Skip to main content

เสียงของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มาในค่ำวันหนึ่ง

ผมจะบวชกลางเดือนนี้ครับ โทรมาให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วย ฉันถามเธอว่า บวชนานแค่ไหนเล่า เธอตอบว่า หนึ่งเดือนครับ ฉันบอกเธอว่าดีมากเลยที่ได้มีเวลาอย่างนี้ อย่างน้อยเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วงของชีวิต ฉันอนุโมทนาด้วย ขอให้ใช้วันเวลาในผ้าเหลืองอย่างเป็นสุข


หลังจากวันนั้นเสียงเธอหายไป ฉันนึกถึงวันผ่านที่เราเคยโบกรถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ฉันและเพื่อนห้าคนรวมทั้งเธอผู้อาสาเป็นคนนำทาง เราเล่นน้ำในน้ำตกมวกเหล็ก ก่อนจะนั่งรถต่อไปดูฟาร์มโคนม วังตะไคร้ สายลมผ่านเนื้อตัวเย็นชื่น แม้เวลาผ่านไปนานฉันยังรู้สึกได้ เราทั้งหมดยังจำความสุขในวันอย่างนั้นได้ดี เธอเป็นหนุ่มน้อยคนเดียวท่ามกลางสาวๆอย่างพวกเรา


เธอเงียบฟัง พวกเราต่างนั่งนอนคุยกันถึงหนังสือเล่มที่กำลังอ่าน บางท่อนของเพลงที่เราชอบ สิ่งที่พวกเราคิดฝัน แบ่งปันและเอื้ออาทรกันในทุกอย่าง ในวันคืนที่แสนสดชื่นเหล่านั้น หัวใจเราต่างอ่อนหวาน สวยงาม


เธอคงจดจำมันได้ดีใช่ไหม หนุ่มน้อย เราต่างเก็บภาพความงดงามเหล่านี้ไว้เยียวยาหัวใจ ในวันที่เราต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ วันโหดร้ายทรมานของเธอ วันรวดร้าวของฉัน แม้วันที่เราต่างเดียวดาย ร้องไห้ นึกถึงวันดีๆเหล่านั้นเพื่อปลุกปลอบว่าเราต่างมีเพื่อน เพื่อนที่อยู่ในหัวใจเราเสมอมา เพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุข


เพราะสิ่งเหล่านี้ใช่ไหม หนุ่มน้อย สายใยร่างแหที่มองไม่เห็น มัดตรึงหัวใจไว้ให้หวนหา ฉุดเราขึ้นมาจากความทุกข์เศร้าทั้งหลาย ให้เรี่ยวแรงในวันที่เราต่างอ่อนล้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม มันยังคงอยู่เต็มหัวใจเรา งอกงามเบ่งบาน


เธอส่งเสียงทักทายมาตามสายหลังจากสึกออกมาแล้ว กว่าจะบวชได้ช่างยากเย็น เธอบอก ต้องมีผลตรวจเลือดวุ่นวาย น่าเสียใจจังที่หนทางแห่งความสงบสุขยุ่งยากเหลือเกิน ยิ่งเธอป่วยด้วยมันยิ่งทำให้รู้สึกแย่มาก แต่มันก็ผ่านไปด้วยดีใช่ไหม ฉันถาม เธอหัวเราะ ใช่ บวชแล้ว สึกแล้ว แค่ผ่าน ใช่ไหมพี่ มีข้อดีที่ได้รู้ว่าตัวเราเข้มแข็งสักเพียงไหน การได้อยู่กับความมืด ความเงียบ ความหิวและความเจ็บปวด ทำให้ข้างในเรา แข็งแกร่งเติบโตขึ้น รู้จักตัวเองดีขึ้น มันทำให้หัวใจเราเย็นลง

 

แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง ฉันถาม เธอตอบว่า เล่นดนตรี เลี้ยงปลาสวยงามไปส่งที่จตุจักร และเลี้ยงลูกสาว เคยปลูกมะละกอ น้ำท่วมตายหมด ขาดทุนยับ ฉันหัวเราะ นึกภาพเธอปลูกต้นไม้ไม่ออกจริงๆ นิ้วมือยาวเรียวสวย สวยกว่าฉันที่เป็นผู้หญิงเสียอีก เธอหัวเราะหึๆเหมือนเคย คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามโลกบ้าง เธอว่า แล้วพี่จำได้ไหมว่าผมเคยขายขนมด้วย ตอนที่สร้างครอบครัวใหม่น่ะ ขายให้เด็กมหาวิทยาลัย ตักใส่ถ้วยพูนๆ เห็นเด็กกินแล้วก็มีแรงขาย ขายอยู่นานเชียว สนุกดี ดีนะ ทำงานหลากหลายดีทำให้เราได้ทักษะ ฉันว่า


ใช่แล้วครับ แม้แต่เรื่องดนตรี ยังเปลี่ยนแปลงเลย เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างเล่า ฉันถาม เธอบอกว่าเธอไปเรียนกีตาร์มากับครูดนตรีที่กรุงเทพ นั่งรถเมล์ไปกลับเพื่อเรียน เรียนอยู่เป็นปี เหนื่อยมากแต่ดี ทำให้เรารู้เรื่องดนตรีดีขึ้น นับถือในความพยายามแล้วหล่ะ ฉันตอบเธอ


แล้วตอนนี้เล่นเพลงอะไรบ้างที่ร้าน ฉันถาม เล่นเพลงของเดอะบีทเทิ่ลเป็นหลัก ชอบเนื้อหาและทำนองของเพลง ถ้าพี่ว่างลองมาฟังบ้างนะ พี่ไม่เคยได้นั่งฟังผมเล่นนานมาแล้ว สมัยก่อนพี่ชอบขอเพลงของแคท สตีเวน ยังชอบเขาอยู่อีกหรือเปล่า เธอถามเสียงใส ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องเพลง เธอจะสดชื่นจนฉันรู้สึกได้เสมอ จำได้ว่าฉันแซวเธอว่า พูดถึงเพลง เสียงเป็นหนุ่มขึ้นเชียว เธอหัวเราะ บอกมาก่อนว่าตอนนี้ฟังเพลงของใคร เวลาพบกันจะได้เล่นให้ฟังได้ถูกใจ แล้วเราก็คุยกันต่อเรื่องเพลงอีกยืดยาว


ฉันถามเธอว่า เธอเหนื่อยไหมนั่นเวลาทำอะไรนานๆ ก็เหนื่อยบ้าง บางทีเวลานอนต้องหลับๆตื่นๆ ลุกมานั่งหอบเวลาที่ท้องมันโตขึ้น ฉันฟังแล้วใจหาย เหลือบมองดูรูปถ่ายของเธอ หนุ่มน้อยร่างผอมบางผมเกรียน นั่งเล่นกีตาร์กับเพื่อนในร้าน ปีสองห้าสี่หก ภาพนั้น ผ่านไปห้าปีแล้ว สังขารเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอบอกว่าน้ำหนักเหลือสามสิบแปดกิโล ท้องโต ขาบวม พี่จะตกใจไหมถ้าเห็นผมเป็นอย่างนี้ เธอถามน้ำเสียงจริงจัง ฉันตอบเธอว่าถึงอย่างไรแล้ว เธอยังเป็นน้องชายคนเดิมของฉัน


เดือนหน้าที่จะมาถึงเป็นฤดูกาลที่ดอกไม้เริ่มผลิบาน อากาศเริ่มหนาว ฉันบอกเธอว่า เราจะได้พบกันหลังจากห้าปีที่ผ่านมา เสียงกีต้าร์ของเธอไม่เคยได้ดังกังวานให้ฉันได้ยินเลย เธอเตรียมเพลงของแจ็คสัน บราวน์ไว้นะ เราจะร้องเพลงหลับอยู่ในความมืดของประตูที่เงียบสงัด ด้วยกัน


บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง
มาลำ
พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน
มาลำ
ตอนเด็กๆ ฉันเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ ขี้โกรธ เอาแต่ใจตัวเอง สกปรก ชอบเกี่ยงงานให้พี่สาวทำงานหนักจนตัวแคระแกร็น ส่วนตัวชอบหนีเที่ยว ไปเก็บเห็ดบ้าง ไปตกปลาบ้าง ทั้งที่รู้ว่า กลับมาบ้านแม่จะตีฉันจนยับเยิน หากแต่ฉันไม่เคยนึกกลัว เจ็บแล้วหายวันรุ่งขึ้นไปใหม่
มาลำ
ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้
มาลำ
ศรีตรังคลี่กลีบสีม่วงสวยออกมาแย้มยิ้ม  ทักทายสายลมร้อน เฉลา อินทนิล โบกกลีบ มาถึงแล้วสีม่วงสุดสวย ละมุนละไม แดดร้อนตอนเที่ยงวัน เนื้อตัวเหมือนแสบไหม้ ไอร้อนจากถนนโชยมา ฉันก้มหน้าก้มตาเดิน หาต้นไม้ในหัวใจสักต้น โน่นไง ฉันก้าวเท้าเข้าไปหา ไฮเดรนเยียสีโปรดของฉัน สีม่วงครามกำลังบาน บ่ายแล้ว ผู้หญิงหน้าตาไหม้เกรียมกำลังหอบต้นไม้ออกดอกสีม่วงขึ้นรถมุ่งตรงไปวัด
มาลำ
บ้านของย่าอยู่ริมฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้ยกสูง เวลาเดินแผ่นไม้ในบ้านส่งเสียงดังตามจังหวะการเดิน ย่าคอยบอก เดินค่อยๆนะลูก ย่องๆเดินนะทำเป็นไหม จะได้ไม่มีเสียงดัง ย่าชอบทำขนม ที่บ้านย่าจึงมีหลานๆเต็มบ้าน  ลูกๆของน้าชาย น้าสาวและพี่น้องของฉันอีกหกคน หนึ่งในเด็กหลายคนนั้น มีอยู่คนเดียวที่เป็นเหตุผลของการขอแม่ไปนอนบ้านย่าของฉัน เขาเป็นลูกของน้าสาว อายุเท่าฉัน ตัวโต ผิวคล้ำ ดวงตาเขาเศร้า ท่าทีเงียบขรึม   เขาว่ายน้ำเก่ง จับปลาได้คล่องแคล่ว   ไม่มีท่าทีรำคาญที่พี่สาวอย่างฉัน คอยเดินตามเขา คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา ฉันติดเขาแจจนย่าออกปาก ระวังนะ เหาบนหัวจะกระโดดมาหากัน…
มาลำ
น้ำในคลองวังหยีสีเขียวเข้ม ชื่อคลองวังหยีเพราะมีต้นหยีต้นใหญ่อยู่ริมฝั่ง เป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่านทุ่งนากว้างใหญ่ของหมู่บ้าน น้ำจะไหลเชี่ยวและกัดเซาะทุกอย่างที่ขวางหน้า ก่อนจะไหลข้ามสะพาน น้ำจะไหลเอื่อยลงไปในแอ่งลึกที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเรียกว่าวัง น้ำในวังจะสีเขียวเข้มกว่าส่วนอื่น เพราะความลึกของมัน แค่เพ่งมองฉันก็นึกกลัวขึ้นมา ยิ่งแว่วเสียงคนบอกเล่า มีผีพรายอยู่ในวังด้วยนะ ผีพรายเป็นผู้หญิงผมยาวที่เฝ้าอยู่ในวัง เวลาเล่นน้ำระวังเถิดมันจะมาดึงขาลากลงไปอยู่ในวังด้วยกัน ฉันกลัวจนตัวสั่น ทำให้ฉันต้องลืมตาทุกครั้งเวลาดำน้ำ หลังไปช่วยแม่เก็บน้ำยางที่สวน…
มาลำ
  หนังสือชื่อ ผมเป็นมะเร็งอายุ 5 ขวบ วางอยู่บนโต๊ะของฉันมานาน ฉันทำได้แค่มองผ่าน ทั้งที่อยากจะเปิดอ่านเหลือเกิน ฉันชอบอ่านหนังสือเพราะโลกของฉันมันแสนเศร้า เวลาที่ปวดร้าวฉันต้องนั่งลงเปิดหนังสือแล้วทุ่มตัวลงอ่าน อ่านเหมือนคนที่ไม่เคยได้อ่านมาตลอดชีวิต นึกถึงคำของแม่เวลาที่ฉันช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ฉันช่วยแม่ตำน้ำพริก แม่จะโวยวายใส่ฉันทุกครั้งที่ฉันวางหนังสือไว้ข้างตัว แม่บอกว่าเลิกอ่านก่อน ทำงานให้แม่เสร็จก่อน ฉันหัวเราะแล้วหยิบเอากระดาษห่อของยกขึ้นมาอ่าน ตำน้ำพริกไปด้วยสำหรับหนังสือเล่มนี้ของฉัน แค่มองเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ที่นอนชูสองนิ้วยิ้มหวานปากแดงแล้วบอกว่า…
มาลำ
  น้องรัก ไปสู่ความสงบที่สุดนะ เวลาของเธอมาถึง  เธอผ่านพ้นความทรมานแล้ว  แม้เรายังไม่ได้พบกัน เสียงเพลงของเธอยังดังกังวานให้ฉันได้ยิน ถ้อยคำที่เธอพูดยังดังแว่วอยู่ในหู เสียงเธอที่สดใสหลังฟังเพลงด้วยกันยังดังอยู่ แม้มือของฉันเอื้อมไปไม่ถึงเธอ  เราจากกันเสียแล้ว    ทำไมหนอชีวิตได้โหดร้ายนัก เธออายุสี่สิบปีเท่านั้นเอง ...........................                                     …
มาลำ
เสียงเธอดังแว่วแผ่วมาตามสาย อยู่โรงพยาบาลครับพี่ ท้องบวมแล้วเหนื่อยมาก หมอให้นอนให้น้ำเกลือ เหนื่อยครับเหนื่อยจัง เธอพูดเหมือนเพ้อ ฟังไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน บางตอนเหมือนคนไข้ที่กำลังแย่แล้วเสียงหอบหายใจแรงดังเข้ามาในสาย ฉันตกใจ ละล้าละลัง ฟังเธอพูดแล้วนึกอยากไปให้ถึงตัวเธอในเดี๋ยวนั้น เธอยื่นหูโทรศัพท์ไปให้แม่ของเธอที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง หลังจากที่เธอพูดสลับหอบให้ฉันฟังอยู่นาน ฉันจึงได้รู้ว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี แม่บอกว่าหมอจำหน่ายแล้ว ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจ ถามกลับแม่ไปว่า แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไรหล่ะแม่ เธอเหนื่อยออกจะแย่อย่างนั้น แค่ลุกจากเตียง เธอยังลุกไม่ไหวใช่ไหม…
มาลำ
เสียงของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มาในค่ำวันหนึ่ง ผมจะบวชกลางเดือนนี้ครับ โทรมาให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วย ฉันถามเธอว่า บวชนานแค่ไหนเล่า เธอตอบว่า หนึ่งเดือนครับ ฉันบอกเธอว่าดีมากเลยที่ได้มีเวลาอย่างนี้ อย่างน้อยเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วงของชีวิต ฉันอนุโมทนาด้วย ขอให้ใช้วันเวลาในผ้าเหลืองอย่างเป็นสุข หลังจากวันนั้นเสียงเธอหายไป ฉันนึกถึงวันผ่านที่เราเคยโบกรถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ฉันและเพื่อนห้าคนรวมทั้งเธอผู้อาสาเป็นคนนำทาง เราเล่นน้ำในน้ำตกมวกเหล็ก ก่อนจะนั่งรถต่อไปดูฟาร์มโคนม วังตะไคร้ สายลมผ่านเนื้อตัวเย็นชื่น…
มาลำ
ใครจะนึกว่าเธอต้องเดินเข้าไปในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โรงพยาบาลนี้ เธอเคยเดินมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเด็กในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยกับทุกคน เป็นโรงพยาบาลที่ฉันเคยไปฝึกงาน ได้รู้จักกับเธอในครั้งแรกเธอเดินเข้าไปตรวจ เป็นอะไรไม่รู้ครับ มันแน่นๆท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง หมอที่ตรวจก็เป็นหมอรู้จักกัน กดท้องของเธอแล้วบอกเบาๆว่าตับโตมาก เธอกินเหล้ามากเกินไปหรือเปล่า สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม ลดลงบ้างนะ หมอบอกเธอกี่ปีแล้วนะที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอรำพึงหลังปั่นจักรยานกลับบ้าน คำพูดหมอดังแว่วมา สงสัยเป็นตับแข็งนะ ต้องทำอัลตราซาวด์ดูแล้ว วันคืนของเธอกำลังสั้นลงแล้ว…