Skip to main content

...ในทุก trust มี risk แฝงฝังอยู่อย่างมิอาจปัดป่ายบ่ายเบี่ยงเป็นอื่นได้ ก็เพราะ trust มันทำงานอย่างนี้ คือไม่เป็นทางการ ไม่มีกฎหมายครอบงำกำกับ มันหลวม ๆ สบตาเอ่ยปากขอรู้ไจวางใจกัน และความหลวมนี่แหละทำให้ทุกอย่างดำเนินการไปได้อย่างสะดวกราบรื่น ด้วยความไว้วางใจที่มีต่อกัน และฉะนั้นมันจึงเปิดช่องให้ trust ถูก abused ได้..

Kasian Tejapira(28/2/56)
 

การแถลงข่าวของ อ.สมบัติ จันทรวงศ์ กรณีเงินฝากจากสมาชิกครอบครัวของอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม (อ.สมบัติ แจงรับฝากเงินภรรยาพล.อ.เสถียร18ล้านบาทจริง ) คงมีประเด็นชวนคิดคาใจอยู่บ้างตามสมควร เช่น จำนวนเงินมากมายเป็นสิบ ๆ ล้านขนาดนั้น อาจารย์ไม่เอะใจบ้างหรือไร? โดยเฉพาะเมื่อถึงขั้นยืมชื่ออาจารย์ไปเป็นหุ้นส่วนทำธุรกรรมซื้อขายที่ดินและรับเช็คอันเป็นข้อผูกพันทางกฎหมาย? และน้ำหนัก/ความหนักแน่นแห่งคำอธิบายอย่างเปิดเผยซื่อ ๆ ตรงไปตรงมาของอาจารย์ถึงที่สุดแล้วก็วางอยู่บนคำให้การของสมาชิกครอบครัวอดีตปลัดกระทรวงกลาโหมว่าจะสอดรับกันหรือไม่อย่างไร? ฯลฯ

คงเหนือวิสัยบุคคลภายนอกอย่างผมที่จะแสวงหาคำตอบอันกระจ่างแจ้งต่อคำถามเหล่านี้ได้หมด อย่างไรก็ตาม ผมลองถามตัวเองดูว่าเรื่องทำนองเดียวกันนี้ จะเกิดขึ้นกับผมได้หรือไม่? คิดไปคิดมา ผมพบว่าเป็นไปได้ อย่างนี้ครับ

ถามว่าในโลกนี้จะมีใครสักคนไหมที่ถ้าผมหรือภรรยาไปหาเขาพร้อมเงินสดหรือเช็คสัก ๕ - ๑๐ ล้านบาท (ตามอัตภาพ สมมุติว่าผมถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ สองใบซ้อนอะไรทำนองนั้น) ขอร้องให้รับฝากไว้และเอาเข้าบัญชีธนาคารหรือสหกรณ์ออมทรัพย์ฯที่ไหนสักแห่งให้ทีเพื่อแก้ปัญหายุ่งยากเดือดร้อนที่ไม่ผิดกฎหมาย แล้วเขาผู้นั้นจะไว้วางใจทำให้ ค่าที่เชื่อถือเชื่อมั่นโดยสนิทใจจากความที่รู้จักมักคุ้นกันมาว่าผมหรือภรรยาจะไม่มาร้ายหรือหลอกใช้เขาไปในทางเสียหายผิดกฎหมายแน่นอน?

ผมคิดสะระตะดูแล้ว มีครับ อ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ไง ผมว่าถ้าผมหรือภรรยาไปขอให้ทำอะไรแบบนี้ แกคนหนึ่งล่ะที่น่าจะวางใจและทำให้ได้

มันอธิบายยากแต่ในโลกที่เราอยู่นี้ มีคนบางคนที่เขารู้จักกับเรามากพอดีพอนานพอที่จะไว้ใจเราและเราก็ไว้ใจเขา นี่เป็นประสบการณ์ร่วมที่ค่อนข้างกว้างขวางและเป็นไปได้ว่าท่านผู้อ่านก็คงมี เรามีคนไว้ใจเหล่านี้ไว้ช่วยในยามลำบากยุ่งยากอึดอัด ทำให้เรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้ ง่ายเข้าหรือเป็นไปได้ เพราะความไว้ใจ เราไม่ได้คิดจะดึงเขาไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายบ้านเมืองหรือสร้างความเดือดร้อนให้เขา แต่มันก็มักเป็นอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปถ้าไม่รู้จักไว้ใจกันดี ๆ เขาก็ไม่ขอร้องกันหรือขอร้องก็มักไม่ทำให้กันเพราะมันอาจจะเสี่ยงบ้างหรือยุ่งยากบ้าง คนแบบนี้ที่เราไว้ใจนี่แหละที่ทำให้โลกอยู่ง่ายขึ้น พออยู่ได้ขึ้น น่าอยู่ขึ้น และชีวิตในโลกที่บัดซบและพลการใบนี้พอจะรับมือได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป

อย่างตอนผมแต่งงานกับแฟน จริง ๆ ผมลาราชการไปเรียนต่อที่อเมริกาล่วงหน้าก่อนปีหนึ่งโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นพิธีกรรมทางการ แล้วเธอค่อยตามไปสมทบ พอครบปี ก่อนที่เธอจะตามไปอยู่กับผม เราตกลงกันว่าต้องจัดพิธีสู่ขอแต่งงานกับทางคุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นทางการให้เรียบร้อย เพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ซะก่อน ตอนนั้นผู้ใหญ่ทางบ้านผม แตกกระจัดพลัดกระจาย มาดำเนินการให้ไม่ได้ ผมเองพูดตรง ๆ ก็ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อพอชักหน้าถึงหลังปริ่ม ๆ ไม่มีเงินค่าเดินทางจะบินกลับมา ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเอ่ยปากขอให้อ.ชัยวัฒน์สู่ขอแทนให้ ไม่เพียงแค่นั้นยังขอให้ท่านทำหน้าที่เป็น “สแตนด์อิน” เจ้าบ่าวตัวจริงที่ in absentia อยู่อเมริกาให้ด้วย ของประหลาด ๆ พรรค์นี้ ถ้าไม่ใช่คนไว้ใจเราก็ไม่กล้าขอ และถ้าไม่ใช่คนไว้ใจขอ คนทั่วไปเขาก็ไม่ยุ่งยากลำบากมาทำให้ แต่ตอนนั้น อาจารย์ชัยวัฒน์ก็กรุณาดำเนินการให้ (ทั้งที่เป็นมุสลิม) ท่านยังอุตส่าห์ออกหน้าไปติดต่อขอให้ญาติผู้ใหญ่่ของท่านที่มีฐานะชื่อเสียงในสังคมและท่านรู้จักเคารพนับถือ (เป็นคนจีนและชาวพุทธ) มาช่วยเป็นผู้ใหญ่เอ่ยปากสู่ขอในพิธีให้อีกด้วย จนทุกอย่างเรียบร้อยด้วยดี และภรรยาผมเดินทางตามไปสมทบกับผมที่อเมริกาต่อมา

เพราะ Trust ชีวิตของคนเราในสังคมที่พลิกผันยอกย้อนเต็มไปด้วยสิ่งคาดไม่ถึงจึงพอดำเนินมาได้ด้วยดีตามสมควรและโลกจึงน่าอยู่ขึ้น

ถามว่าใน trust นี้มี risk ไหม? มีความเสี่ยงไหมว่าความไว้วางใจที่เรามีให้กับคนอื่นอาจถูกฉ้อฉล เราอาจถูกตบตาหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบไป? มีแน่นอน และผมก็เชื่อเหมือนกันว่าในประสบการณ์ของผมและของท่านผู้อ่านก็ย่อมเจอเหตุการณ์ที่เราไว้ใจเขา แต่เขาหลอกลวงเล่นงานเราบ้างไม่มากก็น้อยเหมือนกัน พูดอีกอย่างก็คือในทุก trust มี risk แฝงฝังอยู่อย่างมิอาจปัดป่ายบ่ายเบี่ยงเป็นอื่นได้ ก็เพราะ trust มันทำงานอย่างนี้ คือไม่เป็นทางการ ไม่มีกฎหมายครอบงำกำกับ มันหลวม ๆ สบตาเอ่ยปากขอรู้ไจวางใจกัน และความหลวมนี่แหละทำให้ทุกอย่างดำเนินการไปได้อย่างสะดวกราบรื่น (เช่น สินสอดทองหมั้นในงานสู่ขอของผม.... แหะ ๆ ก็ trust ทั้งนั้นแหละครับ) ด้วยความไว้วางใจที่มีต่อกัน และฉะนั้นมันจึงเปิดช่องให้ trust ถูก abused ได้

