Skip to main content

พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน

เด็กๆต่างเล่นกันสนุกสนาน พี่สาวและพี่ชาย เคยไปชะโงกดูฉันเลี้ยงเจ้าเทวดาน้อยในรถแคริบเบียนสีดำที่ชื่อลีออง ฉันบอกพี่ทั้งสองว่าอายจัง รถมันรกมากๆ พี่หัวเราะบอก อายทำไมเล่า มันก็รกกันทั้งนั้น ก็บนรถทั้งคัน มันเต็มไปด้วยของใช้เด็กๆที่จำเป็นทั้งนั้น ฉันนั้นเป็นที่รู้กันทุกคนในบรรดาพี่น้องว่า เป็นบ้าหอบฟางตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกคนล้วนคุ้นชินกับการหอบของของฉันจนเลิกพูดถึงแล้ว ต่างส่ายหน้ากับความเพียรในการพกพาของฉัน ยิ่งมีลูก ของยิ่งทวีคูณ

เราต่างโฉบกันไป โฉบกันมา ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันมากนัก ฉันได้ข่าวลูกสาวพี่ต้องผ่าตัดหัวใจ อยากไปเยี่ยมใจแทบขาด แต่ฉันกลัวจะไปปล่อยโฮที่โรงพยาบาล เพราะฉันอ่านเรื่องราวที่พี่เขียนถึงลูกตั้งแต่ไหนแต่ไร จำได้ว่าฉันร้องไห้ตลอด ฉันจึงได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวของพี่หายวันหายคืน หลังจากที่ลูกสาวพี่ออกจากโรงพยาบาลพี่เขียนเรื่องของการผ่าตัดหัวใจและความทุกข์ทรมานของลูกหลังการผ่าตัด ฉันอ่านแล้วร้องไห้จนตาบวม

สงสารลูกสาวของพี่เหลือเกิน แต่ใครหนอจะรู้ว่า วันคืนอย่างนั้นจะมาถึงคนอย่างฉันอย่างไม่คาดคิด มันโหดร้ายเกินกว่าจะรับมือกับมันไหว ฉันจำได้ว่า น้องๆ ที่ร้านเล่า น้องที่ฉันรักและฝากดูแลนางฟ้าเสมอมา ต่างร้องไห้กันระงมห้องไอซียูไปหมด เมื่อเห็นหมอปั๊มหัวใจนางฟ้าของฉัน ทุกคนต่างช็อค ตกตะลึงและเจ็บปวด ทั้งหมอ ทั้งพยาบาลต่างช่วยกัน เพราะเธอเป็นเด็กในโรงพยาบาลเหมือนกัน เธอเดินในโรงพยาบาลมาตั้งแต่เล็กๆ มีน้องมีพี่ช่วยกันเลี้ยงดูแล ใครๆคงไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้หรอก แต่จะทำอย่างไรได้เล่า มันเกิดขึ้นแล้ว

พี่มากันทั้งครอบครัวเหมือนเคย รอฉันอยู่ที่ศาลาวัดสวนดอกทันที่รู้ข่าว ทันทีที่ฉันลงจากรถพร้อมร่างไร้วิญญาณของนางฟ้า พี่วิ่งมาหาฉันแล้วส่งเสียง กล้วยเอ๋ย น้องเอ๋ย โถโถ ฉันฟุบลงไปบนตักพี่ปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มกลั้น ทั้งที่วันนี้ฉันร้องไห้ทั้งวันจนเป็นลมครั้งแล้วครั้งเล่า พี่จ๋า ช่วยน้องด้วยเถิด พี่คนดี ฉันพร่ำวอนบอกพี่ พี่บอกโถ พี่ไม่ไปไหนหรอกคนดีจะอยู่เคียงข้าง ลูกต้องการแม่นะน้องรัก บอกลูกให้ละห่วงนะจะได้ส่งลูกขึ้นสวรรค์ได้ บอกลูกนะ ในหูฉันได้ยินเสียงลูกร้องเรียกตลอดเวลา เหมือนเขานั่งอยู่ข้างตัวตลอด ไม่ได้หายไปไหนเลย พี่จ๋า เขาอยู่ข้างๆฉันนี่แหละพี่

หลังพระสวดแล้ว พี่สาว พี่ชาย ลูกสาว ลูกชายให้ฉันขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่บ้านเช่าของน้องๆร้านเล่า หลังวัดสวนดอก เหมือนฟ้าลิขิตไว้อย่างนั้น ให้รับโทษทัณฑ์โดยไร้เมตตา หลังขึ้นรถ ฉันคร่ำครวญหาลูก ลูกเอ๋ย แม่จะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร หัวใจแม่แหลกสลายแล้วคนดี ลูกเอ๋ย ลูก แล้วมีมือเล็กๆ ของลูกชายพี่มาจับมือฉันไว้ เขานั่งอยู่ข้างๆนี่เอง เขาจับมือฉันไว้แน่น เพราะเด็กสองคนนี้เคยเล่นด้วยกันมาตลอด เขาดูตกใจ เจ็บปวดและเสียขวัญ หากแต่พยายามปลอบฉันด้วยการบีบมือไว้ให้กำลังใจ

ถึงบ้านเช่า พี่เอายานอนหลับใส่ปากฉัน ในขณะที่สามีฉันนั่งร้องไห้คร่ำครวญถึงลูกเหมือนคนเสียสติ สามีรักลูกมากจนรับมือกับความเจ็บปวดไม่ไหว เขาพร่ำด่าสวรรค์ที่พรากลูกสาวไป เขานั่งอยู่เพ้ออยู่อย่างนั้น ทั้งคืน

ฉันหลับไป จนใกล้สว่างได้ยินนางฟ้าเรียก คุณแม่ขา ฉันสะดุ้งตื่น คว้าเทวดาน้อยที่นอนอยู่ใกล้ตัวมากอด พลิกไปหานางฟ้าตามเสียงเรียก ไม่มีเงาเขา ฉันจึงนึกได้ว่าเขาไม่อยู่แล้ว น้ำตาฉันไหลพรากออกมาทันที เจ้าเทวดาน้อยของฉันเริ่มส่งเสียงร้องไห้อีกแล้ว ทั้งที่เมื่อวานเขาร้องไห้ทั้งวันและไม่รู้ว่า พ่อกับแม่เป็นอะไรทำไมไม่อุ้มเขา ลงไปนอนอยู่ที่พื้นกันทำไมหนอ พ่อจ๋าแม่จ๋า

พี่มาตั้งแต่เช้า มาช่วยกันทำการงานให้ลุล่วง น้องๆช่วยทำรถดอกไม้ไปส่งนางฟ้า กล่องไม้ที่ลูกนอน หัวหน้าตึกฉันซื้อให้ เธอรักนางฟ้าของฉันมาก เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก ตอนที่เอานางฟ้ามารอที่ห้องรอญาติมารับร่างกาย เธอเดินตามหลังฉันมาแล้วบอกให้เข้มแข็ง มีสติเข้าไว้นะ

น้องๆหาดอกไม้สีขาวมาประดับกล่องไม้จนสวยงามจับใจ เด็กหญิงพอวา แปลว่าดอกไม้สีขาว น้องไปกว้านซื้อดอกไม้ขาวมาทำให้ แม้ทุกคนจะเก็บงำความทุกข์ไว้ไม่มิด แต่ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สั่งอาหารมาเลี้ยงคนที่ฟังเทศน์ หาน้ำปาณะให้พระหลังสวดเสร็จ รับแขก คอยดูแลไม่ห่าง ทุกอย่างเหล่านี้ ได้พี่และน้องเท่านั้น ลำพังฉันกับสามี แค่ลืมตายังลำบาก

พี่อยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา คอยปลอบใจ คอยคะยั้นคะยอให้กินข้าว คอยถามไถ่ ทั้งที่ฉันร้องไห้ตลอดเวลา พี่ยิ่งเวทนาฉัน กล้วยเอ๋ย น้องน้อย พี่พร่ำรำพันเมื่อเห็นฉันไม่กินไม่นอน

ขบวนรถดอกไม้สีขาว ส่งนางฟ้าไปสวรรค์ ออกจากวัดสวนดอกไปที่สุสานหลิ่งห้า พ่อแม่พี่น้องของฉันมากันครบถ้วน โดยเฉพาะพี่สาวที่เคยมารับนางฟ้าตอนปิดเทอมไปเล่นที่บ้านคุณตา คุณยาย เธอรักนางฟ้ามาก เราต่างร้องไห้คร่ำครวญ เธอกอดฉันไว้แน่น

ถ้าไม่มีเจ้าเทวดาน้อยในอ้อมแขน ฉันคงกระโดดลงไปในกองไฟพร้อมนางฟ้าของฉันแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร นางฟ้าเป็นทั้งความรัก ความฝัน และเป็นชีวิตของฉัน ทางที่ฉันเลือกเดิน แม้จะทุกข์ยาก แต่นางฟ้าจะเฝ้าคอยปลอบใจ ร้องเพลงให้ฉันฟังเวลาที่ฉันทุกข์มากและเหนื่อยล้า เธอจะคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

ชีวิตเอ๋ย ช่างโหดร้ายนัก ฉันไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้ว พ่อของนางฟ้า ดวงตาเป็นสีแดงกล่ำตลอดทั้งวันทั้งคืน เขาหายตัวไปทั้งคืน กลับมาตอนใกล้สว่าง บอกไปนั่งข้างถนนมา ดูรถ ดูผู้คนเคลื่อนไหว เพื่อให้ผ่านไปในแต่ละคืน กลางวันเขาไม่พูด ไม่สบตากับใคร น่าสงสารนัก

พี่มาหาฉันทุกวัน เพียรเอาม้าโยกมาให้เทวดาน้อย เอาของเล่นมาให้ด้วยเวทนา นับจากวันนั้นมา ฉันป่วยทั้งทางกายและใจ ฉันไม่เหลือความเพียรที่จะต่อสู้กับอะไรอีก ฉันยอมแพ้หมดทุกทาง พี่บอกฉันว่าอยู่ต่อไปให้ได้นะ น้องรัก เพื่อเจ้าเทวดาน้อยนะ เพื่อลูก เวทนาเขาเถอะ ท่องไว้เพื่อลูก เพราะคำของพี่ ฉันจึงลุกมาดูแลเทวดาน้อยบ้าง เขาช่างน่าสงสารเสียจนฉันต้องร้องไห้ เขายังไร้เดียงสา นั่งโยกตัวบนม้าโยกของพี่ส่งเสียงหัวเราะ เด็กเอ๋ย

แล้วพี่ก็เอาเจ้าเทวดาน้อยของฉันไปเลี้ยงให้ตั้งแต่ยังไม่ครบสองขวบ เถอะมันเป็นหลานพี่ พี่เลี้ยงให้ พี่คงเวทนาฉันจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี โรงเรียนอนุบาลหมีน้อยของพี่จึงได้ชุบชีวิตใหม่ให้เทวดาน้อย เขานั่งประดิษฐ์ วาดรูปทั้งวัน ชอบระบายสีและมีสมาธิมาก เขาทำอย่างนั้นมาจนโตแปดขวบ ทำเหมือนเดิมที่เคยอยู่อนุบาลหมีน้อย

เมื่อฉันย้ายบ้านออกไปอยู่บ้านเช่าหน้าโรงพยาบาล บ้านหลังนั้นยิ่งดูเหงาและรกร้าง แม้หัวใจเราเหวอะหวะเต็มไปด้วยแผล แต่มันมีบรรยากาศท้องทุ่งอยู่ พ่อเขาชอบเอาเทวดาน้อยซ้อนท้ายจักรยานและปั่นไปดูทุ่งยามเย็น

พี่เพียรมาหาเราที่บ้านหลังนั้น หาเรื่องตลกมาเล่าให้เราหัวเราะ เอาบันไดไม้สวยงามมาให้ไว้คอยกั้นไม่ให้เทวดาน้อยตก

ถึงวันเกิดนางฟ้าทุกปีเรามีนัดกัน แม้ว่าต่างคนพยายามกล้ำกลืนทุกข์ เราจะกินข้าวกัน คุยกันไป พี่จะงัดเรื่องตลกออกมาเพื่อให้ฉันและสามีหัวเราะ ปีนั้นน้องสาวร้านเล่าเมามายหนักลุกออกมาเต้นแล้วร้องไห้คร่ำครวญหานางฟ้า เธอบังคับให้ทุกคนเต้นแบบเสียสติ ร้องไห้ไปเต้นไป บังคับให้พ่อของนางฟ้า ร้องเพลงลูกสาวทะเลให้ฟังอยู่นั่นแล้ว บังคับให้พี่และพี่ชายออกมาเต้น พี่บ่นอะไรวะ บ้าจริงๆ แต่ก็ยอมเต้นแบบไม่มีเงื่อนไข แม้แต่ลุงแสงดาวก็เต้นเพราะถูกขอร้องจากเธอ เราต่างหน้าเศร้าไปตามๆกัน เธอไปเมาต่อที่บ้านสวนดอก หลังกลับไปตอนดึกมากแล้ว ขากลับของเธอทุลักทุเลสิ้นดี

เวลาที่ฉันทุกข์มากๆ ฉันจะนั่งลงเขียนจดหมายหาพี่ ฉันเขียนไปร้องไห้ไป พร่ำขอบคุณพี่ที่ดูแลฉันเสมอมา พี่นั่งอยู่กลางใจฉันจริง พี่เหมือนแม่พระผู้เมตตาคนตกทุกข์ คอยปลอบประโลมฉัน พี่ชายก็เช่นกัน เขาพยายามที่จะอยู่เป็นเพื่อนพ่อของนางฟ้าเสมอ พ่อของนางฟ้าเขียนคำอุทิศในหนังสือของเขาเล่มหนึ่งว่า แด่พี่สาวและพี่ชายผู้เป็นสนามหญ้าในชีวิตจริง

ลูกสาวและลูกชายของพี่ก็เช่นกัน ลูกสาวของพี่เขียนจดหมายส่งมาจากเมืองนอกมาให้กำลังใจฉัน เขียนอย่างหัวใจที่บริสุทธิ์งดงาม ฉันอ่านแล้วร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่หลายวัน ใส่มันไว้ในกระเป๋าสตางค์ ทุกครั้งที่หยิบออกมาอ่าน ฉันจะนั่งเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย และฉันซาบซึ้งใจเสมอ

ลูกชายของพี่จะดูแลเทวดาน้อยของฉัน สอนเบ่งกล้าม คอยดูแลเวลาที่เราพบกัน เทวดาน้อยของฉันจะรับวิชาที่ลูกชายของพี่ถ่ายทอดมาอย่างสนอกสนใจยิ่ง เขาสองคนสนิทกัน ตั้งแต่เทวดาน้อยเพิ่งคลอด จนถึงอนุบาลหมีน้อย ลูกชายพี่จะเคลียคลอเทวดาน้อยไม่เคยห่าง เวลาฉันอาบน้ำให้เทวดาน้อย เขาคอยถามว่า เขามีกล้ามเท่าลูกชายพี่หรือยัง มันทำให้ฉันหัวเราะก๊าก เพราะเขาผอมลีบเสียขนาดนั้น กล้ามที่ไหนจะมาเล่า

งานอาลัยอารงค์ วงษ์สวรรค์ พี่เป็นแม่งานคู่กับอีกสามออ คือ พี่แอ๊ด สุนทรี พี่อ้อม แม่น้องข่าว น้องโอ ไม้จัตวา งานมีสีสัน งดงามเหมือนภาพวาดของจิตรกรเอก ติดตรึงใจคน เพราะอาเป็นที่รักของทุกคนเสมอ พี่ดูเหนื่อยมาก พี่ชาย ลูกสาว ลูกชาย มาพร้อมกันทุกคืน ตั้งรับและเตรียมพร้อม

มีน้องบางคนบอกพี่ไฮเปอร์ ฉันหัวเราะ โถ ขนาดคนดีๆเหนื่อยเข้ามากๆ ยังเป๋เลย แล้วคนเพี้ยนๆ อย่างพวกเรา จะไม่เป๋ได้อย่างไร อาทำให้พวกผมยาว รกรุงรังมีค่า มีภาพพจน์ที่ดีงามขึ้นมาได้ ฉันอยากขอบคุณอาเหลือเกินที่ยกระดับพวกเราขึ้นมา ดูในงานสิ สารรูปแต่ละคนดูไม่ได้เลย รวมทั้งฉัน แต่ทุกคนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและงานศิลป์ เราต่างนั่งทักทายพูดคุยกันอยู่อย่างนั้น เพื่อให้กำลังใจกัน อาช่างเมตตาต่อพวกเราเสมอ แม้นาทีที่อาไม่อยู่แล้ว

พี่ขับรถโฟล์คเต่าคันสีดำของพี่ ให้ฉัน หลานสาวและเทวดาน้อยนั่งไปกินก๋วยเตี่ยวเจ้าดังแถวๆหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ รถไม่มีแอร์หรอก ฉันก็ว่าดี เพราะชอบรถเต่ามาก แต่โอ้พระเจ้า วันนั้นตอนเที่ยงวัน แดดมันแผดเผาพวกเราที่นั่งกันอยู่ในรถพี่เหงื่อไหลพรากชุ่มตัว ไม่มีใครบ่นเลย มีแต่เพียงพี่เปรย ร้อนจริงๆ

ฉันก็บ่นให้พี่ฟังว่า คอมพิวเตอร์ของสามีฉันเสียตั้งแต่น้ำท่วมเมื่อคราวนั้นที่บ้านเช่า เขาเลยยึดคอมพิวเตอร์ของฉันไปเลย ที่จริงมันเป็นของน้องร้านเล่าคนที่รักนางฟ้าของฉันสุดหัวใจ ที่อยากเห็นฉันเขียนหนังสือ เธอบอกอยากมีส่วนในงานเขียนของฉันบ้างเท่านั้น เธอจึงยกคอมพิวเตอร์ของเธอมาให้ฉันฟรีๆ ฉันซาบซึ้งใจนัก

แล้วฉันก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ ฉันต้องผ่อนสักตัวแล้วหล่ะ ฉันเปรยกับพี่ตามประสา เพราะฉันชอบที่คุยกับพี่ได้ทุกเรื่องเสมอ พี่สอนวิชาการอยู่ในสังคมให้ได้อย่างไม่เสียสมดุลย์ และสง่างามให้ฉัน บางคราวฉันถึงกับอึ้งไปเลย พี่ช่างฉลาดและมีวิธีการที่แยบยลเสมอ พี่บอกต้องมาจากใจที่ปราศจากการเกลียดชัง ใจที่สว่างเท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นได้

พี่ฟังฉันพูดแล้วบอกว่า โอ้ น้องรัก พี่มีโน๊ตบุ๊คอยู่หนึ่งตัวพี่ยกให้เธอเลย ไม่ต้องคืนพี่แล้ว พี่ให้เธอทำงาน เขียนหนังสือดีๆออกมาให้พี่อ่าน ฉันถึงกับร้องไห้ออกมา พี่ที่รัก วันก่อนในงานอาวันแรกที่พี่เจอฉัน พี่เห็นฉันหน้าดำเกรียม ผอมและเหมือนคนป่วย พี่อุทานว่า กล้วยเอ๋ย ทำงานขึ้นเวรหนักไปหรือเปล่า ฉันยิ้ม แล้วเธอก็เอาจดหมายใส่กระเป๋าให้ฉันบอกว่าเขียนจดหมายถึงฉันเอามาให้ด้วย ระหว่างรอสามีกลับบ้านด้วยกัน ฉันเปิดจดหมายออกอ่าน พี่เขียนไว้ว่า

กล้วย
น้องไม่รู้ว่าพี่รักน้องแค่ไหนตังค์นี้เอาไปจ้างคนอยู่เวร
รักมากๆ
พี่อุ๋ม
20 มึ.ค.52
ฉันอ่านแล้วนั่งร้องไห้เหมือนเสียสติอยู่ในรถ โถพี่ที่รัก พี่จ๋า คนดีของน้อง ขอบคุณพี่เหลือเกิน มันทำให้ฉันกลับไปเขียนจดหมายหาพี่แล้วเอาเงินที่พี่แนบมาใส่ซองคืน มันเป็นเงินหลายพัน และฉันรู้แล้วว่า พี่รักฉันมากมายแค่ไหน พี่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลพี่บ้างในยามที่พี่ทุกข์ใจ ฉันอยากให้พี่ได้รับสิ่งดีๆตอบแทนการเป็นคนดีของพี่เหลือเกิน

ฉันป่วยคราวนี้ พี่และพี่ชาย ไปเยี่ยมฉันในโรงพยาบาล พี่บอกว่าไปทำบุญมา ยกบุญกุศลทั้งหมดให้ฉัน อยากให้ฉันหายเสียที พี่บอกตอนไปบาหลีคราวที่แล้ว เธอนั่งเขียนบันทึกถึงฉันแล้วร้องไห้จนพี่ชายและลูกสาวมาปลอบ เธอบอกสงสารฉันเหลือเกิน ฉันช่างกล้าหาญที่จะมีชีวิตอยู่ ทั้งที่ซากชีวิตของฉันมันยับเยินไปหมดแล้ว

ก่อนจะกลับพี่ยังบอกว่าหายเร็วๆนะ พี่อยากให้เธอหายวันหายคืน แล้วพี่ก็เดินออกไปจากห้อง


พี่สาวที่รัก แม่ดอกไม้หอมที่สุดในโลกของฉัน ผู้หญิงน้ำใจงามอย่างพี่นั้น เป็นถึงนางฟ้าบนสวรรค์ แต่พี่เลือกที่จะมาเดินอยู่บนดิน แผ่ส่วนบุญของพี่ให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า พี่จ๋า ฉันรักพี่เหลือเกิน ความรักมันมาจากส่วนไหนหนอ ทำไมมันท่วมท้นเนืองนอง ล้นอยู่ในอกนี้ ขอส่งใจและความรักทั้งหมดที่มีให้พี่สาวของฉันให้เธอได้สุขเกษม สำราญบนโลกมนุษย์นี้จากผลบุญที่เธอเพียรสร้างตลอดมา

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.amarinpocketbook.com/UserFiles/Image/Amarin%20Sawasdee/AS1_09varelada.jpg

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
โป้ง น้องรัก พี่คิดถึงเธอเหลือเกิน หนุ่มน้อยของพี่ ครบหนึ่งปีของการจากไปอยู่ที่แห่งใหม่ของเธอแล้ว โลกใหม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง หลังการดับลงของลมหายใจ พี่รู้ว่าเธอออกเดินทางต่อ เธอผู้ไม่เคยเบื่อที่จะออกเดินทาง เป็นหนึ่งปีที่ผ่านมาอย่างน่าแปลกใจ เพราะเราคุยกันผ่านความเงียบ จากที่เราเคยได้ยินเสียงของกัน กลับกลายเป็นพี่คุยกับเธอผ่านสมุดบันทึก บางเรื่องที่พี่คิด สิ่งที่พี่อยากให้เธอรู้ ถ้าเธอยังอยู่ บางคำถามของพี่ เธอจะตอบพี่ว่าอย่างไรหนอ
มาลำ
แม่ชงยาสมุนไพรทองพันชั่งมาให้ฉัน กินในตอนเช้าและตอนเย็น แม่บอกว่ามันช่วยฆ่าฤทธิ์ยาที่ฉันแพ้ แม่ยังเอาใบย่านางผงที่ฉันซื้อติดบ้านไว้ตลอดมา ชงให้ฉันกินด้วย ส่วนเธอก็ต้มใบรางจืดที่งอกงามอยู่ในรั้วบ้านของเราตรงกอไม้ไผ่ให้ฉันกินแทนน้ำ เธอบอกมันคงช่วยเรื่องดับพิษ ทำให้อาการเจ็บที่หัวใจตลอดเวลาของฉันลดลง
มาลำ
เช้าแล้ว วันนี้ ฉันนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน สิบกว่าวันแล้วที่ฉันนอนไม่หลับ ทั้งที่พยายามข่มตานอน ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะนอนไม่หลับได้เป็นเวลานาน ฉันนึกถึงคนไข้โรคจิตที่ฉันเคยพบ บางคนต้องกินยานอนหลับตลอดเวลาเพราะอาการที่ไม่นอน ฉันรู้สึกเหมือนออกเดินไปกลางทะเลทรายที่แห้งผากและร้อนระอุ เนื้อตัวหน้าตาฉันเต็มไปด้วยรอยแผลสีคล้ำ อาการเจ็บที่หัวใจแปลบปลาบตลอดเวลา ฉันได้แต่สมเพชสังขารอันน่าเวทนาของฉัน
มาลำ
ฉันนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลครบสิบวันแล้ว แม่ยังเป็นคนทำอาหารเจให้ฉันกินทุกวัน กลางวันแม่จะเป็นคนที่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่โรงพยาบาล เธอจะกลับบ้านไปทำงานหลังส่งเทวดาน้อยไปโรงเรียนแล้ว ตกเย็นหลังไปรับเทวดาน้อยจากโรงเรียนแล้ว เธอจะไปส่งแม่ที่บ้านเพื่อให้แม่นอนเป็นเพื่อนหลานสาวของฉัน กิจกรรมของเธอวนเวียนอย่างนี้ตลอดทั้งสิบวันที่ผ่านมา
มาลำ
ฉันนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มองหน้าเธอที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียง แม่กลับไปบ้านเพื่อทำกับข้าวมาให้ฉันที่โรงพยาบาล แผลพุพองที่หัวและ หน้าของฉันเริ่มแห้งลง อาการเจ็บหน้าอกยังแปลบปลาบอยู่ตลอดเวลา ฉันบอกหมอว่า ฉันไม่อยากได้น้ำเกลือ ฉันจะพยายามกินน้ำ กินข้าวเอง ปากที่พองเจ่อของฉันยังเต็มไปด้วยเลือด ฉันจึงกลืนอะไรได้ลำบาก
มาลำ
เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้มีโอกาสมานอนที่บ้านของฉัน ตอนค่ำมีพิธีส่งตัวเข้าหอ แม่และพ่อนั่งอยู่ข้างๆฉัน ลุงผู้ใหญ่ที่แม่เคารพมาเป็นคนส่งตัวเราทั้งสอง ลุงเริ่มต้นการส่งตัวด้วยคำกลอนที่บอกถึงการอยู่ร่วมกันของคนสองคน ลุงคุยกับเราทุกเรื่อง ถ้อยคำที่ลุงใช้เป็นคำที่กินใจ สนุก บางคำทำให้น้ำตารื้น
มาลำ
หลังฉันกลับจากเกาะ แม่มาหาฉันที่แฟลต แม่บอกว่ามีเรื่องมาปรึกษาฉัน ฉันนอนมองหน้าแม่อยู่บนเตียงหลังลงเวรดึกมา ฉันนอนฟัง แม่เล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ให้ฟังแล้วบอกฉันว่า มีผู้ชายส่งแม่ของเขามาสู่ขอฉัน เป็นคนที่ฉันเคยรู้จัก ถ้าฉันตอบตกลง เขาจะจัดงานแต่งงานเลย ฉันลุกขึ้นมานั่งอย่างอัตโนมัติด้วยความตกใจ มีคนอย่างนี้ในโลกหรือแม่ คนที่ไม่ได้รักกัน ไม่ได้เรียนรู้กันต้องมาอยู่ด้วยกัน แม่หัวเราะ ก็แม่ไงลูก ตอนที่ย่ามาขอแม่ให้พ่อนั้น แม่และพ่อเคยเห็นกันเพียงครั้งเดียว แม่รู้แต่ว่าพ่อหน้าตาเหมือนเด็กดื้อๆ แล้วแม่ก็แต่งงานกับพ่อ
มาลำ
เธอหายไปนาน จนวันหนึ่งเสียงเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มา ไปเที่ยวเกาะกันไหม เธอถามฉัน ฉันหัวเราะ ถามเธอกลับไป จะหลอกฉันไปปล่อยเกาะหรือเปล่า เธอหัวเราะแล้วบอกว่า ไม่หลอกนะ เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าไม่เคยคิดที่จะหลอกฉัน เธอจะไปเขียนหนังสือที่เกาะ ไปส่งเธอหน่อยนะ รุ่นพี่จากปัตตานีเป็นหัวหน้าอุทยานอยู่ที่นั่น มีบ้านพักว่างอยู่หนึ่งหลัง เป็นเกาะในจังหวัดระยอง ชื่อเกาะมันใน อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ไปดูกันไหม
มาลำ
เธอกลายเป็นนักเขียนเต็มตัว เธอลาออกจากงานหนังสือเสียงภูเขาเพื่อเป็นนักเขียนเพียงอย่างเดียว ยอมรับความลำบากทุกอย่างที่ประเดประดังเข้ามาเป็นความทุกข์ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความยากไร้ ความอดอยาก ความปวดร้าวจากแรงบีบคั้นจากครอบครัวด้วยเธอเป็นลูกชายคนโตที่เลือกทางทุกข์ หนทางก้าวเดินมืดมน ว้าเหว่โดดเดี่ยว เดียวดาย
มาลำ
เธอออกเดินทางเร่ร่อนในกรุงเทพ ไปนอนที่บ้านของน้องชายคนที่เธอรักและสนิทด้วยมากๆ เป็นน้องชายที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ร่วมทำหนังสือเลโคลนจุลสาร ทำให้รักและผูกพันกันมาก  ไปนอนตามผับของเพื่อนนักดนตรี  ห้องแคบและร้อนอบอ้าว ใช้เวลาแต่ละวันอย่างอดทน  เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง เหมือนชีวิตต้องขับเคี่ยวให้ผ่านไปในแต่ละวัน  เธอปวดร้าวกับสิ่งแสวงหาและความฝัน แต่เธอไม่ท้อถอย เธอสู้ต่อ แล้วเธอก็แต่งเพลงชื่อเพลง หมาจร   เธอร้องให้ฉันฟังทางโทรศัพท์
มาลำ
ฉันเรียนจบจากที่นี่อย่างมีความสุข เพื่อนฉันกลายเป็นนักพูดดีเด่นไปจริงๆ เพื่อนบอกว่า ค้นเจอแล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตคืออะไร เพื่อนไปพูดตามที่ต่างๆอย่างเชื่อมั่นและมีความสุข
มาลำ
หอพักมีทั้งหมดสิบชั้น ห้องสมุดอยู่ชั้นล่างสุด เปิดจนถึงสี่ทุ่ม ที่นั่นเป็นที่หมกตัวของฉันเช่นเคย ฉันอ่านหนังสือจนหมดทุกเล่มที่มีในห้องสมุด วนเวียนอ่านซ้ำไปซ้ำมาในบางเล่ม อาจารย์ที่ดูแลหอพักใจดีจะเปิดหอให้พาใครมาก็ได้มาร่วมปาร์ตี้ในคืนไฟรไนท์ หรือคืนวันศุกร์ของก่อนปิดเทอม จำได้ว่า มีวงดนตรีมาเล่นชื่อวงดิอินโนเซนท์ เล่นเพลงสนุกและเพราะพริ้งให้พวกเราเต้นกันทั้งคืนจนเกือบสว่าง