Skip to main content
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง


เธอมาจากห้องควีน มาอยู่ห้องคิงที่เป็นที่หนึ่งของโรงเรียน เป็นคนเดียวที่ได้เลื่อนชั้นมาจากมอศอสอง ขึ้นมอศอสาม จริงๆ ฉันเห็นเธอก่อนหน้านั้นทุกวัน ฉันนั่งรถประจำไปโรงเรียนทุกวัน เธอจะขึ้นรถคันเดียวกับฉันที่หน้าบ้านของเธอ


เธอขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายจึงไม่มีที่นั่ง เธอจะยืนเรียบร้อยอยู่ตรงประตูทางขึ้น ฉันมองป้ายชื่อเธอทุกวันแล้วคิดในใจว่า เธอมีชื่อที่เพราะมาก ฉันท่องคำพระในใจว่า สุวิชาโน ภวังโหติ ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ชื่อของเธอ สุวิชานนท์ แปลว่าผู้รู้ดี มันช่างเพราะจับใจ ยิ่งเธอปากแดง แต่งตัวสะอาด เสื้อผ้าเรียบกริบ ฉันยิ่งทึ่งมองเธอไปตลอดทางจนถึงโรงเรียน


หากแต่เราไม่เคยพูดกัน ในหัวของฉันมีแต่หนังสือ เวลาที่ครูเขียนโจทย์ไว้บนกระดาน แล้วให้คนที่ทำได้ออกไปแสดงวิธีทำหน้าห้อง ฉันจะเป็นคนเดียวที่ออกไปตลอด จนครูเลือกฉันออกข้อสอบในห้อง ให้ฉันเขียนโจทย์แต่ละข้อโดยไม่สนใจว่าฉันจะบอกใครหรือเปล่า ข้อสำคัญครูรู้ว่าฉันตอบได้หมดทุกข้อ ครูเลยไม่เดือดร้อนที่จะคอยนั่งจับผิด


เธอเป็นเด็กกิจกรรม ทุกครั้งที่เรามีกิจกรรมในห้อง ฉันเห็นเธอเสนอความคิดออกแรง ช่วยขาย เรื่องออกร้านเธอคล่องแคล่ว ทุกคนที่ช่วยกันต้องนอนที่โรงเรียน ส่วนฉันไม่เคยได้เข้าร่วม แม่ไม่เคยอนุญาตให้ไปนอนค้างที่ไหน กฎนี้ไม่ยกเว้นที่โรงเรียนด้วย ฉันจึงได้แต่มองเธอแล้วทำตาปริบๆ ฟังพวกเธอคุยกันแล้วใจหาย แต่ช่างเถอะไม่ได้ก็ไม่ได้ ฉันทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง


เธอจึงเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกคนเพราะเธอเสียสละตัวเองเพื่อเพื่อนเสมอ ไปช่วยเพื่อนเกี่ยวข้าว ถางไร่ ดำนา เธอบุกลุยมาตลอด ฉันจึงไม่แปลกใจที่เมื่อเปิดเทอมเธอมีผิวคล้ำลงแบบคนที่กรำแดดมาอย่างหนัก ฉันได้แต่เงี่ยหูฟังเท่านั้น เพื่อนคอยชมเธอให้ฉันได้ยิน เธอช่างเป็นคนดีเสียจริง


ถึงกระนั้นฉันยังได้เป็นนักกีฬาของห้อง เล่นวอลเล่ย์บอล และแข่งกับห้องอื่นด้วย เพื่อนผู้ชายที่ไม่หล่อที่สุดในห้อง ไปนั่งเฝ้าดูพวกเราเล่น ฉันไม่ชอบเลยที่เป็นอย่างนั้น แต่ก็เงียบไว้ จนกระทั่งเขาเปรยออกมาว่า ทำไมคนเล่นกีฬามีแต่คนไม่สวย ฉันนึกโกรธเขาขึ้นมาเลยตะโกนบอกเขาว่า ไปไกลๆเลย เกลียดจริงๆผู้ชายอย่างนี้มานั่งกินแรงผู้หญิงอยู่ได้ ปากเสียอีกต่างหาก นายคนนั้นอ้าปากหวอ และเดินจากไป พลางพูดว่า ล้อเล่นนะ อย่าโกรธกันสิ เมื่อฉันทำงานได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฉันนึกสงสารคนไข้เมื่อคิดว่าเขาพูดจาเหมือนเดิมหรือเปล่า