แต่ trust โดน abused แล้ว เก็บรับบทเรียนอันเจ็บปวดแล้ว ถามว่าต่อไปจะไม่ trust ใครในโลกอีกไหม? มันก็คงระวังเนื้อระวังตัวขึ้น รอบคอบรัดกุมขึ้น แต่ถ้า ๑) จะอยู่อย่างไม่ trust ใครเลยในโลก กับ ๒) อยู่อย่าง trust คนบางคน (อีกนั่นแหละ) และยอม take risk ใน trust นั้นบ้างเท่าที่พอเหมาะพอสมตามสมควร เพราะไว้วางใจเขา เห็นแก่เขา ต้องการช่วยเหลือเขา โดยตระหนักรู้ว่า เฮ้ย trust ของมึงอาจถูก abused ได้อีกนะโว้ย ไม่กลัวหรือ จะเสี่ยงหรือ?

ผมเลือกแบบ ๒) นะ มันเป็นโลกที่เสี่ยงน่ะแหละ แต่ผมก็คิดว่ายังน่าอยู่กว่า ขณะที่โลกแบบ ๑) นั้น ไม่มีอะไรให้ต้องเสี่ยง เพราะไม่ไว้ใจใครเลย และดังนั้น ในความรู้สึกผม ก็ไม่น่าอยู่เอาเลย

 

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
 ผมได้รับเชิญไปร่วมสนทนาในงานเปิดตัวหนังสือ ความคิดทางสังคมการเมืองของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ซึ่งปรับปรุงมาจากวิทยานิพนธ์มหาบัณฑิตของอาจารย์ พัชราภา ตันตราจิน แห่งมหาวิทยาลัยบูรพา ที่ปัจจุบันศึกษาต่อระดับปริญญาเอกอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อต้นเดือนนี้ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเวลา ผมอยากนำเอาเนื้อหาที่เตรียมไปส่วนหนึ่งมาเล่าต่อ ณ ที่นี้เพราะไม่มีโอกาสพูดถึงในวันงาน
เกษียร เตชะพีระ
ปรากฏการณ์หมกมุ่นกับรูปโฉมภายนอกเหล่านี้บันดาลใจให้ศิลปินอุนจงเปิดนิทรรศการงานศิลปะของเธอชื่อ “โรงงานร่างกาย” สะท้อนการที่ผู้คนสูญเสียเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำกับร่างกายตัวเองเหมือนมันเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง และสูญเสียความหมายว่าตัวเองเป็นใครไป
เกษียร เตชะพีระ
อีกด้านของจอห์น สจ๊วต มิลล์ นักปรัชญาเสรีนิยม-ประโยชน์นิยม "เผด็จการยังจำเป็นสำหรับสังคมด้อยพัฒนาที่ประชาชนยังไม่พร้อม” และ ความแย้งย้อนของเสรีนิยมบนฐานประโยชน์นิยม: ทำไมเสรีภาพจึงไปได้กับเผด็จการในความคิดของจอห์น สจ๊วต มิลล์?
เกษียร เตชะพีระ
การไต่ระดับของเศรษฐศาสตร์รัดเข็มขัด (austerity economics) สู่ขั้นยึดเงินฝากชาวบ้านมาใช้หนี้เน่าธนาคาร
เกษียร เตชะพีระ
...ข้อเรียกร้องที่ชอบด้วยเหตุผลให้มี “การเมืองที่กำกับด้วยศีลธรรม” บ่อยครั้งเมื่อเอาไปวางในโลกปฏิบัติที่เป็นจริงของสังคมการเมืองไทย รังแต่จะนำไปสู่ “ผู้อวดอ้างสวมสิทธิอำนาจวินิจฉัยตัดสินศีลธรรมทางการเมืองเอาเองโดยพลการและปราศจากการตรวจสอบควบคุม”
เกษียร เตชะพีระ
Kasian Tejapira(1/4/56)สืบเนื่องจากสเตตัสของ บก.ลายจุด เรื่องล้างสมองที่ว่า:
เกษียร เตชะพีระ
จงใจและมีจังหวะบอกกล่าวผู้ชมถึงการเปลี่ยนยุคภาษา, ตลกของเรื่องนี้ไม่ใช่ตลกไทยแบบเก่า, หนังเปลี่ยนขนบการเล่าเรื่อง “แม่นาค พระโขนง”, ไม่ได้รับการเล่าบรรยายแบบเคร่งครัดตามขนบการเล่าเรื่องของความเป็นไทยทางการเลย, ผีแม่นาคแม้น่ากลัว แต่ก็สวยชิบเป๋ง แม้จะทำหน้าดุดัน เหี้ยมเกรียม หลอกเอาบ้าง ขู่บ้าง แต่พูดให้ถึงที่สุด เป็นผี non-violence นะครับ แม่นาคเวอร์ชั่นนี้จึงคล้ายไอ้ฟักในคำพิพากษาที่ตกเป็นจำเลยของชาวบ้านอย่างไม่มีทางแก้ตัว
เกษียร เตชะพีระ
ในภาวะที่แรงส่งด้านบวกจากการลงทุนอุตสาหกรรมเหมืองแร่กำลังจะงวดตัวหมดพลังลงกลางปีนี้ (2013) อีกทั้งผู้บริโภคชาวออสเตรเลียก็ติดหนี้สูงไม่แพ้ผู้บริโภคอเมริกันและพยายามรัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่ายลงมาอยู่ เครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจออสเตรเลียตัวต่าง ๆ จึงทำท่าจะหมดน้ำมันลง หากรัฐบาลออสเตรเลียดันไปตัดลดงบประมาณรัดเข็มขัดเข้า เศรษฐกิจออสเตรเลียก็จะสะดุดแน่นอน
เกษียร เตชะพีระ
...ภาพรวมของ the growth effects + the expansion effects + the transport effects เหล่านี้ จะไม่ถูกบันทึกนับรวมไว้ใน EIA ฉบับของโครงการย่อยใด ๆ เพราะเอาเข้าจริงมันเป็นผลที่คาดหวังให้เกิดขึ้นของโครงการเมกะโปรเจคต์ลอจิสติกส์ทั้งหมด ด้วยซ้ำ ทว่ามันจะทำให้ไทยและเพื่อนบ้านและ ASEAN ใช้พลังงานและทรัพยากรจากสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล น่าเชื่อว่า Carbon Footprint หรือรอยเท้าคาร์บอนของคนไทยและคน ASEAN จะขยายใหญ่ออกไปอีกบานเบอะ ...
เกษียร เตชะพีระ
โรซ่าชี้ว่ามีระบอบเวลาที่เร่งเร็วขึ้น ๓ ชนิดทำงานผสมผสานกันอยู่ในระยะอันใกล้นี้ ได้แก่: -การเร่งเร็วทางเทคนิค (อินเทอร์เน็ต, รถไฟความเร็วสูง, เตาไมโครเวฟ) -การเร่งเร็วทางสังคม (ผู้คนเปลี่ยนการงานอาชีพและคู่ครองบ่อยขึ้น, ใช้ข้าวของแล้วทิ้งเปลี่ยนใหม่ถี่ขึ้น) -จังหวะดำเนินชีวิตกระชั้นขึ้น (เรานอนน้อยลง, พูดเร็วขึ้น, สื่อสารกับคนรอบข้างน้อยลง, ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันไป)
เกษียร เตชะพีระ
I am an ud-ad man.Living in ud-ad Thailand.I wonder why it is so.Maybe because the general tells me to go....
เกษียร เตชะพีระ
๑๓ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ประมุของค์ใหม่แห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก