Skip to main content

พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน

เด็กๆต่างเล่นกันสนุกสนาน พี่สาวและพี่ชาย เคยไปชะโงกดูฉันเลี้ยงเจ้าเทวดาน้อยในรถแคริบเบียนสีดำที่ชื่อลีออง ฉันบอกพี่ทั้งสองว่าอายจัง รถมันรกมากๆ พี่หัวเราะบอก อายทำไมเล่า มันก็รกกันทั้งนั้น ก็บนรถทั้งคัน มันเต็มไปด้วยของใช้เด็กๆที่จำเป็นทั้งนั้น ฉันนั้นเป็นที่รู้กันทุกคนในบรรดาพี่น้องว่า เป็นบ้าหอบฟางตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกคนล้วนคุ้นชินกับการหอบของของฉันจนเลิกพูดถึงแล้ว ต่างส่ายหน้ากับความเพียรในการพกพาของฉัน ยิ่งมีลูก ของยิ่งทวีคูณ

เราต่างโฉบกันไป โฉบกันมา ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันมากนัก ฉันได้ข่าวลูกสาวพี่ต้องผ่าตัดหัวใจ อยากไปเยี่ยมใจแทบขาด แต่ฉันกลัวจะไปปล่อยโฮที่โรงพยาบาล เพราะฉันอ่านเรื่องราวที่พี่เขียนถึงลูกตั้งแต่ไหนแต่ไร จำได้ว่าฉันร้องไห้ตลอด ฉันจึงได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวของพี่หายวันหายคืน หลังจากที่ลูกสาวพี่ออกจากโรงพยาบาลพี่เขียนเรื่องของการผ่าตัดหัวใจและความทุกข์ทรมานของลูกหลังการผ่าตัด ฉันอ่านแล้วร้องไห้จนตาบวม

สงสารลูกสาวของพี่เหลือเกิน แต่ใครหนอจะรู้ว่า วันคืนอย่างนั้นจะมาถึงคนอย่างฉันอย่างไม่คาดคิด มันโหดร้ายเกินกว่าจะรับมือกับมันไหว ฉันจำได้ว่า น้องๆ ที่ร้านเล่า น้องที่ฉันรักและฝากดูแลนางฟ้าเสมอมา ต่างร้องไห้กันระงมห้องไอซียูไปหมด เมื่อเห็นหมอปั๊มหัวใจนางฟ้าของฉัน ทุกคนต่างช็อค ตกตะลึงและเจ็บปวด ทั้งหมอ ทั้งพยาบาลต่างช่วยกัน เพราะเธอเป็นเด็กในโรงพยาบาลเหมือนกัน เธอเดินในโรงพยาบาลมาตั้งแต่เล็กๆ มีน้องมีพี่ช่วยกันเลี้ยงดูแล ใครๆคงไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้หรอก แต่จะทำอย่างไรได้เล่า มันเกิดขึ้นแล้ว

พี่มากันทั้งครอบครัวเหมือนเคย รอฉันอยู่ที่ศาลาวัดสวนดอกทันที่รู้ข่าว ทันทีที่ฉันลงจากรถพร้อมร่างไร้วิญญาณของนางฟ้า พี่วิ่งมาหาฉันแล้วส่งเสียง กล้วยเอ๋ย น้องเอ๋ย โถโถ ฉันฟุบลงไปบนตักพี่ปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มกลั้น ทั้งที่วันนี้ฉันร้องไห้ทั้งวันจนเป็นลมครั้งแล้วครั้งเล่า พี่จ๋า ช่วยน้องด้วยเถิด พี่คนดี ฉันพร่ำวอนบอกพี่ พี่บอกโถ พี่ไม่ไปไหนหรอกคนดีจะอยู่เคียงข้าง ลูกต้องการแม่นะน้องรัก บอกลูกให้ละห่วงนะจะได้ส่งลูกขึ้นสวรรค์ได้ บอกลูกนะ ในหูฉันได้ยินเสียงลูกร้องเรียกตลอดเวลา เหมือนเขานั่งอยู่ข้างตัวตลอด ไม่ได้หายไปไหนเลย พี่จ๋า เขาอยู่ข้างๆฉันนี่แหละพี่

หลังพระสวดแล้ว พี่สาว พี่ชาย ลูกสาว ลูกชายให้ฉันขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่บ้านเช่าของน้องๆร้านเล่า หลังวัดสวนดอก เหมือนฟ้าลิขิตไว้อย่างนั้น ให้รับโทษทัณฑ์โดยไร้เมตตา หลังขึ้นรถ ฉันคร่ำครวญหาลูก ลูกเอ๋ย แม่จะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร หัวใจแม่แหลกสลายแล้วคนดี ลูกเอ๋ย ลูก แล้วมีมือเล็กๆ ของลูกชายพี่มาจับมือฉันไว้ เขานั่งอยู่ข้างๆนี่เอง เขาจับมือฉันไว้แน่น เพราะเด็กสองคนนี้เคยเล่นด้วยกันมาตลอด เขาดูตกใจ เจ็บปวดและเสียขวัญ หากแต่พยายามปลอบฉันด้วยการบีบมือไว้ให้กำลังใจ

ถึงบ้านเช่า พี่เอายานอนหลับใส่ปากฉัน ในขณะที่สามีฉันนั่งร้องไห้คร่ำครวญถึงลูกเหมือนคนเสียสติ สามีรักลูกมากจนรับมือกับความเจ็บปวดไม่ไหว เขาพร่ำด่าสวรรค์ที่พรากลูกสาวไป เขานั่งอยู่เพ้ออยู่อย่างนั้น ทั้งคืน

ฉันหลับไป จนใกล้สว่างได้ยินนางฟ้าเรียก คุณแม่ขา ฉันสะดุ้งตื่น คว้าเทวดาน้อยที่นอนอยู่ใกล้ตัวมากอด พลิกไปหานางฟ้าตามเสียงเรียก ไม่มีเงาเขา ฉันจึงนึกได้ว่าเขาไม่อยู่แล้ว น้ำตาฉันไหลพรากออกมาทันที เจ้าเทวดาน้อยของฉันเริ่มส่งเสียงร้องไห้อีกแล้ว ทั้งที่เมื่อวานเขาร้องไห้ทั้งวันและไม่รู้ว่า พ่อกับแม่เป็นอะไรทำไมไม่อุ้มเขา ลงไปนอนอยู่ที่พื้นกันทำไมหนอ พ่อจ๋าแม่จ๋า

พี่มาตั้งแต่เช้า มาช่วยกันทำการงานให้ลุล่วง น้องๆช่วยทำรถดอกไม้ไปส่งนางฟ้า กล่องไม้ที่ลูกนอน หัวหน้าตึกฉันซื้อให้ เธอรักนางฟ้าของฉันมาก เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก ตอนที่เอานางฟ้ามารอที่ห้องรอญาติมารับร่างกาย เธอเดินตามหลังฉันมาแล้วบอกให้เข้มแข็ง มีสติเข้าไว้นะ

น้องๆหาดอกไม้สีขาวมาประดับกล่องไม้จนสวยงามจับใจ เด็กหญิงพอวา แปลว่าดอกไม้สีขาว น้องไปกว้านซื้อดอกไม้ขาวมาทำให้ แม้ทุกคนจะเก็บงำความทุกข์ไว้ไม่มิด แต่ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สั่งอาหารมาเลี้ยงคนที่ฟังเทศน์ หาน้ำปาณะให้พระหลังสวดเสร็จ รับแขก คอยดูแลไม่ห่าง ทุกอย่างเหล่านี้ ได้พี่และน้องเท่านั้น ลำพังฉันกับสามี แค่ลืมตายังลำบาก

พี่อยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา คอยปลอบใจ คอยคะยั้นคะยอให้กินข้าว คอยถามไถ่ ทั้งที่ฉันร้องไห้ตลอดเวลา พี่ยิ่งเวทนาฉัน กล้วยเอ๋ย น้องน้อย พี่พร่ำรำพันเมื่อเห็นฉันไม่กินไม่นอน

ขบวนรถดอกไม้สีขาว ส่งนางฟ้าไปสวรรค์ ออกจากวัดสวนดอกไปที่สุสานหลิ่งห้า พ่อแม่พี่น้องของฉันมากันครบถ้วน โดยเฉพาะพี่สาวที่เคยมารับนางฟ้าตอนปิดเทอมไปเล่นที่บ้านคุณตา คุณยาย เธอรักนางฟ้ามาก เราต่างร้องไห้คร่ำครวญ เธอกอดฉันไว้แน่น

ถ้าไม่มีเจ้าเทวดาน้อยในอ้อมแขน ฉันคงกระโดดลงไปในกองไฟพร้อมนางฟ้าของฉันแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร นางฟ้าเป็นทั้งความรัก ความฝัน และเป็นชีวิตของฉัน ทางที่ฉันเลือกเดิน แม้จะทุกข์ยาก แต่นางฟ้าจะเฝ้าคอยปลอบใจ ร้องเพลงให้ฉันฟังเวลาที่ฉันทุกข์มากและเหนื่อยล้า เธอจะคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

ชีวิตเอ๋ย ช่างโหดร้ายนัก ฉันไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้ว พ่อของนางฟ้า ดวงตาเป็นสีแดงกล่ำตลอดทั้งวันทั้งคืน เขาหายตัวไปทั้งคืน กลับมาตอนใกล้สว่าง บอกไปนั่งข้างถนนมา ดูรถ ดูผู้คนเคลื่อนไหว เพื่อให้ผ่านไปในแต่ละคืน กลางวันเขาไม่พูด ไม่สบตากับใคร น่าสงสารนัก

พี่มาหาฉันทุกวัน เพียรเอาม้าโยกมาให้เทวดาน้อย เอาของเล่นมาให้ด้วยเวทนา นับจากวันนั้นมา ฉันป่วยทั้งทางกายและใจ ฉันไม่เหลือความเพียรที่จะต่อสู้กับอะไรอีก ฉันยอมแพ้หมดทุกทาง พี่บอกฉันว่าอยู่ต่อไปให้ได้นะ น้องรัก เพื่อเจ้าเทวดาน้อยนะ เพื่อลูก เวทนาเขาเถอะ ท่องไว้เพื่อลูก เพราะคำของพี่ ฉันจึงลุกมาดูแลเทวดาน้อยบ้าง เขาช่างน่าสงสารเสียจนฉันต้องร้องไห้ เขายังไร้เดียงสา นั่งโยกตัวบนม้าโยกของพี่ส่งเสียงหัวเราะ เด็กเอ๋ย

แล้วพี่ก็เอาเจ้าเทวดาน้อยของฉันไปเลี้ยงให้ตั้งแต่ยังไม่ครบสองขวบ เถอะมันเป็นหลานพี่ พี่เลี้ยงให้ พี่คงเวทนาฉันจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี โรงเรียนอนุบาลหมีน้อยของพี่จึงได้ชุบชีวิตใหม่ให้เทวดาน้อย เขานั่งประดิษฐ์ วาดรูปทั้งวัน ชอบระบายสีและมีสมาธิมาก เขาทำอย่างนั้นมาจนโตแปดขวบ ทำเหมือนเดิมที่เคยอยู่อนุบาลหมีน้อย

เมื่อฉันย้ายบ้านออกไปอยู่บ้านเช่าหน้าโรงพยาบาล บ้านหลังนั้นยิ่งดูเหงาและรกร้าง แม้หัวใจเราเหวอะหวะเต็มไปด้วยแผล แต่มันมีบรรยากาศท้องทุ่งอยู่ พ่อเขาชอบเอาเทวดาน้อยซ้อนท้ายจักรยานและปั่นไปดูทุ่งยามเย็น

พี่เพียรมาหาเราที่บ้านหลังนั้น หาเรื่องตลกมาเล่าให้เราหัวเราะ เอาบันไดไม้สวยงามมาให้ไว้คอยกั้นไม่ให้เทวดาน้อยตก

ถึงวันเกิดนางฟ้าทุกปีเรามีนัดกัน แม้ว่าต่างคนพยายามกล้ำกลืนทุกข์ เราจะกินข้าวกัน คุยกันไป พี่จะงัดเรื่องตลกออกมาเพื่อให้ฉันและสามีหัวเราะ ปีนั้นน้องสาวร้านเล่าเมามายหนักลุกออกมาเต้นแล้วร้องไห้คร่ำครวญหานางฟ้า เธอบังคับให้ทุกคนเต้นแบบเสียสติ ร้องไห้ไปเต้นไป บังคับให้พ่อของนางฟ้า ร้องเพลงลูกสาวทะเลให้ฟังอยู่นั่นแล้ว บังคับให้พี่และพี่ชายออกมาเต้น พี่บ่นอะไรวะ บ้าจริงๆ แต่ก็ยอมเต้นแบบไม่มีเงื่อนไข แม้แต่ลุงแสงดาวก็เต้นเพราะถูกขอร้องจากเธอ เราต่างหน้าเศร้าไปตามๆกัน เธอไปเมาต่อที่บ้านสวนดอก หลังกลับไปตอนดึกมากแล้ว ขากลับของเธอทุลักทุเลสิ้นดี

เวลาที่ฉันทุกข์มากๆ ฉันจะนั่งลงเขียนจดหมายหาพี่ ฉันเขียนไปร้องไห้ไป พร่ำขอบคุณพี่ที่ดูแลฉันเสมอมา พี่นั่งอยู่กลางใจฉันจริง พี่เหมือนแม่พระผู้เมตตาคนตกทุกข์ คอยปลอบประโลมฉัน พี่ชายก็เช่นกัน เขาพยายามที่จะอยู่เป็นเพื่อนพ่อของนางฟ้าเสมอ พ่อของนางฟ้าเขียนคำอุทิศในหนังสือของเขาเล่มหนึ่งว่า แด่พี่สาวและพี่ชายผู้เป็นสนามหญ้าในชีวิตจริง

ลูกสาวและลูกชายของพี่ก็เช่นกัน ลูกสาวของพี่เขียนจดหมายส่งมาจากเมืองนอกมาให้กำลังใจฉัน เขียนอย่างหัวใจที่บริสุทธิ์งดงาม ฉันอ่านแล้วร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่หลายวัน ใส่มันไว้ในกระเป๋าสตางค์ ทุกครั้งที่หยิบออกมาอ่าน ฉันจะนั่งเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย และฉันซาบซึ้งใจเสมอ

ลูกชายของพี่จะดูแลเทวดาน้อยของฉัน สอนเบ่งกล้าม คอยดูแลเวลาที่เราพบกัน เทวดาน้อยของฉันจะรับวิชาที่ลูกชายของพี่ถ่ายทอดมาอย่างสนอกสนใจยิ่ง เขาสองคนสนิทกัน ตั้งแต่เทวดาน้อยเพิ่งคลอด จนถึงอนุบาลหมีน้อย ลูกชายพี่จะเคลียคลอเทวดาน้อยไม่เคยห่าง เวลาฉันอาบน้ำให้เทวดาน้อย เขาคอยถามว่า เขามีกล้ามเท่าลูกชายพี่หรือยัง มันทำให้ฉันหัวเราะก๊าก เพราะเขาผอมลีบเสียขนาดนั้น กล้ามที่ไหนจะมาเล่า

งานอาลัยอารงค์ วงษ์สวรรค์ พี่เป็นแม่งานคู่กับอีกสามออ คือ พี่แอ๊ด สุนทรี พี่อ้อม แม่น้องข่าว น้องโอ ไม้จัตวา งานมีสีสัน งดงามเหมือนภาพวาดของจิตรกรเอก ติดตรึงใจคน เพราะอาเป็นที่รักของทุกคนเสมอ พี่ดูเหนื่อยมาก พี่ชาย ลูกสาว ลูกชาย มาพร้อมกันทุกคืน ตั้งรับและเตรียมพร้อม

มีน้องบางคนบอกพี่ไฮเปอร์ ฉันหัวเราะ โถ ขนาดคนดีๆเหนื่อยเข้ามากๆ ยังเป๋เลย แล้วคนเพี้ยนๆ อย่างพวกเรา จะไม่เป๋ได้อย่างไร อาทำให้พวกผมยาว รกรุงรังมีค่า มีภาพพจน์ที่ดีงามขึ้นมาได้ ฉันอยากขอบคุณอาเหลือเกินที่ยกระดับพวกเราขึ้นมา ดูในงานสิ สารรูปแต่ละคนดูไม่ได้เลย รวมทั้งฉัน แต่ทุกคนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและงานศิลป์ เราต่างนั่งทักทายพูดคุยกันอยู่อย่างนั้น เพื่อให้กำลังใจกัน อาช่างเมตตาต่อพวกเราเสมอ แม้นาทีที่อาไม่อยู่แล้ว

พี่ขับรถโฟล์คเต่าคันสีดำของพี่ ให้ฉัน หลานสาวและเทวดาน้อยนั่งไปกินก๋วยเตี่ยวเจ้าดังแถวๆหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ รถไม่มีแอร์หรอก ฉันก็ว่าดี เพราะชอบรถเต่ามาก แต่โอ้พระเจ้า วันนั้นตอนเที่ยงวัน แดดมันแผดเผาพวกเราที่นั่งกันอยู่ในรถพี่เหงื่อไหลพรากชุ่มตัว ไม่มีใครบ่นเลย มีแต่เพียงพี่เปรย ร้อนจริงๆ

ฉันก็บ่นให้พี่ฟังว่า คอมพิวเตอร์ของสามีฉันเสียตั้งแต่น้ำท่วมเมื่อคราวนั้นที่บ้านเช่า เขาเลยยึดคอมพิวเตอร์ของฉันไปเลย ที่จริงมันเป็นของน้องร้านเล่าคนที่รักนางฟ้าของฉันสุดหัวใจ ที่อยากเห็นฉันเขียนหนังสือ เธอบอกอยากมีส่วนในงานเขียนของฉันบ้างเท่านั้น เธอจึงยกคอมพิวเตอร์ของเธอมาให้ฉันฟรีๆ ฉันซาบซึ้งใจนัก

แล้วฉันก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ ฉันต้องผ่อนสักตัวแล้วหล่ะ ฉันเปรยกับพี่ตามประสา เพราะฉันชอบที่คุยกับพี่ได้ทุกเรื่องเสมอ พี่สอนวิชาการอยู่ในสังคมให้ได้อย่างไม่เสียสมดุลย์ และสง่างามให้ฉัน บางคราวฉันถึงกับอึ้งไปเลย พี่ช่างฉลาดและมีวิธีการที่แยบยลเสมอ พี่บอกต้องมาจากใจที่ปราศจากการเกลียดชัง ใจที่สว่างเท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นได้

พี่ฟังฉันพูดแล้วบอกว่า โอ้ น้องรัก พี่มีโน๊ตบุ๊คอยู่หนึ่งตัวพี่ยกให้เธอเลย ไม่ต้องคืนพี่แล้ว พี่ให้เธอทำงาน เขียนหนังสือดีๆออกมาให้พี่อ่าน ฉันถึงกับร้องไห้ออกมา พี่ที่รัก วันก่อนในงานอาวันแรกที่พี่เจอฉัน พี่เห็นฉันหน้าดำเกรียม ผอมและเหมือนคนป่วย พี่อุทานว่า กล้วยเอ๋ย ทำงานขึ้นเวรหนักไปหรือเปล่า ฉันยิ้ม แล้วเธอก็เอาจดหมายใส่กระเป๋าให้ฉันบอกว่าเขียนจดหมายถึงฉันเอามาให้ด้วย ระหว่างรอสามีกลับบ้านด้วยกัน ฉันเปิดจดหมายออกอ่าน พี่เขียนไว้ว่า

กล้วย
น้องไม่รู้ว่าพี่รักน้องแค่ไหนตังค์นี้เอาไปจ้างคนอยู่เวร
รักมากๆ
พี่อุ๋ม
20 มึ.ค.52
ฉันอ่านแล้วนั่งร้องไห้เหมือนเสียสติอยู่ในรถ โถพี่ที่รัก พี่จ๋า คนดีของน้อง ขอบคุณพี่เหลือเกิน มันทำให้ฉันกลับไปเขียนจดหมายหาพี่แล้วเอาเงินที่พี่แนบมาใส่ซองคืน มันเป็นเงินหลายพัน และฉันรู้แล้วว่า พี่รักฉันมากมายแค่ไหน พี่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลพี่บ้างในยามที่พี่ทุกข์ใจ ฉันอยากให้พี่ได้รับสิ่งดีๆตอบแทนการเป็นคนดีของพี่เหลือเกิน

ฉันป่วยคราวนี้ พี่และพี่ชาย ไปเยี่ยมฉันในโรงพยาบาล พี่บอกว่าไปทำบุญมา ยกบุญกุศลทั้งหมดให้ฉัน อยากให้ฉันหายเสียที พี่บอกตอนไปบาหลีคราวที่แล้ว เธอนั่งเขียนบันทึกถึงฉันแล้วร้องไห้จนพี่ชายและลูกสาวมาปลอบ เธอบอกสงสารฉันเหลือเกิน ฉันช่างกล้าหาญที่จะมีชีวิตอยู่ ทั้งที่ซากชีวิตของฉันมันยับเยินไปหมดแล้ว

ก่อนจะกลับพี่ยังบอกว่าหายเร็วๆนะ พี่อยากให้เธอหายวันหายคืน แล้วพี่ก็เดินออกไปจากห้อง


พี่สาวที่รัก แม่ดอกไม้หอมที่สุดในโลกของฉัน ผู้หญิงน้ำใจงามอย่างพี่นั้น เป็นถึงนางฟ้าบนสวรรค์ แต่พี่เลือกที่จะมาเดินอยู่บนดิน แผ่ส่วนบุญของพี่ให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า พี่จ๋า ฉันรักพี่เหลือเกิน ความรักมันมาจากส่วนไหนหนอ ทำไมมันท่วมท้นเนืองนอง ล้นอยู่ในอกนี้ ขอส่งใจและความรักทั้งหมดที่มีให้พี่สาวของฉันให้เธอได้สุขเกษม สำราญบนโลกมนุษย์นี้จากผลบุญที่เธอเพียรสร้างตลอดมา

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.amarinpocketbook.com/UserFiles/Image/Amarin%20Sawasdee/AS1_09varelada.jpg

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง
มาลำ
พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน
มาลำ
ตอนเด็กๆ ฉันเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ ขี้โกรธ เอาแต่ใจตัวเอง สกปรก ชอบเกี่ยงงานให้พี่สาวทำงานหนักจนตัวแคระแกร็น ส่วนตัวชอบหนีเที่ยว ไปเก็บเห็ดบ้าง ไปตกปลาบ้าง ทั้งที่รู้ว่า กลับมาบ้านแม่จะตีฉันจนยับเยิน หากแต่ฉันไม่เคยนึกกลัว เจ็บแล้วหายวันรุ่งขึ้นไปใหม่
มาลำ
ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้
มาลำ
ศรีตรังคลี่กลีบสีม่วงสวยออกมาแย้มยิ้ม  ทักทายสายลมร้อน เฉลา อินทนิล โบกกลีบ มาถึงแล้วสีม่วงสุดสวย ละมุนละไม แดดร้อนตอนเที่ยงวัน เนื้อตัวเหมือนแสบไหม้ ไอร้อนจากถนนโชยมา ฉันก้มหน้าก้มตาเดิน หาต้นไม้ในหัวใจสักต้น โน่นไง ฉันก้าวเท้าเข้าไปหา ไฮเดรนเยียสีโปรดของฉัน สีม่วงครามกำลังบาน บ่ายแล้ว ผู้หญิงหน้าตาไหม้เกรียมกำลังหอบต้นไม้ออกดอกสีม่วงขึ้นรถมุ่งตรงไปวัด
มาลำ
บ้านของย่าอยู่ริมฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้ยกสูง เวลาเดินแผ่นไม้ในบ้านส่งเสียงดังตามจังหวะการเดิน ย่าคอยบอก เดินค่อยๆนะลูก ย่องๆเดินนะทำเป็นไหม จะได้ไม่มีเสียงดัง ย่าชอบทำขนม ที่บ้านย่าจึงมีหลานๆเต็มบ้าน  ลูกๆของน้าชาย น้าสาวและพี่น้องของฉันอีกหกคน หนึ่งในเด็กหลายคนนั้น มีอยู่คนเดียวที่เป็นเหตุผลของการขอแม่ไปนอนบ้านย่าของฉัน เขาเป็นลูกของน้าสาว อายุเท่าฉัน ตัวโต ผิวคล้ำ ดวงตาเขาเศร้า ท่าทีเงียบขรึม   เขาว่ายน้ำเก่ง จับปลาได้คล่องแคล่ว   ไม่มีท่าทีรำคาญที่พี่สาวอย่างฉัน คอยเดินตามเขา คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา ฉันติดเขาแจจนย่าออกปาก ระวังนะ เหาบนหัวจะกระโดดมาหากัน…
มาลำ
น้ำในคลองวังหยีสีเขียวเข้ม ชื่อคลองวังหยีเพราะมีต้นหยีต้นใหญ่อยู่ริมฝั่ง เป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่านทุ่งนากว้างใหญ่ของหมู่บ้าน น้ำจะไหลเชี่ยวและกัดเซาะทุกอย่างที่ขวางหน้า ก่อนจะไหลข้ามสะพาน น้ำจะไหลเอื่อยลงไปในแอ่งลึกที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเรียกว่าวัง น้ำในวังจะสีเขียวเข้มกว่าส่วนอื่น เพราะความลึกของมัน แค่เพ่งมองฉันก็นึกกลัวขึ้นมา ยิ่งแว่วเสียงคนบอกเล่า มีผีพรายอยู่ในวังด้วยนะ ผีพรายเป็นผู้หญิงผมยาวที่เฝ้าอยู่ในวัง เวลาเล่นน้ำระวังเถิดมันจะมาดึงขาลากลงไปอยู่ในวังด้วยกัน ฉันกลัวจนตัวสั่น ทำให้ฉันต้องลืมตาทุกครั้งเวลาดำน้ำ หลังไปช่วยแม่เก็บน้ำยางที่สวน…
มาลำ
  หนังสือชื่อ ผมเป็นมะเร็งอายุ 5 ขวบ วางอยู่บนโต๊ะของฉันมานาน ฉันทำได้แค่มองผ่าน ทั้งที่อยากจะเปิดอ่านเหลือเกิน ฉันชอบอ่านหนังสือเพราะโลกของฉันมันแสนเศร้า เวลาที่ปวดร้าวฉันต้องนั่งลงเปิดหนังสือแล้วทุ่มตัวลงอ่าน อ่านเหมือนคนที่ไม่เคยได้อ่านมาตลอดชีวิต นึกถึงคำของแม่เวลาที่ฉันช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ฉันช่วยแม่ตำน้ำพริก แม่จะโวยวายใส่ฉันทุกครั้งที่ฉันวางหนังสือไว้ข้างตัว แม่บอกว่าเลิกอ่านก่อน ทำงานให้แม่เสร็จก่อน ฉันหัวเราะแล้วหยิบเอากระดาษห่อของยกขึ้นมาอ่าน ตำน้ำพริกไปด้วยสำหรับหนังสือเล่มนี้ของฉัน แค่มองเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ที่นอนชูสองนิ้วยิ้มหวานปากแดงแล้วบอกว่า…
มาลำ
  น้องรัก ไปสู่ความสงบที่สุดนะ เวลาของเธอมาถึง  เธอผ่านพ้นความทรมานแล้ว  แม้เรายังไม่ได้พบกัน เสียงเพลงของเธอยังดังกังวานให้ฉันได้ยิน ถ้อยคำที่เธอพูดยังดังแว่วอยู่ในหู เสียงเธอที่สดใสหลังฟังเพลงด้วยกันยังดังอยู่ แม้มือของฉันเอื้อมไปไม่ถึงเธอ  เราจากกันเสียแล้ว    ทำไมหนอชีวิตได้โหดร้ายนัก เธออายุสี่สิบปีเท่านั้นเอง ...........................                                     …
มาลำ
เสียงเธอดังแว่วแผ่วมาตามสาย อยู่โรงพยาบาลครับพี่ ท้องบวมแล้วเหนื่อยมาก หมอให้นอนให้น้ำเกลือ เหนื่อยครับเหนื่อยจัง เธอพูดเหมือนเพ้อ ฟังไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน บางตอนเหมือนคนไข้ที่กำลังแย่แล้วเสียงหอบหายใจแรงดังเข้ามาในสาย ฉันตกใจ ละล้าละลัง ฟังเธอพูดแล้วนึกอยากไปให้ถึงตัวเธอในเดี๋ยวนั้น เธอยื่นหูโทรศัพท์ไปให้แม่ของเธอที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง หลังจากที่เธอพูดสลับหอบให้ฉันฟังอยู่นาน ฉันจึงได้รู้ว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี แม่บอกว่าหมอจำหน่ายแล้ว ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจ ถามกลับแม่ไปว่า แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไรหล่ะแม่ เธอเหนื่อยออกจะแย่อย่างนั้น แค่ลุกจากเตียง เธอยังลุกไม่ไหวใช่ไหม…
มาลำ
เสียงของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มาในค่ำวันหนึ่ง ผมจะบวชกลางเดือนนี้ครับ โทรมาให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วย ฉันถามเธอว่า บวชนานแค่ไหนเล่า เธอตอบว่า หนึ่งเดือนครับ ฉันบอกเธอว่าดีมากเลยที่ได้มีเวลาอย่างนี้ อย่างน้อยเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วงของชีวิต ฉันอนุโมทนาด้วย ขอให้ใช้วันเวลาในผ้าเหลืองอย่างเป็นสุข หลังจากวันนั้นเสียงเธอหายไป ฉันนึกถึงวันผ่านที่เราเคยโบกรถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ฉันและเพื่อนห้าคนรวมทั้งเธอผู้อาสาเป็นคนนำทาง เราเล่นน้ำในน้ำตกมวกเหล็ก ก่อนจะนั่งรถต่อไปดูฟาร์มโคนม วังตะไคร้ สายลมผ่านเนื้อตัวเย็นชื่น…
มาลำ
ใครจะนึกว่าเธอต้องเดินเข้าไปในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โรงพยาบาลนี้ เธอเคยเดินมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเด็กในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยกับทุกคน เป็นโรงพยาบาลที่ฉันเคยไปฝึกงาน ได้รู้จักกับเธอในครั้งแรกเธอเดินเข้าไปตรวจ เป็นอะไรไม่รู้ครับ มันแน่นๆท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง หมอที่ตรวจก็เป็นหมอรู้จักกัน กดท้องของเธอแล้วบอกเบาๆว่าตับโตมาก เธอกินเหล้ามากเกินไปหรือเปล่า สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม ลดลงบ้างนะ หมอบอกเธอกี่ปีแล้วนะที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอรำพึงหลังปั่นจักรยานกลับบ้าน คำพูดหมอดังแว่วมา สงสัยเป็นตับแข็งนะ ต้องทำอัลตราซาวด์ดูแล้ว วันคืนของเธอกำลังสั้นลงแล้ว…