ส่วนเธอยังเป็นอย่างนั้นตลอดการเรียนจนจบมอศอสาม เพื่อนๆในห้องจึงสนิทกับเธอมาก และรักเธอกันทุกคน ฉันกับเธอไม่เคยคุยกันเลยจนกระทั่งเราเรียนจบ หากจริงๆแล้วฉันไม่เคยคุยกับเพื่อนผู้ชายคนไหนเลยสักคนต่างหาก


ฉันเรียนจบแล้วไปสอบเรียนต่อที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานีและโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา เราไปสอบกันสี่คน มีฉันคนเดียวที่สอบผ่านทั้งสองโรงเรียน เพื่อนผู้หญิงที่ฉันสนิทด้วย สอบได้ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ อีกสองคนไปสอบได้ที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม สงขลา


ฉันเลือกเรียนที่โรงเรียนสาธิต เพราะโรงเรียนน่าอยู่มากๆ อาคารเรียนมีแค่สี่หลัง ชั้นมอศอสี่ นักเรียนมีเพียงสี่ห้อง สายวิทย์-คณิต 1 ห้อง สาย ศิลป์-คณิต 1 ห้อง สายศิลป์-ภาษา 1 ห้อง ห้องสุดท้ายเป็นของเด็กมุสลิมที่เรียนจากปอเนาะ หรือโรงเรียนสอนศาสนามุสลิมมา เรียนฟรีและเป็นสายศิลป์-ภาษามุสลิม ส่วนพี่มอศอห้า ก็มีอยู่จำนวนเท่าน้องมอศอสี่


ฉันเจอเธอ ที่สถานีรถไฟ ตอนที่ฉันกำลังจะไปรายงานตัวที่โรงเรียนสาธิต เธอบอกฉันว่าสอบเข้ามหาวชิราวุธได้ ได้ข่าวว่าเธอสอบได้สองที่สินะ เธอบอกไม่แปลกใจหรอก เธอเก่งตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฉันได้แต่อมยิ้มฟังเธอพูด เธอดูเรียบร้อยปากแดงเหมือนเดิม ที่สำคัญเธอพูดเพราะมากๆ


ฉันเลยเล่าให้เธอฟังว่าครูที่โรงเรียนเดิมของเรา สอนวิชาภาษาไทย และเป็นญาติกับฉันด้วยเพราะภรรยาเขาเป็นญาติฝ่ายแม่ฉัน เขากวักมือเรียกฉันไปฟังเขาพูดว่า เธอนี่ดูเซื่องๆซึมๆแบบคนไม่เต็มบาท ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียนหนังสือเก่ง ฉันฟังแล้วอ้าปากค้าง ตกใจที่ครูพูด ชมหรือด่ากันแน่


เธอหัวเราะสุดเสียง ฉันยิ่งโกรธครู เธอว่าครูคงไม่ได้ตั้งใจพูดแต่พูดไปแล้ว ฉันเดินหนีครูออกมาแล้วคิดว่า ครูปากเสียแบบนี้จะสอนศิษย์ให้เป็นคนดีได้อย่างไร กลับมาบ้านฉันเล่าให้แม่ฟัง แม่หัวเราะ บอกว่าเขาชมนะลูก ฉันบอกแม่ว่า ชมอย่างนี้ไม่ต้องชมเลย ต่อไปไม่ต้องมาพูดกัน ฉันไม่ฟังอีกแล้ว


ฉันได้เรียนที่ห้องสายศิลป์-คณิต มีเพื่อน สี่สิบคน เป็นลูกของคณบดี ลูกของอธิการบดีคณะมนุษย์ศาสตร์ ลูกของที่ดินอำเภอ ลูกของสรรพากรอำเภอ ลูกของนักธุรกิจใหญ่ในปัตตานี ลูกของแม่ทัพภาค และอีกหลายคนที่ล้วนเป็นลูกของคนใหญ่คนโต มีฉันเพียงคนเดียวที่เป็นลูกชาวนา ช่างน่าภูมิใจจริงๆ


ที่นี่เป็นที่ที่บ่มเพาะให้เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาของฉันเจริญงอกงาม มีห้องสมุดจอห์น เอฟ เคนเนดี้ที่ใหญ่และเต็มไปด้วยหนังสือ ที่สำคัญเปิดให้นักศึกษาอ่านและใช้บริการถึงสามทุ่ม เป็นที่หมกตัวอ่านหนังสือของฉัน ฉันตะลุยอ่านหนังสือเกือบหมดในห้องสมุด


หอสมุดเต็มไปด้วยหนังสือดีๆ บรรยากาศเงียบสงบ ต้นไม้รอบๆก็สวยเหลือเกิน เวลาเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เราจะเห็นทะเลโคลน แล้วนึกถึงกลิ่นของมัน ท้องฟ้าที่เราเห็นเป็นสีฟ้าสด ฉันมองแล้วคิดถึงบ้านจับใจ


แม่ซื้อจักรยานเฟสสันให้ฉัน ราคาหกร้อยบาท เพราะเห็นว่าตัวเมืองอยู่ไกล และในมหาวิทยาลัยก็ร่มรื่น น่าปั่นจักรยานที่สุด แม่เช่าหอพักหน้าโรงเรียนให้ฉันอยู่ ชื่อหอร่วมใจ แล้วจ่ายเงินพร้อมค่าข้าวตอนเช้าที่ให้ฉันกินก่อนไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อนฉันเคยไปกิน เห็นฉันลุกไปไม่จ่ายเงิน บอกฉันว่ากินฟรีหรือ ฉันหัวเราะ บอกแม่จ่ายเงินค่าข้าวเป็นรายเดือนให้แล้ว


ที่โรงเรียน คุณครูมองถึงอนาคต สอนนักเรียนให้คิดกว้างไกล ให้โอกาส มีการยกเงินกิจกรรมให้เด็กกิจกรรมบริหารเงินเอง กีฬาที่สอนในแต่ละเทอมคือ ลีลาศเพื่อฝึกท่าทางการเดิน การเต้น ว่ายน้ำ เทนนิส


ฉันจึงว่ายน้ำได้ทุกท่าจากที่ว่ายน้ำแบบเด็กว่ายน้ำในคลองเป็นเท่านั้น ฉันติดว่ายน้ำมาก บางวันฉันว่ายตั้งแต่สระเปิดจนสระปิด หลังเลิกว่ายน้ำ ฉันจะปั่นจักรยาน ไปกินข้าวที่โรงช้าง อาหารที่กินทุกวันจนแม่ค้าจำได้ไม่ต้องสั่งก็คือ ข้าวโปะไข่เจียวรวมมิตร คนขายเป็นมุสลิม ไข่เจียวรวมมิตรใช้ถั่วลันเตา ข้าวโพด แครอท ใส่ในไข่ ตีให้เข้ากัน แล้วเจียวในไฟแรงๆ กลับไข่สองครั้ง ความหวานของผักจะออกมาที่ไข่ เวลากินมันจะกรอบนอก นุ่มใน เป็นอาหารจานเดียวตลอดมาของการอยู่ในโรงเรียนสาธิตของฉัน


เทนนิสเป็นกีฬาที่ฉันชอบมาจนถึงตอนนี้ ฉันจำการเล่นและกติกาของเทนนิสได้ขึ้นใจ  ครูให้พวกเราลองแข่งกันดู ฉันจำได้ว่าอากาศร้อนมากแต่ทุกคนหัวเราะกันและมีความสุขมาก


มีเรื่องตื่นเต้นสำหรับฉันคือ มีครูสาวมาจากประเทศฝรั่งเศส เป็นเด็กไทยในจังหวัดปัตตานี ลูกเจ้าของโชว์รูมขายรถที่ใหญ่ที่สุดในปัตตานี หลังจากไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศสมาตั้งแต่เล็กจนโตมาสอนวิชาภาษาอังกฤษให้พวกเรา


เมื่อครูเดินเข้าห้องมา พวกเราในห้องถึงกับตาค้าง ครูสวยมาก ผิวขาวผ่อง เกล้ามวย ใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว นุ่งผ้าปาเต๊ะสีสด ครูสวยเหมือนนางไม้ หันไปมองเพื่อนผู้ชายในห้องของฉันต่างทำตาหวานกันทั่วถึง


หน้าครูสวยเหมือนตุ๊กตาเซรามิก เมื่อเดินมาถึงกลางห้องเรียน ครูยกเก้าอี้มาวางตรงกลางหน้าห้อง แล้วครูนั่งลง ผ้าปาเต๊ะร่นจากปลายเท้าขึ้นมาเปิดให้เห็นข้อเท้าที่ขาวผ่องและมีลูกกระพรวนเล็กๆอยู่ที่นั่น เสียงมันดังกรุ๋งกริ๋งเวลาครูขยับเท้า


หลังทำความเคารพครู พวกเราบอกว่า วันนี้ครูเล่าให้ฟังอย่างเดียวได้ไหมถึงประเทศฝรั่งเศส ครูหัวเราะ มีบางคนถามว่า แล้วทำไมครูกลับมา ไม่น่ากลับมาเลยที่โน่นต้องสบายมากๆ ครูหัวเราะ จำได้ว่าครูพูดเสียงดังฟังชัด แม้สำเนียงจะเป็นฝรั่งมากๆ แต่ครูจะพยายามพูดไทย ครูบอกเหตุผลของการที่กลับมาเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินเกิด ฉันฟังแล้วรู้สึกว่าคำนี้เพราะจับใจ


ฉันชอบวิชานี้มาก เพราะเรื่องเล่าที่ครูเล่าทุกวัน เป็นเรื่องการใช้ชีวิตในต่างแดน ครูจะนำทักษะการใช้ชีวิต การฝ่าข้ามหนทางของความอ้างว้าง การมุ่งมั่นต่อการเรียน และเกร็ดความรู้หลากหลาย ครูจะเอาหนังสือ มาให้พวกเราหัด อ่านและแปล ส่งครู เป็นหนังสือเรื่องสั้นเช่น รีเบคก้า เป็นต้น ฉันได้ฝึกอ่าน ฝึกแปลตอนนี้เอง


ครูสอนพวกเราอยู่สองปี ฉันรักครูเพิ่มขึ้นทุกวัน ครูช่างน่ารักเหลือเกิน หลังจากที่พวกเราจบมอศอห้า ครูเลี้ยงส่งพวกเราด้วยปาร์ตี้ที่โชว์รูมบ้านครู มีอาหารเลี้ยง อร่อย พวกเราดูมีความสุข แม้มีเรื่องหนักรออยู่อยู่ข้างหน้า เราต่างไม่กลัว และเชื่อมั่นว่าครูจะทำให้เราฝ่าข้ามทุกอย่าง


ฉันคิดถึงครูเสมอ เวลาที่เปิดหนังสือภาษาอังกฤษ หน้าครูจะลอยมาแล้วฉันจะแปลมันได้อย่างไม่ติดขัด ฉันรักครูของฉันเหลือเกิน


ฉันเอนทรานซ์เพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ฉันเลือกคณะมนุษย์ศาสตร์ มศว.บางแสนและสอบเข้าได้ ฉันอยากเป็นอาสาสมัครในเรือที่บรรทุกหนังสือไปจอดตามท่าในแต่ละประเทศ ฉันเคยอ้อนวอนน้องสาวให้พาฉันไปที่เรือ เมื่อเรือมาจอดที่ท่าเรือคลองเตย ฉันเห็นหนังสือในแต่ห้องของเรือแล้วหัวใจพอง มันช่างน่าอ่านเหลือเกิน ฉันเฝ้าดูมันจนน้องสาวบอกว่ากลับเถอะ ฉันจึงจากมาด้วยอาลัยอาวรณ์


แล้วฉันก็สอบผ่าน ได้ที่มศว.บางแสนจริงๆ แต่ฉันไม่ได้เรียนที่นั่นหรอก เพราะแม่ได้พาฉันไปสอบพยาบาล ฉันสอบผ่านได้เรียนที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหลักสูตรที่คณะรับผลิตพยาบาลให้ ปีละหนึ่งร้อยคน เรียนแค่สองปีก่อน ชื่อหลักสูตร ประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ระดับต้น ชื่อย่อ ปพย. จบแล้วให้กลับไปใช้ทุนตามโรงพยาบาลที่ส่งให้มาเรียนเป็นเวลาสี่ปี และรับมาเรียนต่อให้จบอีกสองปีหลังถ้านักเรียนสอบเข้าผ่าน แม่เลือกให้ฉันเรียนพยาบาล เพราะแม่กำลังป่วยจากโรคประจำตัว มันคุกคามแม่จนแม่แทบจะทนไม่ไหว


แม่ให้ฉันรายงานตัวเพื่อเรียนพยาบาล เมื่อฉันรู้ว่าสอบเอนทรานซ์ได้คณะที่ฉันอยากเรียน ฉันเลยลองถามแม่ดูว่า แม่จะอนุญาตให้ฉันไปเรียนหรือเปล่า แม่ตอบว่าใครจะส่งลูกเรียนเล่า เรียนที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหิดล เรียนฟรีและมีทุนให้ด้วยเดือนละห้าร้อยบาท


ฉันจึงไปเรียนพยาบาลโดยไม่ลังเลเพราะอยากดูแลแม่ ฉันคิดว่าถึงอย่างไรเสีย แม่สำคัญที่สุด ความฝันของฉันนั้น ไม่มีค่าอะไรเลยหากไม่มีแม่


แม่ส่งเงินค่าใช้จ่ายให้เดือนละสองพันห้าร้อยบาท ฉันเอาไปซื้อหนังสือเรียน หนังสืออ่าน บางส่วนที่เหลือ ฉันเก็บไว้ รอวันปิดเทอม ฉันกลับบ้านมาหาแม่และพี่น้อง ฉันซื้อของมาฝากทุกคน


ฉันมีโอกาสดีเหลือเกินที่ได้เรียนพยาบาลที่นี่ มีอาจารย์ที่เราเรียกคุณแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ หลายท่านรักเราเหมือนลูก ดูแลทะนุถนอม พร่ำสอน ยิ่งวิชาการพยาบาลพื้นฐานหรือที่พวกเราเรียกวิชาฟันดา ซึ่งสอนการปูเตียง เช็ดเตียงคนไข้ สอนการเช็ดตัว นวดหลัง การดูแลให้สุขสบาย รวมถึงเทคนิคการให้ยา การฉีดยา และสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นพยาบาล


ฉันจำได้อาจารย์ถามพวกเราว่าถูกบังคับให้มาเป็นพยาบาลหรือเปล่า ฉันตอบอาจารย์อย่างไม่ลังเลว่า เปล่าค่ะ แม่ไม่ค่อยสบาย อยากดูแลแม่ เป็นพยาบาลคงดีที่สุด จำได้ว่าอาจารย์ดึงตัวฉันไปกอด แล้วพูดว่าชื่นใจจริงลูกเอ๋ย


อาจารย์ทุกคนที่นี่ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพยาบาล เปี่ยมด้วยเมตตา และมีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะปลูกฝังการเป็นพยาบาลที่เปี่ยมไปด้วยน้ำจิตน้ำใจและมีเมตตายิ่ง ฉันช่างโชคดีเหลือเกิน


เราได้อยู่หอพักพยาบาลที่บางขุนนนท์ ทั้งหมดหนึ่งร้อยคน เป็นเด็กจากภาคใต้จังหวัดสงขลาและพัทลุง สิบคน เด็กอีสานจากอุบล บุรีรัมย์ หนองคาย แปดสิบคน เด็กจากภาคเหนือจากกำแพงเพชรอีกสิบคน ทุกคนมาจากต่างจังหวัด สำเนียงภาษาต่างกัน บางทีเดินสวนกันฉันได้ยินถึงสามภาษาในเวลาเดียวกัน ต่างคนต่างมาจากคนละทิศละทาง


วัฒนธรรมในการกิน อยู่ก็แตกต่างกัน คงเป็นโชคของเพื่อนจากอีสาน ที่มีมะละกอออกลูกดกมากอยู่สองต้น ต้นโตและสูง ยอดของมันมาถึงหน้าห้องน้ำของฉันพอดี เพื่อนๆเลยสอยมันลงมาตำกันสนุกสนานจนลูกเกลี้ยงต้น ได้ยินอาจารย์แม่บ้านเดินผ่านมาแล้วพูดเปรยๆว่า เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างนะลูกเอ๋ย บางคราวฉันเจอเขียดแห้งตากอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำ แล้วก็มีเสียงตำมะละกอโป๊กๆ ตำบักหุ่ง เพื่อนฉันจากอีสานตะโกนบอกฉัน กินด้วยกันไหม แซ่บหลาย

 

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
มาลำ
ฉันอายุสิบแปดปีในตอนที่เธอยังเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าใส่ชุดนักเรียนเทคนิค แบกกีต้าร์เดินผ่านบ้านพักของฉันและเพื่อนที่ฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างผอมสูงของเธอปรากฎให้เห็นในตอนเช้า ก่อนพลบค่ำเธอกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวเดิม มีคนบอกฉันว่า เธอเป็นลูกชายหนึ่งในสองคนของป้าผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งทำงานในห้องแลปของโรงพยาบาล เราได้แต่มองกันไปมาแล้วเงียบ วันคืนผ่านไป จนค่ำวันหนึ่งเธอส่งยิ้มมา ฉันทักเธอว่า ตกลงเป็นนักเรียนหรือนักร้อง เธอยิ้มหวานแล้วตอบเบาๆว่า ทั้งสองอย่างครับ
มาลำ
ฉันไม่นึกว่า พ่อจะมาเยี่ยมฉันจริงๆ หลังจากการป่วยยาวนาน แม้ฉันรับปากพ่อไว้ว่า ฉันจะกลับไปหาที่บ้านของเรา แต่ฉันใช้วันลาพักผ่อนทั้งปีหมดไปแล้ว ฉันไม่ได้กลับไปหาพ่ออีกเลย ฉันกับพ่อส่งข่าวกันผ่านสายโทรศัพท์ เราคุยกันทุกวันแม้ไม่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงพ่อฉันรู้สึกดีมากแล้ว พ่อดั้นด้นมาหาฉันถึงบ้าน พ่อเดินลงจากรถ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความดีใจ เราต่างโผเข้ามากอดกัน พ่อหอมหน้าผากฉันเหมือนเก่า ฉันถามพ่อว่า พ่อหายดีแล้วใช่ไหม ไม่น่าเชื่อเลย พ่อหายดีแล้วจริงๆ ตาขวาของพ่อปิดเองได้แล้ว เข่าขวาก็เป็นปกติ พ่อเดินได้เองไม่ต้องใช้อะไรช่วย ไม่ต้องพยุง…
มาลำ
วันนี้แล้วที่ฉันต้องจากพ่อไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ กว่าเราจะได้พบกัน ความเป็นห่วงพ่อยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว เช้านี้ฉันเดินอยู่บนเส้นทางเดิมของโรงพยาบาล จากประตูห้องพ่อ เดินตรงไป ถึงบันได ลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวขวาถึงร้านกาแฟร้านแรก ฉันซื้อกาแฟสดหนึ่งถ้วย เดินออกมาจากร้านแล้วไปร้านขายตั๋วรถที่อยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับร้านกาแฟ เป็นร้านเดียวในโรงพยาบาลที่ขายตั๋วเดินทางทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน คนขายถามฉัน เดินทางวันไหน ฉันตอบแล้วใจหาย พ่อนั่งมองฉันเก็บข้าวของสองสามอย่างใส่กระเป๋า อย่าลืมอะไรไว้นะลูก เก็บของให้หมดไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่ารถจะออก
มาลำ
หากมีใครนั่งมองความเคลื่อนไหวของฉัน เขาคงมองเห็นภาพที่ฉันเดินเข้าออกในโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนเช้ากลับไปอาบน้ำ นอนพักที่บ้านพักน้องชาย ตอนเที่ยงขึ้นรถมาโรงพยาบาล ลงจากรถก็เดินไปโรงอาหาร แวะร้านหนังสือร้านเดียวที่แอบอยู่ในซอกด้านซ้ายมือของโรงอาหาร หยิบหนังสือรายสัปดาห์มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วเดินเลยมาซื้อน้ำเต้าหู้ อาหารเจเจ้าประจำ ผลไม้และขนมหวานที่พ่อชอบเจ้าเดิม แวะซื้อกาแฟสดและขนมปังแผ่นที่มีอยู่ร้านเดียวของชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปผ่านหน้าห้องยา ร้านขายกาแฟเย็นและน้ำอัดลม ถึงประตูตึก ผ่านเตียงที่พ่อเคยนอนหน้าเคาน์เตอร์…
มาลำ
ดึกแล้ว พ่อนอนหลับสนิทในม่านสีเขียว หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ฉันลืมตา เงยหน้าจากข้างเตียงที่ฟุบลงไป ห่มผ้าให้พ่อแล้วลุกไปล้างหน้า กลับมานั่งอยู่ในม่าน  นั่งมองพ่อหลับ นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันยาวนานอย่างนี้ตาข้างขวาของพ่อยังไม่ปิดลง มันเปิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น เมื่อฉันก้มลงไปมองใกล้ๆ พบว่าในตาของพ่อมีฉันอยู่ในนั้น  ฉันนึกภาวนาให้มันปิดลงเป็นปกติ ฉันอยากให้พ่อเป็นเหมือนเดิม เป็นพ่อคนเดิมของฉัน
มาลำ
พ่อหลับอยู่อย่างนั้นทั้งคืน มีเพียงเสียงหายใจและเสียงพลิกตัวเท่านั้นบอกเราว่า พ่อยังหลับอยู่ พ่อไม่ได้พูดอะไรที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พ่อหลับเงียบแน่นิ่ง ถึงกระนั้นฉันก็นั่งเฝ้าพ่อแบบตาไม่กระพริบ พ่อหลับโดยที่มีฉันนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้น นอกเหนือจากการเช็ดตัวให้พ่อ ดูยาที่หยดลงในสายน้ำเกลือ วัดความดันเลือดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก นอกจากจ้องมองพ่อ   บางเวลาที่ดึกมากๆ ฉันง่วงมาก เผลอหลับฟุบลงบนเตียงพ่อ ข้างๆ มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง  ฉันหลับอยู่ในท่านั้นจนสะดุ้งตื่น ทันที่ที่รู้สึกตัว ฉันลนลานจ้องมองพ่อ ดูที่หน้าอกพ่อว่าขยับเคลื่อนไหวหายใจอยู่หรือเปล่า…
มาลำ
พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่นเช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน…
มาลำ
เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูกฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ …
มาลำ
ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาเข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น  แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม  เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ…
มาลำ
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้มต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน …