Skip to main content

ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน

ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้

แล้วฉันจะเอาเรี่ยวแรงจากที่ไหน ลุกออกไปตามหาเธอ เพราะฉันต้องนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หน้าตาเนื้อตัวพุพองจากการแพ้ยาแก้ปวดหลัง ที่หมอสั่งให้และฉันพลั้งเผลอกินมันเข้าไป โดยที่ไม่ได้หวาดระแวงว่าจะแพ้ยาเหมือนที่ฉันเคยกลัวมาตลอดที่เป็นพยาบาล ฉันเคยเห็นคนที่พุพองหมดทั้งตัวแล้วคนไข้ก็จากไปด้วยความทุกข์ทรมาน

ฉันกำลังจะเป็นอย่างนั้น ดีที่อาการแพ้มาแค่ครึ่งตัว ถึงกระนั้นฉันยังทุกข์ทรมานแสนสาหัส มันปวดแสบที่หน้ามีน้ำไหลออกมา  ปากเจ่อพุพองไปหมดทั้งปาก แสบในอก ในท้อง เลือดออกในหู  ตามัว เคืองเหมือนไม่มีน้ำตาออกมาหล่อเลี้ยง ตรงหน้าแข้งของฉันมันยังมีจ้ำๆเหมือนถูกทุบ  ในจมูกก็มีเลือดออก  ผมร่วงจนหมดหัวและมีแผลเต็มหัวไปหมด

เราสามคน พ่อ แม่ลูกต้องมานอนรับมือกับความทุกข์ในเตียงของคนไข้แบบไร้เรี่ยวแรง โดยเฉพาะฉันเหมือนถูกชก หมัดเดียว นอนยกธงขาวบอกยอมแพ้   เหมือนนักมวยที่แม้กรรมการนับถึงร้อย ฉันก็ยังเหยียดยาวไม่ยอมลุกไปไหน

แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  แม่หลานสาวของฉันส่งเสียงดังมาตามสาย บอกว่าทำโทรศัพท์หล่นหายระหว่างทาง   มีคนใจดีเก็บเอามาคืนตามที่เธอโทรไปอ้อนวอนขอร้อง แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบลง เธอเข้าบ้านแล้ว คงนอนหลับแล้ว

ฉันยังไม่ได้หลับ นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้  อาการทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนถูกเผาทั้งเป็น ฉันกำลังตกนรก ถูกไฟโลกันตร์แผดเผา ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้ตามลำพัง ฉันพยายามสวดมนต์แผ่เมตตา ทำสมาธิ แต่มันไม่ดีขึ้นเลยเหมือนกำลังจะตายแต่ไม่ยอมตาย มันเจ็บปวดทุกข์ ทรมานในสังขารที่น่าสมเพชของฉัน

สี่วันมาแล้วที่ฉันนอนรับมือกับความตาย ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน ฉันน่าจะได้ทำอะไรมากมาย  เจ้าลูกชายของฉัน หน้าเศร้าไปโรงเรียนตอนเช้า  บอกฉันว่า ถ้าแม่หายเจ็บปากแล้ว คุยกับเขาบ้างนะ ฉันนึกสงสารลูกจับใจ  อย่ากลัวแม่นะลูก เจ้าลูกชายบอกไม่กลัวหรอก

แม่มาถึงตอนห้าโมงเย็น  แม่เพิ่งเผาศพย่าแล้วบินมาเหมือนนางฟ้าเหาะมาช่วยลูกทันเวลาพอดี  แม่พระของลูก มาทำอาหารเจให้ มานั่งสวดมนต์อยู่ใกล้ๆหู ได้คุยกับแม่ หัวใจมันชุ่มชื่นขึ้น  ไม่ทุรนทุรายมาก  ตั้งแต่ฉันจำความได้ แม่จะต้องไปหาลูกเสมอ ถ้าลูกคนไหนป่วย แม่จะเฝ้าดูแลเอาอกเอาใจตลอดมา แม่น่ารักที่จะช่างเอาใจลูกและพ่อ  พวกเราทุกคนพี่สาว ฉัน น้องสาว น้องชาย เลยติดนิสัยช่างเอาใจมาจากแม่  

แม่เล่าให้ฉันฟังว่า แม่ชอบการเรียนมาก แม่อยากเรียนหนังสือในชั้นสูงๆ ครูลงทุนมาอ้อนวอนยาย ขอตัวแม่ไปเรียนเพราะหัวดีเรียนเก่งมาก ยายและตาไม่ให้เรียน  แถมบอกว่าเดี๋ยวก็  แต่งงานแล้ว เรียนไปทำไม   แม่เลยได้เรียนแค่ปอสี่ แม่ฟังยายกับตาบอกอย่างนั้น แม่บอกฉันว่านอนร้องไห้อยู่หลายคืน แล้วตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้าแต่งงาน มีลูกจะส่งให้ลูกเรียนจนจบปริญญาทุกคน

แล้วแม่ก็ทำอย่างนั้น อย่างที่แม่ตั้งปณิธานไว้
แม่ชอบอ่านหนังสือขวัญเรือน สกุลไทย แล้วเอาเคล็ดลับในหนังสือมาเล่าให้ลูกๆฟัง

แม่เป็นแม่คนเดียวที่ซื้อปากกาหมึกซึมให้ลูกๆใช้เมื่อต้องใช้ปากกาเขียน แม่อ่านจากหนังสือและนำประโยชน์มาใช้ แม่บอกว่าจะทำให้ลายมือสวยและฝึกใจให้เย็น มีสมาธิเพราะต้องรอให้หมึกแต่ละตัวแห้งแล้วเขียนตัวใหม่ได้ น้องสาวคนที่สี่ติดปากกาหมึกซึมจนทำงานแล้วยังเขียนด้วยปากกาหมึกซึมเช่นเดิม  

ความสุขของแม่ฉันไม่เคยเห็น เห็นแต่ความสุขของลูก แม่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพวกเราทุกคนเสมอมา ยอมอย่างสุดจิตสุดใจ  บางทีที่พวกเราออกฤทธิ์ดื้อดึง แม่ก็ยังอดทนทุ่มเทความรักให้อย่างไม่เคยท้อถอย   แม่เป็นตัวอย่างของ คนที่มีความเพียรเป็นเลิศ

แม่บอกฉันว่า แม่มีคาถาที่จะทำให้ลูกๆเรียนเก่งและความจำดี เป็นอุบายให้ลูกตื่นเช้าด้วย  แม่เล่าให้ฉันฟังว่า  แม่จะกวาดลานใต้ต้นมะพร้าวไว้ทุกเย็น ใช้กาบมะพร้าววางไว้เพื่อรองรับดอกมะพร้าวที่จะหล่นลงมาทั้งคืน  แล้วบอกพวกเราว่าให้ไปเก็บดอกมะพร้าวตั้งแต่เช้ามืดมา  อย่าให้ทันอีกาบินข้าม  เอามาแล้วแม่จะเสกดอกมะพร้าวให้กิน แม่มีคาถาจากตาที่เป็นทั้งหมอสมุนไพรที่เชี่ยวชาญในการรักษาและมีคาถามากมายที่ตาถ่ายทอดให้และแม่จำได้ขึ้นใจ

คาถาของแม่ บอกว่า
พระพุทธให้จำ  พระธรรมให้แจ้ง ให้ถ้วนทุกแห่ง แจ้งในฉายา
สิ่งใดหาไม่ พระธรรมให้มา พุทธังเจ้าข้า ธรรมมังเจ้าข้า สังฆังเจ้าข้า
ให้ดวงจิตข้าสว่างรุ่งเรือง

ฉันฟังแล้วรู้สึกเลยว่าถ้อยคำมันเพราะที่สุด แล้วแม่ก็เสกดอกมะพร้าวให้พวกเราทุกคนกินทุกเช้า
ดอกมะพร้าวหอมหวาน กินตอนเช้าแล้วสดชื่นจริงๆ ดอกมะพร้าวกลายเป็นความฉลาดและหลักแหลมอยู่ในตัวเรา

ความสุขในตอนเด็กผุดพรายมาบนเตียงคนไข้ สองคนแม่ลูกนั่งนอนคุยกันทั้งวัน   จำได้ว่าแม่ทำงานหนักมากเพื่อหาเงินมาให้พวกเราเรียนหนังสือทั้งหกคน

แม่ต้องประหยัดไปด้วย ทั้งใช้วิชาความรู้รอบตัวให้ได้ประโยชน์ที่สุด เพื่อลูก วันนั้น แม่ พี่สาว ฉัน เราสามคนต้องไปเอาไม้ใหญ่ในสวนยางมาเผาถ่านเพื่อเก็บไว้ใช้เอง  ไม้ใหญ่ในสวนยางที่พ่อตัดทิ้งไว้ เราช่วยกันยกใส่รถเข็นไม้คันยาวของพ่อ ไม้หนักเหลือเกิน แม้เราสามคนจะช่วยกันยกสุดแรง ฉันยังขาเป๋ไปเป๋มา

เมื่อได้ไม้จนเต็มคันรถ  ฉันมีเชือกยาวที่ผูกติดกับหน้ารถไว้ลาก  เพราะฉันตัวโตที่สุดในบ้านตอนนั้น พี่สาวและแม่เข็นตามหลัง  เราสามคนเดินโซซัดโซเซ เพราะมันทั้งหนักและเหนื่อย เมื่อมาถึงทางลงเนิน ทั้งสามคนต้องคอยประคองรถไว้ให้ลงมาช้าๆ  แต่ความที่รถมันหนักมาก เราดึงรถไว้แทบจะไม่อยู่

แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ล้อหลังของรถมีลูกโป่งโผล่ออกมา มันเป็นยางในล้อที่ทนแรงเสียดทานไม่ไหว มันกลายเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ที่เราสามคนพากันทิ้งรถแล้ววิ่งไปแสนไกล จำได้ว่าฉันวิ่งไปสุดแรงเกิดเพราะกลัวเสียงมันจะระเบิดออกมา แต่มันไม่เกิดสิ่งที่เรากลัว กลายเป็นว่าลูกโป่งมันแฟบลงจนเป็นปกติเมื่อจอดรถทิ้งไว้

แล้วเราทั้งสามก็ทิ้งตัวลงบนถนน หัวเราะกันจนน้ำตาไหล มันช่างเป็นตลกที่มาตรงเวลา หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เราช่วยกันพยุงรถจนมาถึงบ้านจนได้ ทุกครั้งที่มองหน้ากันเราจะหัวเราะกันตลอดทาง

ถึงบ้าน ฉันต้องช่วยแม่ขุดหลุมใหญ่หน้าบ้าน รองก้นหลุมด้วยแกลบแล้วเอาไม้วางเรียงลงไปเป็นรูปตาข่าย เทแกลบที่ฉันเอารถคันเดิมไปขนมาจากโรงสีข้างบ้าน แล้วแม่จะจุดไฟเผาถ่านทิ้งไว้สามวัน ฉันมีหน้าที่ใช้ไม้คีบถ่านแดงๆออกจากหลุมแล้วเอาน้ำรดให้ถ่านดับ หลุมถ่านแดงๆนั้นหลังจากคีบถ่านออกจนหมดแล้วน่ากลัวมาก เด็กๆอย่างพวกเราชอบเดินลงไปแล้วเท้าพองต้องทำแผลที่อนามัยทุกวัน ฉัน พี่สาว น้องสาวเคยโดนมาทั้งสามคน  เข็ดหลาบจำหลุมถ่านไม่กล้าเดินลงไปอีกเลย   

สิ่งที่ฉันผ่านมามันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น  เมื่อพูดถึงตอนนี้ แม่และฉันก็หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง แล้วจะให้ฉันหวาดกลัวอะไรกับความเจ็บปวดเล่า ฉันไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก ความทุกข์ทรมานทั้งหลายนั้น เจ้าทำอะไรฉันไม่ได้ วันนี้ฉันลุกขึ้นมาแล้วด้วยสองมือของแม่ที่พยุงฉันขึ้นมาแล้ว

ความเข้มแข็งที่แม่เพียรฝึกใจให้พวกเรานั้นเองที่ออกฤทธิ์ ต่อสู้ความเจ็บปวดในกายอย่างกล้าหาญ  แม้จะปวดร้าวไปทั้งกายแต่ฉันยังลุกออกเดินฝืนความเจ็บปวด   ฉันไม่กลัวเจ้าเลยความทุกข์  ฉันจะผ่านวันนี้ไปให้ได้  ฉันไม่ยอมล้มหรอก ดูตาของฉันสิ มันมีประกายของความเชื่อมั่น

ฉันเชื่อว่า  ฉันจะหาย และลุกขึ้นมาหัวเราะเยาะเย้ยเจ้าแทน พอทีความทุกข์ ลาก่อน

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
มาลำ
ฉันอายุสิบแปดปีในตอนที่เธอยังเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าใส่ชุดนักเรียนเทคนิค แบกกีต้าร์เดินผ่านบ้านพักของฉันและเพื่อนที่ฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างผอมสูงของเธอปรากฎให้เห็นในตอนเช้า ก่อนพลบค่ำเธอกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวเดิม มีคนบอกฉันว่า เธอเป็นลูกชายหนึ่งในสองคนของป้าผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งทำงานในห้องแลปของโรงพยาบาล เราได้แต่มองกันไปมาแล้วเงียบ วันคืนผ่านไป จนค่ำวันหนึ่งเธอส่งยิ้มมา ฉันทักเธอว่า ตกลงเป็นนักเรียนหรือนักร้อง เธอยิ้มหวานแล้วตอบเบาๆว่า ทั้งสองอย่างครับ
มาลำ
ฉันไม่นึกว่า พ่อจะมาเยี่ยมฉันจริงๆ หลังจากการป่วยยาวนาน แม้ฉันรับปากพ่อไว้ว่า ฉันจะกลับไปหาที่บ้านของเรา แต่ฉันใช้วันลาพักผ่อนทั้งปีหมดไปแล้ว ฉันไม่ได้กลับไปหาพ่ออีกเลย ฉันกับพ่อส่งข่าวกันผ่านสายโทรศัพท์ เราคุยกันทุกวันแม้ไม่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงพ่อฉันรู้สึกดีมากแล้ว พ่อดั้นด้นมาหาฉันถึงบ้าน พ่อเดินลงจากรถ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความดีใจ เราต่างโผเข้ามากอดกัน พ่อหอมหน้าผากฉันเหมือนเก่า ฉันถามพ่อว่า พ่อหายดีแล้วใช่ไหม ไม่น่าเชื่อเลย พ่อหายดีแล้วจริงๆ ตาขวาของพ่อปิดเองได้แล้ว เข่าขวาก็เป็นปกติ พ่อเดินได้เองไม่ต้องใช้อะไรช่วย ไม่ต้องพยุง…
มาลำ
วันนี้แล้วที่ฉันต้องจากพ่อไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ กว่าเราจะได้พบกัน ความเป็นห่วงพ่อยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว เช้านี้ฉันเดินอยู่บนเส้นทางเดิมของโรงพยาบาล จากประตูห้องพ่อ เดินตรงไป ถึงบันได ลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวขวาถึงร้านกาแฟร้านแรก ฉันซื้อกาแฟสดหนึ่งถ้วย เดินออกมาจากร้านแล้วไปร้านขายตั๋วรถที่อยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับร้านกาแฟ เป็นร้านเดียวในโรงพยาบาลที่ขายตั๋วเดินทางทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน คนขายถามฉัน เดินทางวันไหน ฉันตอบแล้วใจหาย พ่อนั่งมองฉันเก็บข้าวของสองสามอย่างใส่กระเป๋า อย่าลืมอะไรไว้นะลูก เก็บของให้หมดไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่ารถจะออก
มาลำ
หากมีใครนั่งมองความเคลื่อนไหวของฉัน เขาคงมองเห็นภาพที่ฉันเดินเข้าออกในโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนเช้ากลับไปอาบน้ำ นอนพักที่บ้านพักน้องชาย ตอนเที่ยงขึ้นรถมาโรงพยาบาล ลงจากรถก็เดินไปโรงอาหาร แวะร้านหนังสือร้านเดียวที่แอบอยู่ในซอกด้านซ้ายมือของโรงอาหาร หยิบหนังสือรายสัปดาห์มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วเดินเลยมาซื้อน้ำเต้าหู้ อาหารเจเจ้าประจำ ผลไม้และขนมหวานที่พ่อชอบเจ้าเดิม แวะซื้อกาแฟสดและขนมปังแผ่นที่มีอยู่ร้านเดียวของชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปผ่านหน้าห้องยา ร้านขายกาแฟเย็นและน้ำอัดลม ถึงประตูตึก ผ่านเตียงที่พ่อเคยนอนหน้าเคาน์เตอร์…
มาลำ
ดึกแล้ว พ่อนอนหลับสนิทในม่านสีเขียว หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ฉันลืมตา เงยหน้าจากข้างเตียงที่ฟุบลงไป ห่มผ้าให้พ่อแล้วลุกไปล้างหน้า กลับมานั่งอยู่ในม่าน  นั่งมองพ่อหลับ นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันยาวนานอย่างนี้ตาข้างขวาของพ่อยังไม่ปิดลง มันเปิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น เมื่อฉันก้มลงไปมองใกล้ๆ พบว่าในตาของพ่อมีฉันอยู่ในนั้น  ฉันนึกภาวนาให้มันปิดลงเป็นปกติ ฉันอยากให้พ่อเป็นเหมือนเดิม เป็นพ่อคนเดิมของฉัน
มาลำ
พ่อหลับอยู่อย่างนั้นทั้งคืน มีเพียงเสียงหายใจและเสียงพลิกตัวเท่านั้นบอกเราว่า พ่อยังหลับอยู่ พ่อไม่ได้พูดอะไรที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พ่อหลับเงียบแน่นิ่ง ถึงกระนั้นฉันก็นั่งเฝ้าพ่อแบบตาไม่กระพริบ พ่อหลับโดยที่มีฉันนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้น นอกเหนือจากการเช็ดตัวให้พ่อ ดูยาที่หยดลงในสายน้ำเกลือ วัดความดันเลือดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก นอกจากจ้องมองพ่อ   บางเวลาที่ดึกมากๆ ฉันง่วงมาก เผลอหลับฟุบลงบนเตียงพ่อ ข้างๆ มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง  ฉันหลับอยู่ในท่านั้นจนสะดุ้งตื่น ทันที่ที่รู้สึกตัว ฉันลนลานจ้องมองพ่อ ดูที่หน้าอกพ่อว่าขยับเคลื่อนไหวหายใจอยู่หรือเปล่า…
มาลำ
พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่นเช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน…
มาลำ
เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูกฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ …
มาลำ
ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาเข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น  แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม  เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ…
มาลำ
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้มต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน …