Skip to main content

พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน

เด็กๆต่างเล่นกันสนุกสนาน พี่สาวและพี่ชาย เคยไปชะโงกดูฉันเลี้ยงเจ้าเทวดาน้อยในรถแคริบเบียนสีดำที่ชื่อลีออง ฉันบอกพี่ทั้งสองว่าอายจัง รถมันรกมากๆ พี่หัวเราะบอก อายทำไมเล่า มันก็รกกันทั้งนั้น ก็บนรถทั้งคัน มันเต็มไปด้วยของใช้เด็กๆที่จำเป็นทั้งนั้น ฉันนั้นเป็นที่รู้กันทุกคนในบรรดาพี่น้องว่า เป็นบ้าหอบฟางตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกคนล้วนคุ้นชินกับการหอบของของฉันจนเลิกพูดถึงแล้ว ต่างส่ายหน้ากับความเพียรในการพกพาของฉัน ยิ่งมีลูก ของยิ่งทวีคูณ

เราต่างโฉบกันไป โฉบกันมา ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันมากนัก ฉันได้ข่าวลูกสาวพี่ต้องผ่าตัดหัวใจ อยากไปเยี่ยมใจแทบขาด แต่ฉันกลัวจะไปปล่อยโฮที่โรงพยาบาล เพราะฉันอ่านเรื่องราวที่พี่เขียนถึงลูกตั้งแต่ไหนแต่ไร จำได้ว่าฉันร้องไห้ตลอด ฉันจึงได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวของพี่หายวันหายคืน หลังจากที่ลูกสาวพี่ออกจากโรงพยาบาลพี่เขียนเรื่องของการผ่าตัดหัวใจและความทุกข์ทรมานของลูกหลังการผ่าตัด ฉันอ่านแล้วร้องไห้จนตาบวม

สงสารลูกสาวของพี่เหลือเกิน แต่ใครหนอจะรู้ว่า วันคืนอย่างนั้นจะมาถึงคนอย่างฉันอย่างไม่คาดคิด มันโหดร้ายเกินกว่าจะรับมือกับมันไหว ฉันจำได้ว่า น้องๆ ที่ร้านเล่า น้องที่ฉันรักและฝากดูแลนางฟ้าเสมอมา ต่างร้องไห้กันระงมห้องไอซียูไปหมด เมื่อเห็นหมอปั๊มหัวใจนางฟ้าของฉัน ทุกคนต่างช็อค ตกตะลึงและเจ็บปวด ทั้งหมอ ทั้งพยาบาลต่างช่วยกัน เพราะเธอเป็นเด็กในโรงพยาบาลเหมือนกัน เธอเดินในโรงพยาบาลมาตั้งแต่เล็กๆ มีน้องมีพี่ช่วยกันเลี้ยงดูแล ใครๆคงไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้หรอก แต่จะทำอย่างไรได้เล่า มันเกิดขึ้นแล้ว

พี่มากันทั้งครอบครัวเหมือนเคย รอฉันอยู่ที่ศาลาวัดสวนดอกทันที่รู้ข่าว ทันทีที่ฉันลงจากรถพร้อมร่างไร้วิญญาณของนางฟ้า พี่วิ่งมาหาฉันแล้วส่งเสียง กล้วยเอ๋ย น้องเอ๋ย โถโถ ฉันฟุบลงไปบนตักพี่ปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มกลั้น ทั้งที่วันนี้ฉันร้องไห้ทั้งวันจนเป็นลมครั้งแล้วครั้งเล่า พี่จ๋า ช่วยน้องด้วยเถิด พี่คนดี ฉันพร่ำวอนบอกพี่ พี่บอกโถ พี่ไม่ไปไหนหรอกคนดีจะอยู่เคียงข้าง ลูกต้องการแม่นะน้องรัก บอกลูกให้ละห่วงนะจะได้ส่งลูกขึ้นสวรรค์ได้ บอกลูกนะ ในหูฉันได้ยินเสียงลูกร้องเรียกตลอดเวลา เหมือนเขานั่งอยู่ข้างตัวตลอด ไม่ได้หายไปไหนเลย พี่จ๋า เขาอยู่ข้างๆฉันนี่แหละพี่

หลังพระสวดแล้ว พี่สาว พี่ชาย ลูกสาว ลูกชายให้ฉันขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่บ้านเช่าของน้องๆร้านเล่า หลังวัดสวนดอก เหมือนฟ้าลิขิตไว้อย่างนั้น ให้รับโทษทัณฑ์โดยไร้เมตตา หลังขึ้นรถ ฉันคร่ำครวญหาลูก ลูกเอ๋ย แม่จะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร หัวใจแม่แหลกสลายแล้วคนดี ลูกเอ๋ย ลูก แล้วมีมือเล็กๆ ของลูกชายพี่มาจับมือฉันไว้ เขานั่งอยู่ข้างๆนี่เอง เขาจับมือฉันไว้แน่น เพราะเด็กสองคนนี้เคยเล่นด้วยกันมาตลอด เขาดูตกใจ เจ็บปวดและเสียขวัญ หากแต่พยายามปลอบฉันด้วยการบีบมือไว้ให้กำลังใจ

ถึงบ้านเช่า พี่เอายานอนหลับใส่ปากฉัน ในขณะที่สามีฉันนั่งร้องไห้คร่ำครวญถึงลูกเหมือนคนเสียสติ สามีรักลูกมากจนรับมือกับความเจ็บปวดไม่ไหว เขาพร่ำด่าสวรรค์ที่พรากลูกสาวไป เขานั่งอยู่เพ้ออยู่อย่างนั้น ทั้งคืน

ฉันหลับไป จนใกล้สว่างได้ยินนางฟ้าเรียก คุณแม่ขา ฉันสะดุ้งตื่น คว้าเทวดาน้อยที่นอนอยู่ใกล้ตัวมากอด พลิกไปหานางฟ้าตามเสียงเรียก ไม่มีเงาเขา ฉันจึงนึกได้ว่าเขาไม่อยู่แล้ว น้ำตาฉันไหลพรากออกมาทันที เจ้าเทวดาน้อยของฉันเริ่มส่งเสียงร้องไห้อีกแล้ว ทั้งที่เมื่อวานเขาร้องไห้ทั้งวันและไม่รู้ว่า พ่อกับแม่เป็นอะไรทำไมไม่อุ้มเขา ลงไปนอนอยู่ที่พื้นกันทำไมหนอ พ่อจ๋าแม่จ๋า

พี่มาตั้งแต่เช้า มาช่วยกันทำการงานให้ลุล่วง น้องๆช่วยทำรถดอกไม้ไปส่งนางฟ้า กล่องไม้ที่ลูกนอน หัวหน้าตึกฉันซื้อให้ เธอรักนางฟ้าของฉันมาก เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก ตอนที่เอานางฟ้ามารอที่ห้องรอญาติมารับร่างกาย เธอเดินตามหลังฉันมาแล้วบอกให้เข้มแข็ง มีสติเข้าไว้นะ

น้องๆหาดอกไม้สีขาวมาประดับกล่องไม้จนสวยงามจับใจ เด็กหญิงพอวา แปลว่าดอกไม้สีขาว น้องไปกว้านซื้อดอกไม้ขาวมาทำให้ แม้ทุกคนจะเก็บงำความทุกข์ไว้ไม่มิด แต่ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สั่งอาหารมาเลี้ยงคนที่ฟังเทศน์ หาน้ำปาณะให้พระหลังสวดเสร็จ รับแขก คอยดูแลไม่ห่าง ทุกอย่างเหล่านี้ ได้พี่และน้องเท่านั้น ลำพังฉันกับสามี แค่ลืมตายังลำบาก

พี่อยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา คอยปลอบใจ คอยคะยั้นคะยอให้กินข้าว คอยถามไถ่ ทั้งที่ฉันร้องไห้ตลอดเวลา พี่ยิ่งเวทนาฉัน กล้วยเอ๋ย น้องน้อย พี่พร่ำรำพันเมื่อเห็นฉันไม่กินไม่นอน

ขบวนรถดอกไม้สีขาว ส่งนางฟ้าไปสวรรค์ ออกจากวัดสวนดอกไปที่สุสานหลิ่งห้า พ่อแม่พี่น้องของฉันมากันครบถ้วน โดยเฉพาะพี่สาวที่เคยมารับนางฟ้าตอนปิดเทอมไปเล่นที่บ้านคุณตา คุณยาย เธอรักนางฟ้ามาก เราต่างร้องไห้คร่ำครวญ เธอกอดฉันไว้แน่น

ถ้าไม่มีเจ้าเทวดาน้อยในอ้อมแขน ฉันคงกระโดดลงไปในกองไฟพร้อมนางฟ้าของฉันแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร นางฟ้าเป็นทั้งความรัก ความฝัน และเป็นชีวิตของฉัน ทางที่ฉันเลือกเดิน แม้จะทุกข์ยาก แต่นางฟ้าจะเฝ้าคอยปลอบใจ ร้องเพลงให้ฉันฟังเวลาที่ฉันทุกข์มากและเหนื่อยล้า เธอจะคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

ชีวิตเอ๋ย ช่างโหดร้ายนัก ฉันไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้ว พ่อของนางฟ้า ดวงตาเป็นสีแดงกล่ำตลอดทั้งวันทั้งคืน เขาหายตัวไปทั้งคืน กลับมาตอนใกล้สว่าง บอกไปนั่งข้างถนนมา ดูรถ ดูผู้คนเคลื่อนไหว เพื่อให้ผ่านไปในแต่ละคืน กลางวันเขาไม่พูด ไม่สบตากับใคร น่าสงสารนัก

พี่มาหาฉันทุกวัน เพียรเอาม้าโยกมาให้เทวดาน้อย เอาของเล่นมาให้ด้วยเวทนา นับจากวันนั้นมา ฉันป่วยทั้งทางกายและใจ ฉันไม่เหลือความเพียรที่จะต่อสู้กับอะไรอีก ฉันยอมแพ้หมดทุกทาง พี่บอกฉันว่าอยู่ต่อไปให้ได้นะ น้องรัก เพื่อเจ้าเทวดาน้อยนะ เพื่อลูก เวทนาเขาเถอะ ท่องไว้เพื่อลูก เพราะคำของพี่ ฉันจึงลุกมาดูแลเทวดาน้อยบ้าง เขาช่างน่าสงสารเสียจนฉันต้องร้องไห้ เขายังไร้เดียงสา นั่งโยกตัวบนม้าโยกของพี่ส่งเสียงหัวเราะ เด็กเอ๋ย

แล้วพี่ก็เอาเจ้าเทวดาน้อยของฉันไปเลี้ยงให้ตั้งแต่ยังไม่ครบสองขวบ เถอะมันเป็นหลานพี่ พี่เลี้ยงให้ พี่คงเวทนาฉันจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี โรงเรียนอนุบาลหมีน้อยของพี่จึงได้ชุบชีวิตใหม่ให้เทวดาน้อย เขานั่งประดิษฐ์ วาดรูปทั้งวัน ชอบระบายสีและมีสมาธิมาก เขาทำอย่างนั้นมาจนโตแปดขวบ ทำเหมือนเดิมที่เคยอยู่อนุบาลหมีน้อย

เมื่อฉันย้ายบ้านออกไปอยู่บ้านเช่าหน้าโรงพยาบาล บ้านหลังนั้นยิ่งดูเหงาและรกร้าง แม้หัวใจเราเหวอะหวะเต็มไปด้วยแผล แต่มันมีบรรยากาศท้องทุ่งอยู่ พ่อเขาชอบเอาเทวดาน้อยซ้อนท้ายจักรยานและปั่นไปดูทุ่งยามเย็น

พี่เพียรมาหาเราที่บ้านหลังนั้น หาเรื่องตลกมาเล่าให้เราหัวเราะ เอาบันไดไม้สวยงามมาให้ไว้คอยกั้นไม่ให้เทวดาน้อยตก

ถึงวันเกิดนางฟ้าทุกปีเรามีนัดกัน แม้ว่าต่างคนพยายามกล้ำกลืนทุกข์ เราจะกินข้าวกัน คุยกันไป พี่จะงัดเรื่องตลกออกมาเพื่อให้ฉันและสามีหัวเราะ ปีนั้นน้องสาวร้านเล่าเมามายหนักลุกออกมาเต้นแล้วร้องไห้คร่ำครวญหานางฟ้า เธอบังคับให้ทุกคนเต้นแบบเสียสติ ร้องไห้ไปเต้นไป บังคับให้พ่อของนางฟ้า ร้องเพลงลูกสาวทะเลให้ฟังอยู่นั่นแล้ว บังคับให้พี่และพี่ชายออกมาเต้น พี่บ่นอะไรวะ บ้าจริงๆ แต่ก็ยอมเต้นแบบไม่มีเงื่อนไข แม้แต่ลุงแสงดาวก็เต้นเพราะถูกขอร้องจากเธอ เราต่างหน้าเศร้าไปตามๆกัน เธอไปเมาต่อที่บ้านสวนดอก หลังกลับไปตอนดึกมากแล้ว ขากลับของเธอทุลักทุเลสิ้นดี

เวลาที่ฉันทุกข์มากๆ ฉันจะนั่งลงเขียนจดหมายหาพี่ ฉันเขียนไปร้องไห้ไป พร่ำขอบคุณพี่ที่ดูแลฉันเสมอมา พี่นั่งอยู่กลางใจฉันจริง พี่เหมือนแม่พระผู้เมตตาคนตกทุกข์ คอยปลอบประโลมฉัน พี่ชายก็เช่นกัน เขาพยายามที่จะอยู่เป็นเพื่อนพ่อของนางฟ้าเสมอ พ่อของนางฟ้าเขียนคำอุทิศในหนังสือของเขาเล่มหนึ่งว่า แด่พี่สาวและพี่ชายผู้เป็นสนามหญ้าในชีวิตจริง

ลูกสาวและลูกชายของพี่ก็เช่นกัน ลูกสาวของพี่เขียนจดหมายส่งมาจากเมืองนอกมาให้กำลังใจฉัน เขียนอย่างหัวใจที่บริสุทธิ์งดงาม ฉันอ่านแล้วร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่หลายวัน ใส่มันไว้ในกระเป๋าสตางค์ ทุกครั้งที่หยิบออกมาอ่าน ฉันจะนั่งเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย และฉันซาบซึ้งใจเสมอ

ลูกชายของพี่จะดูแลเทวดาน้อยของฉัน สอนเบ่งกล้าม คอยดูแลเวลาที่เราพบกัน เทวดาน้อยของฉันจะรับวิชาที่ลูกชายของพี่ถ่ายทอดมาอย่างสนอกสนใจยิ่ง เขาสองคนสนิทกัน ตั้งแต่เทวดาน้อยเพิ่งคลอด จนถึงอนุบาลหมีน้อย ลูกชายพี่จะเคลียคลอเทวดาน้อยไม่เคยห่าง เวลาฉันอาบน้ำให้เทวดาน้อย เขาคอยถามว่า เขามีกล้ามเท่าลูกชายพี่หรือยัง มันทำให้ฉันหัวเราะก๊าก เพราะเขาผอมลีบเสียขนาดนั้น กล้ามที่ไหนจะมาเล่า

งานอาลัยอารงค์ วงษ์สวรรค์ พี่เป็นแม่งานคู่กับอีกสามออ คือ พี่แอ๊ด สุนทรี พี่อ้อม แม่น้องข่าว น้องโอ ไม้จัตวา งานมีสีสัน งดงามเหมือนภาพวาดของจิตรกรเอก ติดตรึงใจคน เพราะอาเป็นที่รักของทุกคนเสมอ พี่ดูเหนื่อยมาก พี่ชาย ลูกสาว ลูกชาย มาพร้อมกันทุกคืน ตั้งรับและเตรียมพร้อม

มีน้องบางคนบอกพี่ไฮเปอร์ ฉันหัวเราะ โถ ขนาดคนดีๆเหนื่อยเข้ามากๆ ยังเป๋เลย แล้วคนเพี้ยนๆ อย่างพวกเรา จะไม่เป๋ได้อย่างไร อาทำให้พวกผมยาว รกรุงรังมีค่า มีภาพพจน์ที่ดีงามขึ้นมาได้ ฉันอยากขอบคุณอาเหลือเกินที่ยกระดับพวกเราขึ้นมา ดูในงานสิ สารรูปแต่ละคนดูไม่ได้เลย รวมทั้งฉัน แต่ทุกคนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและงานศิลป์ เราต่างนั่งทักทายพูดคุยกันอยู่อย่างนั้น เพื่อให้กำลังใจกัน อาช่างเมตตาต่อพวกเราเสมอ แม้นาทีที่อาไม่อยู่แล้ว

พี่ขับรถโฟล์คเต่าคันสีดำของพี่ ให้ฉัน หลานสาวและเทวดาน้อยนั่งไปกินก๋วยเตี่ยวเจ้าดังแถวๆหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ รถไม่มีแอร์หรอก ฉันก็ว่าดี เพราะชอบรถเต่ามาก แต่โอ้พระเจ้า วันนั้นตอนเที่ยงวัน แดดมันแผดเผาพวกเราที่นั่งกันอยู่ในรถพี่เหงื่อไหลพรากชุ่มตัว ไม่มีใครบ่นเลย มีแต่เพียงพี่เปรย ร้อนจริงๆ

ฉันก็บ่นให้พี่ฟังว่า คอมพิวเตอร์ของสามีฉันเสียตั้งแต่น้ำท่วมเมื่อคราวนั้นที่บ้านเช่า เขาเลยยึดคอมพิวเตอร์ของฉันไปเลย ที่จริงมันเป็นของน้องร้านเล่าคนที่รักนางฟ้าของฉันสุดหัวใจ ที่อยากเห็นฉันเขียนหนังสือ เธอบอกอยากมีส่วนในงานเขียนของฉันบ้างเท่านั้น เธอจึงยกคอมพิวเตอร์ของเธอมาให้ฉันฟรีๆ ฉันซาบซึ้งใจนัก

แล้วฉันก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ ฉันต้องผ่อนสักตัวแล้วหล่ะ ฉันเปรยกับพี่ตามประสา เพราะฉันชอบที่คุยกับพี่ได้ทุกเรื่องเสมอ พี่สอนวิชาการอยู่ในสังคมให้ได้อย่างไม่เสียสมดุลย์ และสง่างามให้ฉัน บางคราวฉันถึงกับอึ้งไปเลย พี่ช่างฉลาดและมีวิธีการที่แยบยลเสมอ พี่บอกต้องมาจากใจที่ปราศจากการเกลียดชัง ใจที่สว่างเท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นได้

พี่ฟังฉันพูดแล้วบอกว่า โอ้ น้องรัก พี่มีโน๊ตบุ๊คอยู่หนึ่งตัวพี่ยกให้เธอเลย ไม่ต้องคืนพี่แล้ว พี่ให้เธอทำงาน เขียนหนังสือดีๆออกมาให้พี่อ่าน ฉันถึงกับร้องไห้ออกมา พี่ที่รัก วันก่อนในงานอาวันแรกที่พี่เจอฉัน พี่เห็นฉันหน้าดำเกรียม ผอมและเหมือนคนป่วย พี่อุทานว่า กล้วยเอ๋ย ทำงานขึ้นเวรหนักไปหรือเปล่า ฉันยิ้ม แล้วเธอก็เอาจดหมายใส่กระเป๋าให้ฉันบอกว่าเขียนจดหมายถึงฉันเอามาให้ด้วย ระหว่างรอสามีกลับบ้านด้วยกัน ฉันเปิดจดหมายออกอ่าน พี่เขียนไว้ว่า

กล้วย
น้องไม่รู้ว่าพี่รักน้องแค่ไหนตังค์นี้เอาไปจ้างคนอยู่เวร
รักมากๆ
พี่อุ๋ม
20 มึ.ค.52
ฉันอ่านแล้วนั่งร้องไห้เหมือนเสียสติอยู่ในรถ โถพี่ที่รัก พี่จ๋า คนดีของน้อง ขอบคุณพี่เหลือเกิน มันทำให้ฉันกลับไปเขียนจดหมายหาพี่แล้วเอาเงินที่พี่แนบมาใส่ซองคืน มันเป็นเงินหลายพัน และฉันรู้แล้วว่า พี่รักฉันมากมายแค่ไหน พี่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลพี่บ้างในยามที่พี่ทุกข์ใจ ฉันอยากให้พี่ได้รับสิ่งดีๆตอบแทนการเป็นคนดีของพี่เหลือเกิน

ฉันป่วยคราวนี้ พี่และพี่ชาย ไปเยี่ยมฉันในโรงพยาบาล พี่บอกว่าไปทำบุญมา ยกบุญกุศลทั้งหมดให้ฉัน อยากให้ฉันหายเสียที พี่บอกตอนไปบาหลีคราวที่แล้ว เธอนั่งเขียนบันทึกถึงฉันแล้วร้องไห้จนพี่ชายและลูกสาวมาปลอบ เธอบอกสงสารฉันเหลือเกิน ฉันช่างกล้าหาญที่จะมีชีวิตอยู่ ทั้งที่ซากชีวิตของฉันมันยับเยินไปหมดแล้ว

ก่อนจะกลับพี่ยังบอกว่าหายเร็วๆนะ พี่อยากให้เธอหายวันหายคืน แล้วพี่ก็เดินออกไปจากห้อง


พี่สาวที่รัก แม่ดอกไม้หอมที่สุดในโลกของฉัน ผู้หญิงน้ำใจงามอย่างพี่นั้น เป็นถึงนางฟ้าบนสวรรค์ แต่พี่เลือกที่จะมาเดินอยู่บนดิน แผ่ส่วนบุญของพี่ให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า พี่จ๋า ฉันรักพี่เหลือเกิน ความรักมันมาจากส่วนไหนหนอ ทำไมมันท่วมท้นเนืองนอง ล้นอยู่ในอกนี้ ขอส่งใจและความรักทั้งหมดที่มีให้พี่สาวของฉันให้เธอได้สุขเกษม สำราญบนโลกมนุษย์นี้จากผลบุญที่เธอเพียรสร้างตลอดมา

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.amarinpocketbook.com/UserFiles/Image/Amarin%20Sawasdee/AS1_09varelada.jpg

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
มาลำ
ฉันอายุสิบแปดปีในตอนที่เธอยังเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าใส่ชุดนักเรียนเทคนิค แบกกีต้าร์เดินผ่านบ้านพักของฉันและเพื่อนที่ฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างผอมสูงของเธอปรากฎให้เห็นในตอนเช้า ก่อนพลบค่ำเธอกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวเดิม มีคนบอกฉันว่า เธอเป็นลูกชายหนึ่งในสองคนของป้าผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งทำงานในห้องแลปของโรงพยาบาล เราได้แต่มองกันไปมาแล้วเงียบ วันคืนผ่านไป จนค่ำวันหนึ่งเธอส่งยิ้มมา ฉันทักเธอว่า ตกลงเป็นนักเรียนหรือนักร้อง เธอยิ้มหวานแล้วตอบเบาๆว่า ทั้งสองอย่างครับ
มาลำ
ฉันไม่นึกว่า พ่อจะมาเยี่ยมฉันจริงๆ หลังจากการป่วยยาวนาน แม้ฉันรับปากพ่อไว้ว่า ฉันจะกลับไปหาที่บ้านของเรา แต่ฉันใช้วันลาพักผ่อนทั้งปีหมดไปแล้ว ฉันไม่ได้กลับไปหาพ่ออีกเลย ฉันกับพ่อส่งข่าวกันผ่านสายโทรศัพท์ เราคุยกันทุกวันแม้ไม่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงพ่อฉันรู้สึกดีมากแล้ว พ่อดั้นด้นมาหาฉันถึงบ้าน พ่อเดินลงจากรถ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความดีใจ เราต่างโผเข้ามากอดกัน พ่อหอมหน้าผากฉันเหมือนเก่า ฉันถามพ่อว่า พ่อหายดีแล้วใช่ไหม ไม่น่าเชื่อเลย พ่อหายดีแล้วจริงๆ ตาขวาของพ่อปิดเองได้แล้ว เข่าขวาก็เป็นปกติ พ่อเดินได้เองไม่ต้องใช้อะไรช่วย ไม่ต้องพยุง…
มาลำ
วันนี้แล้วที่ฉันต้องจากพ่อไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ กว่าเราจะได้พบกัน ความเป็นห่วงพ่อยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว เช้านี้ฉันเดินอยู่บนเส้นทางเดิมของโรงพยาบาล จากประตูห้องพ่อ เดินตรงไป ถึงบันได ลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวขวาถึงร้านกาแฟร้านแรก ฉันซื้อกาแฟสดหนึ่งถ้วย เดินออกมาจากร้านแล้วไปร้านขายตั๋วรถที่อยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับร้านกาแฟ เป็นร้านเดียวในโรงพยาบาลที่ขายตั๋วเดินทางทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน คนขายถามฉัน เดินทางวันไหน ฉันตอบแล้วใจหาย พ่อนั่งมองฉันเก็บข้าวของสองสามอย่างใส่กระเป๋า อย่าลืมอะไรไว้นะลูก เก็บของให้หมดไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่ารถจะออก
มาลำ
หากมีใครนั่งมองความเคลื่อนไหวของฉัน เขาคงมองเห็นภาพที่ฉันเดินเข้าออกในโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนเช้ากลับไปอาบน้ำ นอนพักที่บ้านพักน้องชาย ตอนเที่ยงขึ้นรถมาโรงพยาบาล ลงจากรถก็เดินไปโรงอาหาร แวะร้านหนังสือร้านเดียวที่แอบอยู่ในซอกด้านซ้ายมือของโรงอาหาร หยิบหนังสือรายสัปดาห์มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วเดินเลยมาซื้อน้ำเต้าหู้ อาหารเจเจ้าประจำ ผลไม้และขนมหวานที่พ่อชอบเจ้าเดิม แวะซื้อกาแฟสดและขนมปังแผ่นที่มีอยู่ร้านเดียวของชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปผ่านหน้าห้องยา ร้านขายกาแฟเย็นและน้ำอัดลม ถึงประตูตึก ผ่านเตียงที่พ่อเคยนอนหน้าเคาน์เตอร์…
มาลำ
ดึกแล้ว พ่อนอนหลับสนิทในม่านสีเขียว หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ฉันลืมตา เงยหน้าจากข้างเตียงที่ฟุบลงไป ห่มผ้าให้พ่อแล้วลุกไปล้างหน้า กลับมานั่งอยู่ในม่าน  นั่งมองพ่อหลับ นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันยาวนานอย่างนี้ตาข้างขวาของพ่อยังไม่ปิดลง มันเปิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น เมื่อฉันก้มลงไปมองใกล้ๆ พบว่าในตาของพ่อมีฉันอยู่ในนั้น  ฉันนึกภาวนาให้มันปิดลงเป็นปกติ ฉันอยากให้พ่อเป็นเหมือนเดิม เป็นพ่อคนเดิมของฉัน
มาลำ
พ่อหลับอยู่อย่างนั้นทั้งคืน มีเพียงเสียงหายใจและเสียงพลิกตัวเท่านั้นบอกเราว่า พ่อยังหลับอยู่ พ่อไม่ได้พูดอะไรที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พ่อหลับเงียบแน่นิ่ง ถึงกระนั้นฉันก็นั่งเฝ้าพ่อแบบตาไม่กระพริบ พ่อหลับโดยที่มีฉันนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้น นอกเหนือจากการเช็ดตัวให้พ่อ ดูยาที่หยดลงในสายน้ำเกลือ วัดความดันเลือดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก นอกจากจ้องมองพ่อ   บางเวลาที่ดึกมากๆ ฉันง่วงมาก เผลอหลับฟุบลงบนเตียงพ่อ ข้างๆ มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง  ฉันหลับอยู่ในท่านั้นจนสะดุ้งตื่น ทันที่ที่รู้สึกตัว ฉันลนลานจ้องมองพ่อ ดูที่หน้าอกพ่อว่าขยับเคลื่อนไหวหายใจอยู่หรือเปล่า…
มาลำ
พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่นเช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน…
มาลำ
เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูกฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ …
มาลำ
ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาเข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น  แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม  เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ…
มาลำ
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้มต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน …