Skip to main content

ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน

ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้

แล้วฉันจะเอาเรี่ยวแรงจากที่ไหน ลุกออกไปตามหาเธอ เพราะฉันต้องนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หน้าตาเนื้อตัวพุพองจากการแพ้ยาแก้ปวดหลัง ที่หมอสั่งให้และฉันพลั้งเผลอกินมันเข้าไป โดยที่ไม่ได้หวาดระแวงว่าจะแพ้ยาเหมือนที่ฉันเคยกลัวมาตลอดที่เป็นพยาบาล ฉันเคยเห็นคนที่พุพองหมดทั้งตัวแล้วคนไข้ก็จากไปด้วยความทุกข์ทรมาน

ฉันกำลังจะเป็นอย่างนั้น ดีที่อาการแพ้มาแค่ครึ่งตัว ถึงกระนั้นฉันยังทุกข์ทรมานแสนสาหัส มันปวดแสบที่หน้ามีน้ำไหลออกมา  ปากเจ่อพุพองไปหมดทั้งปาก แสบในอก ในท้อง เลือดออกในหู  ตามัว เคืองเหมือนไม่มีน้ำตาออกมาหล่อเลี้ยง ตรงหน้าแข้งของฉันมันยังมีจ้ำๆเหมือนถูกทุบ  ในจมูกก็มีเลือดออก  ผมร่วงจนหมดหัวและมีแผลเต็มหัวไปหมด

เราสามคน พ่อ แม่ลูกต้องมานอนรับมือกับความทุกข์ในเตียงของคนไข้แบบไร้เรี่ยวแรง โดยเฉพาะฉันเหมือนถูกชก หมัดเดียว นอนยกธงขาวบอกยอมแพ้   เหมือนนักมวยที่แม้กรรมการนับถึงร้อย ฉันก็ยังเหยียดยาวไม่ยอมลุกไปไหน

แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  แม่หลานสาวของฉันส่งเสียงดังมาตามสาย บอกว่าทำโทรศัพท์หล่นหายระหว่างทาง   มีคนใจดีเก็บเอามาคืนตามที่เธอโทรไปอ้อนวอนขอร้อง แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบลง เธอเข้าบ้านแล้ว คงนอนหลับแล้ว

ฉันยังไม่ได้หลับ นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้  อาการทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนถูกเผาทั้งเป็น ฉันกำลังตกนรก ถูกไฟโลกันตร์แผดเผา ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้ตามลำพัง ฉันพยายามสวดมนต์แผ่เมตตา ทำสมาธิ แต่มันไม่ดีขึ้นเลยเหมือนกำลังจะตายแต่ไม่ยอมตาย มันเจ็บปวดทุกข์ ทรมานในสังขารที่น่าสมเพชของฉัน

สี่วันมาแล้วที่ฉันนอนรับมือกับความตาย ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน ฉันน่าจะได้ทำอะไรมากมาย  เจ้าลูกชายของฉัน หน้าเศร้าไปโรงเรียนตอนเช้า  บอกฉันว่า ถ้าแม่หายเจ็บปากแล้ว คุยกับเขาบ้างนะ ฉันนึกสงสารลูกจับใจ  อย่ากลัวแม่นะลูก เจ้าลูกชายบอกไม่กลัวหรอก

แม่มาถึงตอนห้าโมงเย็น  แม่เพิ่งเผาศพย่าแล้วบินมาเหมือนนางฟ้าเหาะมาช่วยลูกทันเวลาพอดี  แม่พระของลูก มาทำอาหารเจให้ มานั่งสวดมนต์อยู่ใกล้ๆหู ได้คุยกับแม่ หัวใจมันชุ่มชื่นขึ้น  ไม่ทุรนทุรายมาก  ตั้งแต่ฉันจำความได้ แม่จะต้องไปหาลูกเสมอ ถ้าลูกคนไหนป่วย แม่จะเฝ้าดูแลเอาอกเอาใจตลอดมา แม่น่ารักที่จะช่างเอาใจลูกและพ่อ  พวกเราทุกคนพี่สาว ฉัน น้องสาว น้องชาย เลยติดนิสัยช่างเอาใจมาจากแม่  

แม่เล่าให้ฉันฟังว่า แม่ชอบการเรียนมาก แม่อยากเรียนหนังสือในชั้นสูงๆ ครูลงทุนมาอ้อนวอนยาย ขอตัวแม่ไปเรียนเพราะหัวดีเรียนเก่งมาก ยายและตาไม่ให้เรียน  แถมบอกว่าเดี๋ยวก็  แต่งงานแล้ว เรียนไปทำไม   แม่เลยได้เรียนแค่ปอสี่ แม่ฟังยายกับตาบอกอย่างนั้น แม่บอกฉันว่านอนร้องไห้อยู่หลายคืน แล้วตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้าแต่งงาน มีลูกจะส่งให้ลูกเรียนจนจบปริญญาทุกคน

แล้วแม่ก็ทำอย่างนั้น อย่างที่แม่ตั้งปณิธานไว้
แม่ชอบอ่านหนังสือขวัญเรือน สกุลไทย แล้วเอาเคล็ดลับในหนังสือมาเล่าให้ลูกๆฟัง

แม่เป็นแม่คนเดียวที่ซื้อปากกาหมึกซึมให้ลูกๆใช้เมื่อต้องใช้ปากกาเขียน แม่อ่านจากหนังสือและนำประโยชน์มาใช้ แม่บอกว่าจะทำให้ลายมือสวยและฝึกใจให้เย็น มีสมาธิเพราะต้องรอให้หมึกแต่ละตัวแห้งแล้วเขียนตัวใหม่ได้ น้องสาวคนที่สี่ติดปากกาหมึกซึมจนทำงานแล้วยังเขียนด้วยปากกาหมึกซึมเช่นเดิม  

ความสุขของแม่ฉันไม่เคยเห็น เห็นแต่ความสุขของลูก แม่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพวกเราทุกคนเสมอมา ยอมอย่างสุดจิตสุดใจ  บางทีที่พวกเราออกฤทธิ์ดื้อดึง แม่ก็ยังอดทนทุ่มเทความรักให้อย่างไม่เคยท้อถอย   แม่เป็นตัวอย่างของ คนที่มีความเพียรเป็นเลิศ

แม่บอกฉันว่า แม่มีคาถาที่จะทำให้ลูกๆเรียนเก่งและความจำดี เป็นอุบายให้ลูกตื่นเช้าด้วย  แม่เล่าให้ฉันฟังว่า  แม่จะกวาดลานใต้ต้นมะพร้าวไว้ทุกเย็น ใช้กาบมะพร้าววางไว้เพื่อรองรับดอกมะพร้าวที่จะหล่นลงมาทั้งคืน  แล้วบอกพวกเราว่าให้ไปเก็บดอกมะพร้าวตั้งแต่เช้ามืดมา  อย่าให้ทันอีกาบินข้าม  เอามาแล้วแม่จะเสกดอกมะพร้าวให้กิน แม่มีคาถาจากตาที่เป็นทั้งหมอสมุนไพรที่เชี่ยวชาญในการรักษาและมีคาถามากมายที่ตาถ่ายทอดให้และแม่จำได้ขึ้นใจ

คาถาของแม่ บอกว่า
พระพุทธให้จำ  พระธรรมให้แจ้ง ให้ถ้วนทุกแห่ง แจ้งในฉายา
สิ่งใดหาไม่ พระธรรมให้มา พุทธังเจ้าข้า ธรรมมังเจ้าข้า สังฆังเจ้าข้า
ให้ดวงจิตข้าสว่างรุ่งเรือง

ฉันฟังแล้วรู้สึกเลยว่าถ้อยคำมันเพราะที่สุด แล้วแม่ก็เสกดอกมะพร้าวให้พวกเราทุกคนกินทุกเช้า
ดอกมะพร้าวหอมหวาน กินตอนเช้าแล้วสดชื่นจริงๆ ดอกมะพร้าวกลายเป็นความฉลาดและหลักแหลมอยู่ในตัวเรา

ความสุขในตอนเด็กผุดพรายมาบนเตียงคนไข้ สองคนแม่ลูกนั่งนอนคุยกันทั้งวัน   จำได้ว่าแม่ทำงานหนักมากเพื่อหาเงินมาให้พวกเราเรียนหนังสือทั้งหกคน

แม่ต้องประหยัดไปด้วย ทั้งใช้วิชาความรู้รอบตัวให้ได้ประโยชน์ที่สุด เพื่อลูก วันนั้น แม่ พี่สาว ฉัน เราสามคนต้องไปเอาไม้ใหญ่ในสวนยางมาเผาถ่านเพื่อเก็บไว้ใช้เอง  ไม้ใหญ่ในสวนยางที่พ่อตัดทิ้งไว้ เราช่วยกันยกใส่รถเข็นไม้คันยาวของพ่อ ไม้หนักเหลือเกิน แม้เราสามคนจะช่วยกันยกสุดแรง ฉันยังขาเป๋ไปเป๋มา

เมื่อได้ไม้จนเต็มคันรถ  ฉันมีเชือกยาวที่ผูกติดกับหน้ารถไว้ลาก  เพราะฉันตัวโตที่สุดในบ้านตอนนั้น พี่สาวและแม่เข็นตามหลัง  เราสามคนเดินโซซัดโซเซ เพราะมันทั้งหนักและเหนื่อย เมื่อมาถึงทางลงเนิน ทั้งสามคนต้องคอยประคองรถไว้ให้ลงมาช้าๆ  แต่ความที่รถมันหนักมาก เราดึงรถไว้แทบจะไม่อยู่

แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ล้อหลังของรถมีลูกโป่งโผล่ออกมา มันเป็นยางในล้อที่ทนแรงเสียดทานไม่ไหว มันกลายเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ที่เราสามคนพากันทิ้งรถแล้ววิ่งไปแสนไกล จำได้ว่าฉันวิ่งไปสุดแรงเกิดเพราะกลัวเสียงมันจะระเบิดออกมา แต่มันไม่เกิดสิ่งที่เรากลัว กลายเป็นว่าลูกโป่งมันแฟบลงจนเป็นปกติเมื่อจอดรถทิ้งไว้

แล้วเราทั้งสามก็ทิ้งตัวลงบนถนน หัวเราะกันจนน้ำตาไหล มันช่างเป็นตลกที่มาตรงเวลา หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เราช่วยกันพยุงรถจนมาถึงบ้านจนได้ ทุกครั้งที่มองหน้ากันเราจะหัวเราะกันตลอดทาง

ถึงบ้าน ฉันต้องช่วยแม่ขุดหลุมใหญ่หน้าบ้าน รองก้นหลุมด้วยแกลบแล้วเอาไม้วางเรียงลงไปเป็นรูปตาข่าย เทแกลบที่ฉันเอารถคันเดิมไปขนมาจากโรงสีข้างบ้าน แล้วแม่จะจุดไฟเผาถ่านทิ้งไว้สามวัน ฉันมีหน้าที่ใช้ไม้คีบถ่านแดงๆออกจากหลุมแล้วเอาน้ำรดให้ถ่านดับ หลุมถ่านแดงๆนั้นหลังจากคีบถ่านออกจนหมดแล้วน่ากลัวมาก เด็กๆอย่างพวกเราชอบเดินลงไปแล้วเท้าพองต้องทำแผลที่อนามัยทุกวัน ฉัน พี่สาว น้องสาวเคยโดนมาทั้งสามคน  เข็ดหลาบจำหลุมถ่านไม่กล้าเดินลงไปอีกเลย   

สิ่งที่ฉันผ่านมามันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น  เมื่อพูดถึงตอนนี้ แม่และฉันก็หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง แล้วจะให้ฉันหวาดกลัวอะไรกับความเจ็บปวดเล่า ฉันไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก ความทุกข์ทรมานทั้งหลายนั้น เจ้าทำอะไรฉันไม่ได้ วันนี้ฉันลุกขึ้นมาแล้วด้วยสองมือของแม่ที่พยุงฉันขึ้นมาแล้ว

ความเข้มแข็งที่แม่เพียรฝึกใจให้พวกเรานั้นเองที่ออกฤทธิ์ ต่อสู้ความเจ็บปวดในกายอย่างกล้าหาญ  แม้จะปวดร้าวไปทั้งกายแต่ฉันยังลุกออกเดินฝืนความเจ็บปวด   ฉันไม่กลัวเจ้าเลยความทุกข์  ฉันจะผ่านวันนี้ไปให้ได้  ฉันไม่ยอมล้มหรอก ดูตาของฉันสิ มันมีประกายของความเชื่อมั่น

ฉันเชื่อว่า  ฉันจะหาย และลุกขึ้นมาหัวเราะเยาะเย้ยเจ้าแทน พอทีความทุกข์ ลาก่อน

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง
มาลำ
พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน
มาลำ
ตอนเด็กๆ ฉันเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ ขี้โกรธ เอาแต่ใจตัวเอง สกปรก ชอบเกี่ยงงานให้พี่สาวทำงานหนักจนตัวแคระแกร็น ส่วนตัวชอบหนีเที่ยว ไปเก็บเห็ดบ้าง ไปตกปลาบ้าง ทั้งที่รู้ว่า กลับมาบ้านแม่จะตีฉันจนยับเยิน หากแต่ฉันไม่เคยนึกกลัว เจ็บแล้วหายวันรุ่งขึ้นไปใหม่
มาลำ
ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้
มาลำ
ศรีตรังคลี่กลีบสีม่วงสวยออกมาแย้มยิ้ม  ทักทายสายลมร้อน เฉลา อินทนิล โบกกลีบ มาถึงแล้วสีม่วงสุดสวย ละมุนละไม แดดร้อนตอนเที่ยงวัน เนื้อตัวเหมือนแสบไหม้ ไอร้อนจากถนนโชยมา ฉันก้มหน้าก้มตาเดิน หาต้นไม้ในหัวใจสักต้น โน่นไง ฉันก้าวเท้าเข้าไปหา ไฮเดรนเยียสีโปรดของฉัน สีม่วงครามกำลังบาน บ่ายแล้ว ผู้หญิงหน้าตาไหม้เกรียมกำลังหอบต้นไม้ออกดอกสีม่วงขึ้นรถมุ่งตรงไปวัด
มาลำ
บ้านของย่าอยู่ริมฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้ยกสูง เวลาเดินแผ่นไม้ในบ้านส่งเสียงดังตามจังหวะการเดิน ย่าคอยบอก เดินค่อยๆนะลูก ย่องๆเดินนะทำเป็นไหม จะได้ไม่มีเสียงดัง ย่าชอบทำขนม ที่บ้านย่าจึงมีหลานๆเต็มบ้าน  ลูกๆของน้าชาย น้าสาวและพี่น้องของฉันอีกหกคน หนึ่งในเด็กหลายคนนั้น มีอยู่คนเดียวที่เป็นเหตุผลของการขอแม่ไปนอนบ้านย่าของฉัน เขาเป็นลูกของน้าสาว อายุเท่าฉัน ตัวโต ผิวคล้ำ ดวงตาเขาเศร้า ท่าทีเงียบขรึม   เขาว่ายน้ำเก่ง จับปลาได้คล่องแคล่ว   ไม่มีท่าทีรำคาญที่พี่สาวอย่างฉัน คอยเดินตามเขา คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา ฉันติดเขาแจจนย่าออกปาก ระวังนะ เหาบนหัวจะกระโดดมาหากัน…
มาลำ
น้ำในคลองวังหยีสีเขียวเข้ม ชื่อคลองวังหยีเพราะมีต้นหยีต้นใหญ่อยู่ริมฝั่ง เป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่านทุ่งนากว้างใหญ่ของหมู่บ้าน น้ำจะไหลเชี่ยวและกัดเซาะทุกอย่างที่ขวางหน้า ก่อนจะไหลข้ามสะพาน น้ำจะไหลเอื่อยลงไปในแอ่งลึกที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเรียกว่าวัง น้ำในวังจะสีเขียวเข้มกว่าส่วนอื่น เพราะความลึกของมัน แค่เพ่งมองฉันก็นึกกลัวขึ้นมา ยิ่งแว่วเสียงคนบอกเล่า มีผีพรายอยู่ในวังด้วยนะ ผีพรายเป็นผู้หญิงผมยาวที่เฝ้าอยู่ในวัง เวลาเล่นน้ำระวังเถิดมันจะมาดึงขาลากลงไปอยู่ในวังด้วยกัน ฉันกลัวจนตัวสั่น ทำให้ฉันต้องลืมตาทุกครั้งเวลาดำน้ำ หลังไปช่วยแม่เก็บน้ำยางที่สวน…
มาลำ
  หนังสือชื่อ ผมเป็นมะเร็งอายุ 5 ขวบ วางอยู่บนโต๊ะของฉันมานาน ฉันทำได้แค่มองผ่าน ทั้งที่อยากจะเปิดอ่านเหลือเกิน ฉันชอบอ่านหนังสือเพราะโลกของฉันมันแสนเศร้า เวลาที่ปวดร้าวฉันต้องนั่งลงเปิดหนังสือแล้วทุ่มตัวลงอ่าน อ่านเหมือนคนที่ไม่เคยได้อ่านมาตลอดชีวิต นึกถึงคำของแม่เวลาที่ฉันช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ฉันช่วยแม่ตำน้ำพริก แม่จะโวยวายใส่ฉันทุกครั้งที่ฉันวางหนังสือไว้ข้างตัว แม่บอกว่าเลิกอ่านก่อน ทำงานให้แม่เสร็จก่อน ฉันหัวเราะแล้วหยิบเอากระดาษห่อของยกขึ้นมาอ่าน ตำน้ำพริกไปด้วยสำหรับหนังสือเล่มนี้ของฉัน แค่มองเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ที่นอนชูสองนิ้วยิ้มหวานปากแดงแล้วบอกว่า…
มาลำ
  น้องรัก ไปสู่ความสงบที่สุดนะ เวลาของเธอมาถึง  เธอผ่านพ้นความทรมานแล้ว  แม้เรายังไม่ได้พบกัน เสียงเพลงของเธอยังดังกังวานให้ฉันได้ยิน ถ้อยคำที่เธอพูดยังดังแว่วอยู่ในหู เสียงเธอที่สดใสหลังฟังเพลงด้วยกันยังดังอยู่ แม้มือของฉันเอื้อมไปไม่ถึงเธอ  เราจากกันเสียแล้ว    ทำไมหนอชีวิตได้โหดร้ายนัก เธออายุสี่สิบปีเท่านั้นเอง ...........................                                     …
มาลำ
เสียงเธอดังแว่วแผ่วมาตามสาย อยู่โรงพยาบาลครับพี่ ท้องบวมแล้วเหนื่อยมาก หมอให้นอนให้น้ำเกลือ เหนื่อยครับเหนื่อยจัง เธอพูดเหมือนเพ้อ ฟังไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน บางตอนเหมือนคนไข้ที่กำลังแย่แล้วเสียงหอบหายใจแรงดังเข้ามาในสาย ฉันตกใจ ละล้าละลัง ฟังเธอพูดแล้วนึกอยากไปให้ถึงตัวเธอในเดี๋ยวนั้น เธอยื่นหูโทรศัพท์ไปให้แม่ของเธอที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง หลังจากที่เธอพูดสลับหอบให้ฉันฟังอยู่นาน ฉันจึงได้รู้ว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี แม่บอกว่าหมอจำหน่ายแล้ว ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจ ถามกลับแม่ไปว่า แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไรหล่ะแม่ เธอเหนื่อยออกจะแย่อย่างนั้น แค่ลุกจากเตียง เธอยังลุกไม่ไหวใช่ไหม…
มาลำ
เสียงของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มาในค่ำวันหนึ่ง ผมจะบวชกลางเดือนนี้ครับ โทรมาให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วย ฉันถามเธอว่า บวชนานแค่ไหนเล่า เธอตอบว่า หนึ่งเดือนครับ ฉันบอกเธอว่าดีมากเลยที่ได้มีเวลาอย่างนี้ อย่างน้อยเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วงของชีวิต ฉันอนุโมทนาด้วย ขอให้ใช้วันเวลาในผ้าเหลืองอย่างเป็นสุข หลังจากวันนั้นเสียงเธอหายไป ฉันนึกถึงวันผ่านที่เราเคยโบกรถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ฉันและเพื่อนห้าคนรวมทั้งเธอผู้อาสาเป็นคนนำทาง เราเล่นน้ำในน้ำตกมวกเหล็ก ก่อนจะนั่งรถต่อไปดูฟาร์มโคนม วังตะไคร้ สายลมผ่านเนื้อตัวเย็นชื่น…
มาลำ
ใครจะนึกว่าเธอต้องเดินเข้าไปในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โรงพยาบาลนี้ เธอเคยเดินมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเด็กในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยกับทุกคน เป็นโรงพยาบาลที่ฉันเคยไปฝึกงาน ได้รู้จักกับเธอในครั้งแรกเธอเดินเข้าไปตรวจ เป็นอะไรไม่รู้ครับ มันแน่นๆท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง หมอที่ตรวจก็เป็นหมอรู้จักกัน กดท้องของเธอแล้วบอกเบาๆว่าตับโตมาก เธอกินเหล้ามากเกินไปหรือเปล่า สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม ลดลงบ้างนะ หมอบอกเธอกี่ปีแล้วนะที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอรำพึงหลังปั่นจักรยานกลับบ้าน คำพูดหมอดังแว่วมา สงสัยเป็นตับแข็งนะ ต้องทำอัลตราซาวด์ดูแล้ว วันคืนของเธอกำลังสั้นลงแล้ว…