21 June
เมื่อวาน ได้ไปเข้ากลุ่มเรียนรู้ไทจี๋
มีมิตรสหายสองท่านที่ฝึกยืนจั้นจวงได้ค่อนข้างดี ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
แต่มีมิตรสหายอีกท่านที่บอกว่าไม่สามารถเรียนรู้จากการยืนจั้นจวงได้ดีนัก
เราได้ลองฝึกท่ามือเมฆ ซึ่งเป็นท่าที่ใช้เรียนรู้การถ่ายน้ำหนักจากซ้ายไปขวา
ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ต่างจากการยืนจั้นจวงที่ต้องอยู่กับที่
ในขณะที่มิตรสหายสองท่านที่เรียนรู้การยืนจั้นจวงได้ดีกลับต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ท่ามือเมฆนี้นานมาก
แต่มิตรสหายที่เรียนรู้จากการยืนจั้นจวงไม่ถนัด กลับเรียนรู้การเคลื่อนไหวของท่ามือเมฆได้ดี
แววตาเธอเป็นประกาย ร่างกายเธอรับรู้ถึงการถ่ายแรง การจัดเรียงสรีระได้ดี
เธอบอกว่าที่ผ่านมาเธอคิดว่าเธอคงไม่สามารถเรียนรู้ไทจี๋ได้ดี
เธอกำลังจะจัดวางตัวเองไว้เป็นเพียงผู้ช่วยเหลือคนอื่นในการเรียนรู้เรื่องไทจี๋ดีกว่า
แต่ยามนี้เธอกลับรู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้ไทจี๋ต่อไป
ผมนึกถึงการเรียนรู้ของตัวเอง หลายครั้งที่ผมพยายามดันทุรังฝึกฝนเรียนรู้อย่างอดทนจนบางอย่างทุกข์ลำบาก
ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง ถึงแม้บางอย่างจะได้ผลแต่ก็แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความเจ็บปวดทั้งกายใจ
บทเรียนเมื่อวานบอกย้ำกับผมว่า หลายครั้งที่เราเรียนรู้อะไรบางอย่างได้ไม่ดี
เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับเรา เราก็สามารถสนุกกับมันต่อไปได้ไม่ต่างจากคนที่มีวิธีการเรียนรู้ต่างออกไป