบบบรรหารบุรีในหนังสือ Political Authority and Provincial Identity in Thailand: The Making of Banharn-buri(ค.ศ. ๒๐๑๑) ดร. โยชิโนริ นิชิซากิ ได้ประยุกต์แนวคิดของ Katherine Verdery ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาแห่ง City University of New York ผู้ค้นพบจากการศึกษาลัทธิชาตินิยมในยุโรปตะวัน-ออกหลังสิ้นสุดระบอบสังคมนิยมลงไปว่า มีเหตุปัจจัย ๒ ประกาที่เอื้อให้ลัทธิชาตินิยมรุ่งเรืองขึ้นได้แก่มี “ฮีโร่” หรือคนดีศรีแผ่นดินปรากฏตัวขึ้น และคนทั่วไปรู้สึกร่วมกันว่าพวกตนตกเป็นเหยื่อถูกข่มเหงรังแกเอารัดเอาเปรียบและต้องทนทุกข์ลำเค็ญแสนสาหัส

นิชิซากิเห็นว่าเหตุปัจจัยทั้งสองก็มีในสุพรรณบุรีเช่นกันกล่าวคือมีทั้งคุณบรรหารเป็นคนดีศรีสุพรรณฯและคนสุพรรณฯก็รู้สึกว่าถูกรัฐราชการส่วนกลางทอดทิ้งละเลยให้ลำบากล้าหลังไม่พัฒนาอยู่นานปี ฉะนั้นมันจึงเอื้ออำนวยให้ลัทธิจังหวัดนิยมแบบบรรหารบุรีรุ่งเรืองขึ้นได้ในทำนองเดียวกัน เพียงแต่ย่อส่วนลัทธินิยมเอกลักษณ์รวมหมู่จากปรากฏการณ์ระดับประเทศ (ชาตินิยม) ลงมาเป็นระดับจังหวัด (จังหวัดนิยม) แค่นั้นเอง

คำถามชวนคิดก็คือแล้วเอกลักษณ์ระดับจังหวัดหรือลัทธิจังหวัดนิยมในประเทศหนึ่งเชื่อมโยงสัมพันธ์ดำรงอยู่คู่กันอย่างไรกับเอกลักษณ์แห่งชาติหรือลัทธิชาตินิยมที่มีขอบเขตกินความใหญ่โตกว้างขวางครอบคลุมกว่าในประเทศนั้น ๆ เล่า?

จากกรณีศึกษาบรรหารบุรี นิชิซากิสรุปว่าการดำรงอยู่เคียงคู่สัมพันธ์เชื่อมโยงกันระหว่างเอกลักษณ์ระดับจังหวัดกับเอกลักษณ์แห่งชาติเป็นไปด้วยดีเมื่อเอกลักษณ์จังหวัดระมัดระวังจำกัดขอบเขต ไม่ก้าวล้ำก้ำเกินเอกลักษณ์แห่งชาติซึ่งมีสถาบันกษัตริย์เป็นแกนกลาง สรุปรวบยอดก็คือเอกลักษณ์จังหวัดนิยมแบบบรรหารบุรีอยู่ใต้ร่มพระบารมีราชาชาตินิยมอย่างราบรื่นกลมกลืนเรื่อยมา โดยตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในแบบอย่างแนวทางพระราชอำนาจนำในการดูแลทุกข์สุข ทำนุบำรุงชีวิตความเป็นอยู่และรักษาความมั่นคงของพื้นที่และอาณาราษฎรชาวสุพรรณบุรี

อาทิเช่น เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้มีการจัดพระราชพิธีเปิดโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใส ๓ ที่ก่อสร้างด้วยเงินอุดหนุนของคุณบรรหารขึ้นที่อำเภอด่านช้างซึ่งอยู่เหนือสุดและทุร-กันดารที่สุดของสุพรรณบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิธี ณ อำเภอด่านช้างด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าชาวอำเภอด่านช้างพากันมารับเสด็จด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ถึง ๕ - ๖ พันคนรวมทั้งชนชาติกะเหรี่ยงและโซ่งที่เป็นประชากรราวกึ่งหนึ่งของอำเภอด้วย

ในวโรกาสนี้ คุณบรรหารได้ริเริ่มโครงการหลายอย่างเกี่ยวกับลูกเสือชาวบ้านขึ้นที่อ.ด่าน-ช้างด้วย โดยคุณหมอบัณฑิต เลขวัต รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช น้องเขยของคุณบรรหารและแกนนำลูกเสือชาวบ้านสุพรรณบุรี เป็นกำลังสำคัญ เนื่องจากอ.ด่านช้างเป็นเขตชนชาติส่วนน้อยและทุรกันดารไกลปืนเที่ยง จึงกลายเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประ-เทศไทยอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ พระราชพิธีนี้จึงเป็นโอกาสให้ราษฎรชาวด่านช้างได้รับเสด็จและชมพระบารมีองค์พระประมุขของชาติอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคยมีมาแต่ก่อน คุณบรรหารยังได้ทูลเกล้าฯถวายเงิน ๑ แสนบาทเพื่อสนับสนุนกิจกรรมลูกเสือชาวบ้านทั่วประเทศในครั้งนี้ด้วย หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของสุพรรณบุรีและสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยได้รายงานข่าวพระราชพิธีครั้งนี้และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างครึกโครม

ชั่วสองสัปดาห์ให้หลัง ในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ คุณบรรหารยังได้ร่วมกับสมาคมชาวสุพรรณบุรีจัดแสดงละครปลุกใจอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “เลือดสุพรรณ” ของหลวงวิจิตรวาทการขึ้นที่โรงละครแห่งชาติ เพื่อสดุดีเกียรติประวัติความกล้าหาญและสามัคคีของชาวสุพรรณฯในการลุกขึ้นต่อต้านพม่าข้าศึก และพระวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาฝ่ายพม่า ณ หนองสาหร่าย สุพรรณบุรีในครั้งนั้น ละครเรื่องนี้เคยเป็นที่นิยมมากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เรื้อร้างไปหลังสงคราม การรื้อฟื้นละครเรื่องนี้มาจัดแสดงใหม่ได้การสนับสนุนจากภรรยาม่ายของหลวงวิจิตรฯด้วย

เนื้อเรื่องและเพลงหลักของละครนี้สื่อสาระสำคัญทางการเมืองที่เกี่ยวร้อยลัทธิชาตินิยมไทยซึ่งมีพระมหากษัตริย์นักรบเป็นแก่นแกนหลักชัย เข้ากับเอกลักษณ์จังหวัดนิยมของสุพรรณบุรีอย่างสอดบรรสานเชื่อมโยงคล้องจองกลมกลืนไปด้วยกัน ปลุกทั้งจิตใจรักชาติและรักสุพรรณฯไปพร้อมกันในคราวเดียว ดังเห็นได้จากเนื้อเพลง “เลือดสุพรรณ” ที่แต่งโดยหลวงวิจิตรวาทการว่า:

“มาด้วยกัน มาด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย
เลือดสุพรรณนี้เข้าประจัญ อย่าได้พรั่นเลย.....
เลือดสุพรรณเหยหาญในการศึก เหี้ยมฮึกกล้าสู้ไม่รู้หนี
ไม่ครั่นคร้ามถามใจต่อไพรี ผู้ใดมีมีดพร้าคว้ามารบ
อยู่ไม่สุขเขามารุกแดนตระหน่ำ ให้ชอกช้ำแสนอนาถชาติไทยเอ๋ย
เขาเฆี่ยนฆ่าเพราะว่าเห็นเป็นเชลย จะนิ่งเฉยอยู่ทำไมพวกไทยเรา
อันเมืองไทยเป็นของไทยใช่ของอื่น มาต่อสู้ กู้คืนเถอะเราเอ๋ย
ถึงตัวตายอย่าเสียดายชีวิตเลย มาเถอะเหวยพวกเรามากล้าประจัญ”

นอกจากจัดแสดงที่โรงละครแห่งชาติแล้ว สองวันถัดมา สถานีโทรทัศน์ช่อง ๗ และ ๙ ยังได้ถ่ายทอดเทปบันทึกภาพการแสดงละครออกอากาศไปทั่วประเทศด้วย เปิดรายการด้วยการบรรเลงเพลง “เลือดสุพรรณ” โดยวงดุริยางค์ทหารภายใต้การอำนวยการของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ผู้บัญชาการทหารเรือขณะนั้นซึ่งเป็นคนสุพรรณฯด้วยเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ตัวแสดงทั้งหมดก็ล้วนเป็นชาวสุพรรณฯทั้งสิ้น ตั้งแต่พระเอกคือคุณยอดชาย สุจิตต์ นักธุรกิจเชื้อสายจีนชาวสุพรรณฯซึ่งเกี่ยวดองกับคุณบรรหารผ่านทางการแต่งงาน, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ขวัญจิต ศรีประจันต์, พ.อ.พิเศษนายแพทย์ถวัลย์ อภิรักษ์โยธิน, รวมทั้งคุณบรรหารก็ร่วมแสดงละครด้วยตัวเอง ว่ากันว่าในช่วงละครเรื่องนี้ออกอากาศทางทีวีนั้น ตลาดเมืองสุพรรณฯซึ่งปกติคึกคักกลับเงียบสงัดไปถนัดใจเพราะชาวบ้านร้านตลาดพากันอยู่บ้านเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ดูละครกันทั้งเมืองทีเดียว

คุณบรรหารได้ใช้โอกาสการรื้อฟื้นจัดแสดงละคร “เลือดสุพรรณ” ใหม่และถ่ายทอดออกอากาศทางทีวีนี้หาเงินสมทบทุนสนับสนุนภารกิจของกองทัพในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ทั่วประ-เทศ โดยรวบรวมทั้งค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมละครและเงินที่มีผู้บริจาคผ่านการระดมเรี่ยไรระหว่างฉายละครทางทีวีต่อมาได้เบ็ดเสร็จถึงกว่า ๑ ล้านบาท แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระองค์ก็ได้พระราชทานให้ทางกองทัพนำไปดำเนินการต่อไป

กิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ส่งผลให้คุณบรรหาร ศิลปอาชาเป็นประหนึ่งตัวแทนและผู้นำของจังหวัดสุพรรณบุรี ในเครือข่ายผู้จงรักภักดีทั่วประเทศที่ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในการปกปักรักษาความมั่นคงของชาติจากภัยคุกคามต่าง ๆ อย่างแข็งขันสืบมา จนท่านกลายเป็นชาวสุพรรณฯคนแรกที่ได้ขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร โดยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๑ ของประเทศในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๘ - ๒๕๓๙ ในที่สุด

ทุกวันนี้ คุณบรรหารก็ยังคงเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ได้รับการนับหน้าถือตาในสุพรรณบุรี ในพรรคชาติไทยพัฒนาและในบ้านเมือง อันต่างจากชะตากรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีบางท่านชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
มิจฉาทิฐิว่าด้วย“24 มิถุนาคือการรัฐประหารไม่แตกต่างจากครั้งอื่นๆ คือใช้อำนาจทหารล้มล้างการปกครองเช่นเดียวกัน” "ถ้าเอาวันประกาศเอกราช ก็เอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพจากพม่าสิ" และ "วันชาติคือวันรวมใจคนทั้งชาติ ในยุคสมัยผมใจพวกเราทุกดวงอยู่ที่ในหลวงก็ควรเอาวันที่ ๕ ธันวานี่ล่ะเหมาะที่สุด"
เกษียร เตชะพีระ
นายกฯ เทย์ยิบ เออร์โดกาน จากครอบครัวกรรมาชีพยากไร้ในอีสตันบูล สู่นักการเมืองประชาธิปไตยผู้ไต่เต้าขึ้นมาจากการเมืองท้องถิ่นในนครอีสตันบูล ต่อต้านอำนาจทหาร จนถึงผู้นำอำนาจนิยมที่รมประชาชนด้วยแก๊สน้ำตา เพื่อจะได้สร้างชอปปิ้ง มอลล์ขึ้นมาบนสวนสาธารณะ Gezi และ วิกฤตนี้จะจบอย่างไร?
เกษียร เตชะพีระ
...ในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คำถามสำคัญคือ ใครบ้างที่คุณนับเป็นมนุษย์? เราควรจะแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติว่าจะปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคน ๆ หนึ่งบนฐานศาสนา ชาติพันธุ์ จุดยืนทางการเมืองของเขา หรือไม่อย่างไร? ถ้าหากไม่เกิดคดีเอกยุทธ ยังจะมีใครคิดรื้อฟื้นดำเนินคดีทนายสมชายให้จบจริงหรือไม่?
เกษียร เตชะพีระ
..จะเอานายกฯคนโน้นแทน ก็จะไปเรียกเอาร้องเอาจากในหลวงโดด ๆ โดยไม่ฟังเสียงและไม่เคารพอำนาจอธิปไตยของคนไทย ๗๐ ล้านคนเลยได้ มิฉะนั้น ก็จะมีคนเปลี่ยนหน้า ม็อบเปลี่ยนหน้ากาก ไชยวัฒน์บ้าง สนธิบ้าง ชูวัดบ้าง สุทธิบ้าง หน้ากากขาวเขียวเหลืองชมพูน้ำตาลโกโก้กรมท่าน้ำเงินฟ้าสารพัดสี เข้าแถวเรียงรายผลัดกันขอนายกฯพระราชทานคนใหม่คนแล้วคนเล่าเอากับองค์พระประมุขไม่เว้นแต่ละวัน แล้วจะให้พระองค์ทรงทำอย่างไร?
เกษียร เตชะพีระ
อุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพสั่นสะเทือน: ศาลสูงสหรัฐฯพิพากษาห้ามจดสิทธิบัตรเหนือยีนส์มนุษย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันทำให้การที่ทุนนิยมจะยึดเอาพื้นที่ใหม่ในธรรมชาติระดับยีนส์และ DNA มาเป็นอาณานิคมใต้กรรมสิทธิ์ของตนมีอันสะดุดหยุดชะงักลงบ้าง
เกษียร เตชะพีระ
..นักเศรษฐศาสตร์มักไม่ค่อยชอบ “ล้วงกระเป๋า” แบบอัมมาร ด้วยเหตุผลว่าขาดประสิทธิภาพและเสียประโยชน์ส่วนรวม, ส่วนผมเห็นด้วยกับอาจารย์นิธิที่ท่านชอบ “ล้วงกระเป๋า” แบบนิธิ ด้วยเหตุผลว่าความเหลื่อมล้ำมีมากเหลือเกินในเศรษฐกิจไทยและโลก ควรต้องกระจายจากรวย --> จนให้เท่าเทียมเป็นธรรมยิ่งขึ้น
เกษียร เตชะพีระ
ประเด็นหัวใจของการสนทนาคือความสัมพันธ์อันซับซ้อนยอกย้อนระหว่าง คุณค่าทางสังคมวัฒนธรรม (socio-cultural values) กับ มูลค่า/ราคาทางเศรษฐกิจ (economic value/price) ขณะผู้ถามซักไซ้ไล่เลียงจากมุมมองและคำถามเชิงแนวคิดปรัชญาและสังคม ผู้ตอบอธิบายจากจุดยืนของความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ(ทรัพยากรมีจำกัด สังคมต้องตัดสินใจเลือกใช้ให้คุ้มค่าที่สุด), ความรู้เท่าทันต่อกรอบ/ขีดจำกัด/และพลังของความรู้ทางเศรษฐศาสตร์, การดำรงอยู่ของเงื่อนไขทางสังคม/การเมืองที่ล้อมกำกับเศรษฐกิจและ เศรษฐศาสตร์, และชะตาจำต้องเลือกของการตัดสินใจใช้ทรัพยากรจากจุดยืนเศรษฐศาสตร์
เกษียร เตชะพีระ
นิธิอ่านสถานการณ์ปัจจุบัน: การลงร่องของกระฎุมพีไทย → ขีดจำกัดของการเคลื่อนไหวมวลชนภายใต้กระฎุมพีเสรีนิยมปัจจุบัน
เกษียร เตชะพีระ
หากเอาความคิดทางสังคมการเมืองของ อ.เสกสรรค์ระยะหลัง (ช่วง พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นมา) ตามที่คุณพัชราภา ตันตราจินศึกษาค้นคว้าไว้ในหนังสือ ความคิดทางสังคมการเมืองของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล (๒๕๕๖) มาวางไว้ในบริบทกระแสความคิดการเมืองปัจจุบันแล้วเปรียบเทียบกับแนวคิดของคู่ขัดแย้งหลักในสังคมการเมือง  ได้แก่ “แดง” (คือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติและแนวร่วม) กับ “เหลือง” (คือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแนวร่วม) แล้ว ก็จะพบว่า...
เกษียร เตชะพีระ
ประสบการณ์ทำนองนี้ของไทยเราเคยมีก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ๒๕๔๐ เมื่อหมู่บ้านจัดสรร คอนโด อพาร์ทเมนต์ก่อสร้างขึ้นมาล้นเหลือเกินดีมานด์ของตลาดนับแสนหน่วย ต้องรออีกหลายปีกว่าจะขายหมด แต่นั่นมันหมู่บ้าน, คอนโด, อพาร์ทเมนต์ร้าง, ของจีนทุกวันนี้ไปไกลกว่านั้นมากคือเมืองทั้งเมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่สำหรับ รองรับคนเป็นล้าน กลับร้าง รอคนมาอยู่ที่ไม่เคยมา อย่างที่เรียกว่า ghost cities หรือ เมืองผีหลอก...
เกษียร เตชะพีระ
“ก่อนอื่น ชื่อของฉันคือวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ ฉันใช้เวลาตลอดชีวิต ๔๖ ปีเป็นวิลเลม-อเล็กซานเดอร์หรืออเล็กซานเดอร์ ฉันว่ามันแปลกที่จะต้องเลิกใช้ชื่อนั้นเพราะฉันเป็นกษัตริย์ ในอีกแง่หนึ่งคนเราก็ไม่ใช่ตัวเลขนี่นะ” - มกุฎราชกุมารวิลเลม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์พระราชทานสัมภาษณ์ทางทีวีก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสืบต่อจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถบีอาทริกซ์
เกษียร เตชะพีระ
คิดอย่างนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำพระเจ้าข้า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ....