Skip to main content
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง


เธอมาจากห้องควีน มาอยู่ห้องคิงที่เป็นที่หนึ่งของโรงเรียน เป็นคนเดียวที่ได้เลื่อนชั้นมาจากมอศอสอง ขึ้นมอศอสาม จริงๆ ฉันเห็นเธอก่อนหน้านั้นทุกวัน ฉันนั่งรถประจำไปโรงเรียนทุกวัน เธอจะขึ้นรถคันเดียวกับฉันที่หน้าบ้านของเธอ


เธอขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายจึงไม่มีที่นั่ง เธอจะยืนเรียบร้อยอยู่ตรงประตูทางขึ้น ฉันมองป้ายชื่อเธอทุกวันแล้วคิดในใจว่า เธอมีชื่อที่เพราะมาก ฉันท่องคำพระในใจว่า สุวิชาโน ภวังโหติ ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ชื่อของเธอ สุวิชานนท์ แปลว่าผู้รู้ดี มันช่างเพราะจับใจ ยิ่งเธอปากแดง แต่งตัวสะอาด เสื้อผ้าเรียบกริบ ฉันยิ่งทึ่งมองเธอไปตลอดทางจนถึงโรงเรียน


หากแต่เราไม่เคยพูดกัน ในหัวของฉันมีแต่หนังสือ เวลาที่ครูเขียนโจทย์ไว้บนกระดาน แล้วให้คนที่ทำได้ออกไปแสดงวิธีทำหน้าห้อง ฉันจะเป็นคนเดียวที่ออกไปตลอด จนครูเลือกฉันออกข้อสอบในห้อง ให้ฉันเขียนโจทย์แต่ละข้อโดยไม่สนใจว่าฉันจะบอกใครหรือเปล่า ข้อสำคัญครูรู้ว่าฉันตอบได้หมดทุกข้อ ครูเลยไม่เดือดร้อนที่จะคอยนั่งจับผิด


เธอเป็นเด็กกิจกรรม ทุกครั้งที่เรามีกิจกรรมในห้อง ฉันเห็นเธอเสนอความคิดออกแรง ช่วยขาย เรื่องออกร้านเธอคล่องแคล่ว ทุกคนที่ช่วยกันต้องนอนที่โรงเรียน ส่วนฉันไม่เคยได้เข้าร่วม แม่ไม่เคยอนุญาตให้ไปนอนค้างที่ไหน กฎนี้ไม่ยกเว้นที่โรงเรียนด้วย ฉันจึงได้แต่มองเธอแล้วทำตาปริบๆ ฟังพวกเธอคุยกันแล้วใจหาย แต่ช่างเถอะไม่ได้ก็ไม่ได้ ฉันทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง


เธอจึงเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกคนเพราะเธอเสียสละตัวเองเพื่อเพื่อนเสมอ ไปช่วยเพื่อนเกี่ยวข้าว ถางไร่ ดำนา เธอบุกลุยมาตลอด ฉันจึงไม่แปลกใจที่เมื่อเปิดเทอมเธอมีผิวคล้ำลงแบบคนที่กรำแดดมาอย่างหนัก ฉันได้แต่เงี่ยหูฟังเท่านั้น เพื่อนคอยชมเธอให้ฉันได้ยิน เธอช่างเป็นคนดีเสียจริง


ถึงกระนั้นฉันยังได้เป็นนักกีฬาของห้อง เล่นวอลเล่ย์บอล และแข่งกับห้องอื่นด้วย เพื่อนผู้ชายที่ไม่หล่อที่สุดในห้อง ไปนั่งเฝ้าดูพวกเราเล่น ฉันไม่ชอบเลยที่เป็นอย่างนั้น แต่ก็เงียบไว้ จนกระทั่งเขาเปรยออกมาว่า ทำไมคนเล่นกีฬามีแต่คนไม่สวย ฉันนึกโกรธเขาขึ้นมาเลยตะโกนบอกเขาว่า ไปไกลๆเลย เกลียดจริงๆผู้ชายอย่างนี้มานั่งกินแรงผู้หญิงอยู่ได้ ปากเสียอีกต่างหาก นายคนนั้นอ้าปากหวอ และเดินจากไป พลางพูดว่า ล้อเล่นนะ อย่าโกรธกันสิ เมื่อฉันทำงานได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฉันนึกสงสารคนไข้เมื่อคิดว่าเขาพูดจาเหมือนเดิมหรือเปล่า


ส่วนเธอยังเป็นอย่างนั้นตลอดการเรียนจนจบมอศอสาม เพื่อนๆในห้องจึงสนิทกับเธอมาก และรักเธอกันทุกคน ฉันกับเธอไม่เคยคุยกันเลยจนกระทั่งเราเรียนจบ หากจริงๆแล้วฉันไม่เคยคุยกับเพื่อนผู้ชายคนไหนเลยสักคนต่างหาก


ฉันเรียนจบแล้วไปสอบเรียนต่อที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานีและโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา เราไปสอบกันสี่คน มีฉันคนเดียวที่สอบผ่านทั้งสองโรงเรียน เพื่อนผู้หญิงที่ฉันสนิทด้วย สอบได้ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ อีกสองคนไปสอบได้ที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม สงขลา


ฉันเลือกเรียนที่โรงเรียนสาธิต เพราะโรงเรียนน่าอยู่มากๆ อาคารเรียนมีแค่สี่หลัง ชั้นมอศอสี่ นักเรียนมีเพียงสี่ห้อง สายวิทย์-คณิต 1 ห้อง สาย ศิลป์-คณิต 1 ห้อง สายศิลป์-ภาษา 1 ห้อง ห้องสุดท้ายเป็นของเด็กมุสลิมที่เรียนจากปอเนาะ หรือโรงเรียนสอนศาสนามุสลิมมา เรียนฟรีและเป็นสายศิลป์-ภาษามุสลิม ส่วนพี่มอศอห้า ก็มีอยู่จำนวนเท่าน้องมอศอสี่


ฉันเจอเธอ ที่สถานีรถไฟ ตอนที่ฉันกำลังจะไปรายงานตัวที่โรงเรียนสาธิต เธอบอกฉันว่าสอบเข้ามหาวชิราวุธได้ ได้ข่าวว่าเธอสอบได้สองที่สินะ เธอบอกไม่แปลกใจหรอก เธอเก่งตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฉันได้แต่อมยิ้มฟังเธอพูด เธอดูเรียบร้อยปากแดงเหมือนเดิม ที่สำคัญเธอพูดเพราะมากๆ


ฉันเลยเล่าให้เธอฟังว่าครูที่โรงเรียนเดิมของเรา สอนวิชาภาษาไทย และเป็นญาติกับฉันด้วยเพราะภรรยาเขาเป็นญาติฝ่ายแม่ฉัน เขากวักมือเรียกฉันไปฟังเขาพูดว่า เธอนี่ดูเซื่องๆซึมๆแบบคนไม่เต็มบาท ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียนหนังสือเก่ง ฉันฟังแล้วอ้าปากค้าง ตกใจที่ครูพูด ชมหรือด่ากันแน่


เธอหัวเราะสุดเสียง ฉันยิ่งโกรธครู เธอว่าครูคงไม่ได้ตั้งใจพูดแต่พูดไปแล้ว ฉันเดินหนีครูออกมาแล้วคิดว่า ครูปากเสียแบบนี้จะสอนศิษย์ให้เป็นคนดีได้อย่างไร กลับมาบ้านฉันเล่าให้แม่ฟัง แม่หัวเราะ บอกว่าเขาชมนะลูก ฉันบอกแม่ว่า ชมอย่างนี้ไม่ต้องชมเลย ต่อไปไม่ต้องมาพูดกัน ฉันไม่ฟังอีกแล้ว


ฉันได้เรียนที่ห้องสายศิลป์-คณิต มีเพื่อน สี่สิบคน เป็นลูกของคณบดี ลูกของอธิการบดีคณะมนุษย์ศาสตร์ ลูกของที่ดินอำเภอ ลูกของสรรพากรอำเภอ ลูกของนักธุรกิจใหญ่ในปัตตานี ลูกของแม่ทัพภาค และอีกหลายคนที่ล้วนเป็นลูกของคนใหญ่คนโต มีฉันเพียงคนเดียวที่เป็นลูกชาวนา ช่างน่าภูมิใจจริงๆ


ที่นี่เป็นที่ที่บ่มเพาะให้เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาของฉันเจริญงอกงาม มีห้องสมุดจอห์น เอฟ เคนเนดี้ที่ใหญ่และเต็มไปด้วยหนังสือ ที่สำคัญเปิดให้นักศึกษาอ่านและใช้บริการถึงสามทุ่ม เป็นที่หมกตัวอ่านหนังสือของฉัน ฉันตะลุยอ่านหนังสือเกือบหมดในห้องสมุด


หอสมุดเต็มไปด้วยหนังสือดีๆ บรรยากาศเงียบสงบ ต้นไม้รอบๆก็สวยเหลือเกิน เวลาเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เราจะเห็นทะเลโคลน แล้วนึกถึงกลิ่นของมัน ท้องฟ้าที่เราเห็นเป็นสีฟ้าสด ฉันมองแล้วคิดถึงบ้านจับใจ


แม่ซื้อจักรยานเฟสสันให้ฉัน ราคาหกร้อยบาท เพราะเห็นว่าตัวเมืองอยู่ไกล และในมหาวิทยาลัยก็ร่มรื่น น่าปั่นจักรยานที่สุด แม่เช่าหอพักหน้าโรงเรียนให้ฉันอยู่ ชื่อหอร่วมใจ แล้วจ่ายเงินพร้อมค่าข้าวตอนเช้าที่ให้ฉันกินก่อนไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อนฉันเคยไปกิน เห็นฉันลุกไปไม่จ่ายเงิน บอกฉันว่ากินฟรีหรือ ฉันหัวเราะ บอกแม่จ่ายเงินค่าข้าวเป็นรายเดือนให้แล้ว


ที่โรงเรียน คุณครูมองถึงอนาคต สอนนักเรียนให้คิดกว้างไกล ให้โอกาส มีการยกเงินกิจกรรมให้เด็กกิจกรรมบริหารเงินเอง กีฬาที่สอนในแต่ละเทอมคือ ลีลาศเพื่อฝึกท่าทางการเดิน การเต้น ว่ายน้ำ เทนนิส


ฉันจึงว่ายน้ำได้ทุกท่าจากที่ว่ายน้ำแบบเด็กว่ายน้ำในคลองเป็นเท่านั้น ฉันติดว่ายน้ำมาก บางวันฉันว่ายตั้งแต่สระเปิดจนสระปิด หลังเลิกว่ายน้ำ ฉันจะปั่นจักรยาน ไปกินข้าวที่โรงช้าง อาหารที่กินทุกวันจนแม่ค้าจำได้ไม่ต้องสั่งก็คือ ข้าวโปะไข่เจียวรวมมิตร คนขายเป็นมุสลิม ไข่เจียวรวมมิตรใช้ถั่วลันเตา ข้าวโพด แครอท ใส่ในไข่ ตีให้เข้ากัน แล้วเจียวในไฟแรงๆ กลับไข่สองครั้ง ความหวานของผักจะออกมาที่ไข่ เวลากินมันจะกรอบนอก นุ่มใน เป็นอาหารจานเดียวตลอดมาของการอยู่ในโรงเรียนสาธิตของฉัน


เทนนิสเป็นกีฬาที่ฉันชอบมาจนถึงตอนนี้ ฉันจำการเล่นและกติกาของเทนนิสได้ขึ้นใจ  ครูให้พวกเราลองแข่งกันดู ฉันจำได้ว่าอากาศร้อนมากแต่ทุกคนหัวเราะกันและมีความสุขมาก


มีเรื่องตื่นเต้นสำหรับฉันคือ มีครูสาวมาจากประเทศฝรั่งเศส เป็นเด็กไทยในจังหวัดปัตตานี ลูกเจ้าของโชว์รูมขายรถที่ใหญ่ที่สุดในปัตตานี หลังจากไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศสมาตั้งแต่เล็กจนโตมาสอนวิชาภาษาอังกฤษให้พวกเรา


เมื่อครูเดินเข้าห้องมา พวกเราในห้องถึงกับตาค้าง ครูสวยมาก ผิวขาวผ่อง เกล้ามวย ใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว นุ่งผ้าปาเต๊ะสีสด ครูสวยเหมือนนางไม้ หันไปมองเพื่อนผู้ชายในห้องของฉันต่างทำตาหวานกันทั่วถึง


หน้าครูสวยเหมือนตุ๊กตาเซรามิก เมื่อเดินมาถึงกลางห้องเรียน ครูยกเก้าอี้มาวางตรงกลางหน้าห้อง แล้วครูนั่งลง ผ้าปาเต๊ะร่นจากปลายเท้าขึ้นมาเปิดให้เห็นข้อเท้าที่ขาวผ่องและมีลูกกระพรวนเล็กๆอยู่ที่นั่น เสียงมันดังกรุ๋งกริ๋งเวลาครูขยับเท้า


หลังทำความเคารพครู พวกเราบอกว่า วันนี้ครูเล่าให้ฟังอย่างเดียวได้ไหมถึงประเทศฝรั่งเศส ครูหัวเราะ มีบางคนถามว่า แล้วทำไมครูกลับมา ไม่น่ากลับมาเลยที่โน่นต้องสบายมากๆ ครูหัวเราะ จำได้ว่าครูพูดเสียงดังฟังชัด แม้สำเนียงจะเป็นฝรั่งมากๆ แต่ครูจะพยายามพูดไทย ครูบอกเหตุผลของการที่กลับมาเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินเกิด ฉันฟังแล้วรู้สึกว่าคำนี้เพราะจับใจ


ฉันชอบวิชานี้มาก เพราะเรื่องเล่าที่ครูเล่าทุกวัน เป็นเรื่องการใช้ชีวิตในต่างแดน ครูจะนำทักษะการใช้ชีวิต การฝ่าข้ามหนทางของความอ้างว้าง การมุ่งมั่นต่อการเรียน และเกร็ดความรู้หลากหลาย ครูจะเอาหนังสือ มาให้พวกเราหัด อ่านและแปล ส่งครู เป็นหนังสือเรื่องสั้นเช่น รีเบคก้า เป็นต้น ฉันได้ฝึกอ่าน ฝึกแปลตอนนี้เอง


ครูสอนพวกเราอยู่สองปี ฉันรักครูเพิ่มขึ้นทุกวัน ครูช่างน่ารักเหลือเกิน หลังจากที่พวกเราจบมอศอห้า ครูเลี้ยงส่งพวกเราด้วยปาร์ตี้ที่โชว์รูมบ้านครู มีอาหารเลี้ยง อร่อย พวกเราดูมีความสุข แม้มีเรื่องหนักรออยู่อยู่ข้างหน้า เราต่างไม่กลัว และเชื่อมั่นว่าครูจะทำให้เราฝ่าข้ามทุกอย่าง


ฉันคิดถึงครูเสมอ เวลาที่เปิดหนังสือภาษาอังกฤษ หน้าครูจะลอยมาแล้วฉันจะแปลมันได้อย่างไม่ติดขัด ฉันรักครูของฉันเหลือเกิน


ฉันเอนทรานซ์เพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ฉันเลือกคณะมนุษย์ศาสตร์ มศว.บางแสนและสอบเข้าได้ ฉันอยากเป็นอาสาสมัครในเรือที่บรรทุกหนังสือไปจอดตามท่าในแต่ละประเทศ ฉันเคยอ้อนวอนน้องสาวให้พาฉันไปที่เรือ เมื่อเรือมาจอดที่ท่าเรือคลองเตย ฉันเห็นหนังสือในแต่ห้องของเรือแล้วหัวใจพอง มันช่างน่าอ่านเหลือเกิน ฉันเฝ้าดูมันจนน้องสาวบอกว่ากลับเถอะ ฉันจึงจากมาด้วยอาลัยอาวรณ์


แล้วฉันก็สอบผ่าน ได้ที่มศว.บางแสนจริงๆ แต่ฉันไม่ได้เรียนที่นั่นหรอก เพราะแม่ได้พาฉันไปสอบพยาบาล ฉันสอบผ่านได้เรียนที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหลักสูตรที่คณะรับผลิตพยาบาลให้ ปีละหนึ่งร้อยคน เรียนแค่สองปีก่อน ชื่อหลักสูตร ประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ระดับต้น ชื่อย่อ ปพย. จบแล้วให้กลับไปใช้ทุนตามโรงพยาบาลที่ส่งให้มาเรียนเป็นเวลาสี่ปี และรับมาเรียนต่อให้จบอีกสองปีหลังถ้านักเรียนสอบเข้าผ่าน แม่เลือกให้ฉันเรียนพยาบาล เพราะแม่กำลังป่วยจากโรคประจำตัว มันคุกคามแม่จนแม่แทบจะทนไม่ไหว


แม่ให้ฉันรายงานตัวเพื่อเรียนพยาบาล เมื่อฉันรู้ว่าสอบเอนทรานซ์ได้คณะที่ฉันอยากเรียน ฉันเลยลองถามแม่ดูว่า แม่จะอนุญาตให้ฉันไปเรียนหรือเปล่า แม่ตอบว่าใครจะส่งลูกเรียนเล่า เรียนที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหิดล เรียนฟรีและมีทุนให้ด้วยเดือนละห้าร้อยบาท


ฉันจึงไปเรียนพยาบาลโดยไม่ลังเลเพราะอยากดูแลแม่ ฉันคิดว่าถึงอย่างไรเสีย แม่สำคัญที่สุด ความฝันของฉันนั้น ไม่มีค่าอะไรเลยหากไม่มีแม่


แม่ส่งเงินค่าใช้จ่ายให้เดือนละสองพันห้าร้อยบาท ฉันเอาไปซื้อหนังสือเรียน หนังสืออ่าน บางส่วนที่เหลือ ฉันเก็บไว้ รอวันปิดเทอม ฉันกลับบ้านมาหาแม่และพี่น้อง ฉันซื้อของมาฝากทุกคน


ฉันมีโอกาสดีเหลือเกินที่ได้เรียนพยาบาลที่นี่ มีอาจารย์ที่เราเรียกคุณแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ หลายท่านรักเราเหมือนลูก ดูแลทะนุถนอม พร่ำสอน ยิ่งวิชาการพยาบาลพื้นฐานหรือที่พวกเราเรียกวิชาฟันดา ซึ่งสอนการปูเตียง เช็ดเตียงคนไข้ สอนการเช็ดตัว นวดหลัง การดูแลให้สุขสบาย รวมถึงเทคนิคการให้ยา การฉีดยา และสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นพยาบาล


ฉันจำได้อาจารย์ถามพวกเราว่าถูกบังคับให้มาเป็นพยาบาลหรือเปล่า ฉันตอบอาจารย์อย่างไม่ลังเลว่า เปล่าค่ะ แม่ไม่ค่อยสบาย อยากดูแลแม่ เป็นพยาบาลคงดีที่สุด จำได้ว่าอาจารย์ดึงตัวฉันไปกอด แล้วพูดว่าชื่นใจจริงลูกเอ๋ย


อาจารย์ทุกคนที่นี่ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพยาบาล เปี่ยมด้วยเมตตา และมีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะปลูกฝังการเป็นพยาบาลที่เปี่ยมไปด้วยน้ำจิตน้ำใจและมีเมตตายิ่ง ฉันช่างโชคดีเหลือเกิน


เราได้อยู่หอพักพยาบาลที่บางขุนนนท์ ทั้งหมดหนึ่งร้อยคน เป็นเด็กจากภาคใต้จังหวัดสงขลาและพัทลุง สิบคน เด็กอีสานจากอุบล บุรีรัมย์ หนองคาย แปดสิบคน เด็กจากภาคเหนือจากกำแพงเพชรอีกสิบคน ทุกคนมาจากต่างจังหวัด สำเนียงภาษาต่างกัน บางทีเดินสวนกันฉันได้ยินถึงสามภาษาในเวลาเดียวกัน ต่างคนต่างมาจากคนละทิศละทาง


วัฒนธรรมในการกิน อยู่ก็แตกต่างกัน คงเป็นโชคของเพื่อนจากอีสาน ที่มีมะละกอออกลูกดกมากอยู่สองต้น ต้นโตและสูง ยอดของมันมาถึงหน้าห้องน้ำของฉันพอดี เพื่อนๆเลยสอยมันลงมาตำกันสนุกสนานจนลูกเกลี้ยงต้น ได้ยินอาจารย์แม่บ้านเดินผ่านมาแล้วพูดเปรยๆว่า เหลือไว้ทำพันธุ์บ้างนะลูกเอ๋ย บางคราวฉันเจอเขียดแห้งตากอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำ แล้วก็มีเสียงตำมะละกอโป๊กๆ ตำบักหุ่ง เพื่อนฉันจากอีสานตะโกนบอกฉัน กินด้วยกันไหม แซ่บหลาย

 

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง
มาลำ
พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน
มาลำ
ตอนเด็กๆ ฉันเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ ขี้โกรธ เอาแต่ใจตัวเอง สกปรก ชอบเกี่ยงงานให้พี่สาวทำงานหนักจนตัวแคระแกร็น ส่วนตัวชอบหนีเที่ยว ไปเก็บเห็ดบ้าง ไปตกปลาบ้าง ทั้งที่รู้ว่า กลับมาบ้านแม่จะตีฉันจนยับเยิน หากแต่ฉันไม่เคยนึกกลัว เจ็บแล้วหายวันรุ่งขึ้นไปใหม่
มาลำ
ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้
มาลำ
ศรีตรังคลี่กลีบสีม่วงสวยออกมาแย้มยิ้ม  ทักทายสายลมร้อน เฉลา อินทนิล โบกกลีบ มาถึงแล้วสีม่วงสุดสวย ละมุนละไม แดดร้อนตอนเที่ยงวัน เนื้อตัวเหมือนแสบไหม้ ไอร้อนจากถนนโชยมา ฉันก้มหน้าก้มตาเดิน หาต้นไม้ในหัวใจสักต้น โน่นไง ฉันก้าวเท้าเข้าไปหา ไฮเดรนเยียสีโปรดของฉัน สีม่วงครามกำลังบาน บ่ายแล้ว ผู้หญิงหน้าตาไหม้เกรียมกำลังหอบต้นไม้ออกดอกสีม่วงขึ้นรถมุ่งตรงไปวัด
มาลำ
บ้านของย่าอยู่ริมฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้ยกสูง เวลาเดินแผ่นไม้ในบ้านส่งเสียงดังตามจังหวะการเดิน ย่าคอยบอก เดินค่อยๆนะลูก ย่องๆเดินนะทำเป็นไหม จะได้ไม่มีเสียงดัง ย่าชอบทำขนม ที่บ้านย่าจึงมีหลานๆเต็มบ้าน  ลูกๆของน้าชาย น้าสาวและพี่น้องของฉันอีกหกคน หนึ่งในเด็กหลายคนนั้น มีอยู่คนเดียวที่เป็นเหตุผลของการขอแม่ไปนอนบ้านย่าของฉัน เขาเป็นลูกของน้าสาว อายุเท่าฉัน ตัวโต ผิวคล้ำ ดวงตาเขาเศร้า ท่าทีเงียบขรึม   เขาว่ายน้ำเก่ง จับปลาได้คล่องแคล่ว   ไม่มีท่าทีรำคาญที่พี่สาวอย่างฉัน คอยเดินตามเขา คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา ฉันติดเขาแจจนย่าออกปาก ระวังนะ เหาบนหัวจะกระโดดมาหากัน…
มาลำ
น้ำในคลองวังหยีสีเขียวเข้ม ชื่อคลองวังหยีเพราะมีต้นหยีต้นใหญ่อยู่ริมฝั่ง เป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่านทุ่งนากว้างใหญ่ของหมู่บ้าน น้ำจะไหลเชี่ยวและกัดเซาะทุกอย่างที่ขวางหน้า ก่อนจะไหลข้ามสะพาน น้ำจะไหลเอื่อยลงไปในแอ่งลึกที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเรียกว่าวัง น้ำในวังจะสีเขียวเข้มกว่าส่วนอื่น เพราะความลึกของมัน แค่เพ่งมองฉันก็นึกกลัวขึ้นมา ยิ่งแว่วเสียงคนบอกเล่า มีผีพรายอยู่ในวังด้วยนะ ผีพรายเป็นผู้หญิงผมยาวที่เฝ้าอยู่ในวัง เวลาเล่นน้ำระวังเถิดมันจะมาดึงขาลากลงไปอยู่ในวังด้วยกัน ฉันกลัวจนตัวสั่น ทำให้ฉันต้องลืมตาทุกครั้งเวลาดำน้ำ หลังไปช่วยแม่เก็บน้ำยางที่สวน…
มาลำ
  หนังสือชื่อ ผมเป็นมะเร็งอายุ 5 ขวบ วางอยู่บนโต๊ะของฉันมานาน ฉันทำได้แค่มองผ่าน ทั้งที่อยากจะเปิดอ่านเหลือเกิน ฉันชอบอ่านหนังสือเพราะโลกของฉันมันแสนเศร้า เวลาที่ปวดร้าวฉันต้องนั่งลงเปิดหนังสือแล้วทุ่มตัวลงอ่าน อ่านเหมือนคนที่ไม่เคยได้อ่านมาตลอดชีวิต นึกถึงคำของแม่เวลาที่ฉันช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ฉันช่วยแม่ตำน้ำพริก แม่จะโวยวายใส่ฉันทุกครั้งที่ฉันวางหนังสือไว้ข้างตัว แม่บอกว่าเลิกอ่านก่อน ทำงานให้แม่เสร็จก่อน ฉันหัวเราะแล้วหยิบเอากระดาษห่อของยกขึ้นมาอ่าน ตำน้ำพริกไปด้วยสำหรับหนังสือเล่มนี้ของฉัน แค่มองเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ที่นอนชูสองนิ้วยิ้มหวานปากแดงแล้วบอกว่า…
มาลำ
  น้องรัก ไปสู่ความสงบที่สุดนะ เวลาของเธอมาถึง  เธอผ่านพ้นความทรมานแล้ว  แม้เรายังไม่ได้พบกัน เสียงเพลงของเธอยังดังกังวานให้ฉันได้ยิน ถ้อยคำที่เธอพูดยังดังแว่วอยู่ในหู เสียงเธอที่สดใสหลังฟังเพลงด้วยกันยังดังอยู่ แม้มือของฉันเอื้อมไปไม่ถึงเธอ  เราจากกันเสียแล้ว    ทำไมหนอชีวิตได้โหดร้ายนัก เธออายุสี่สิบปีเท่านั้นเอง ...........................                                     …
มาลำ
เสียงเธอดังแว่วแผ่วมาตามสาย อยู่โรงพยาบาลครับพี่ ท้องบวมแล้วเหนื่อยมาก หมอให้นอนให้น้ำเกลือ เหนื่อยครับเหนื่อยจัง เธอพูดเหมือนเพ้อ ฟังไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน บางตอนเหมือนคนไข้ที่กำลังแย่แล้วเสียงหอบหายใจแรงดังเข้ามาในสาย ฉันตกใจ ละล้าละลัง ฟังเธอพูดแล้วนึกอยากไปให้ถึงตัวเธอในเดี๋ยวนั้น เธอยื่นหูโทรศัพท์ไปให้แม่ของเธอที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง หลังจากที่เธอพูดสลับหอบให้ฉันฟังอยู่นาน ฉันจึงได้รู้ว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี แม่บอกว่าหมอจำหน่ายแล้ว ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจ ถามกลับแม่ไปว่า แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไรหล่ะแม่ เธอเหนื่อยออกจะแย่อย่างนั้น แค่ลุกจากเตียง เธอยังลุกไม่ไหวใช่ไหม…
มาลำ
เสียงของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มาในค่ำวันหนึ่ง ผมจะบวชกลางเดือนนี้ครับ โทรมาให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วย ฉันถามเธอว่า บวชนานแค่ไหนเล่า เธอตอบว่า หนึ่งเดือนครับ ฉันบอกเธอว่าดีมากเลยที่ได้มีเวลาอย่างนี้ อย่างน้อยเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วงของชีวิต ฉันอนุโมทนาด้วย ขอให้ใช้วันเวลาในผ้าเหลืองอย่างเป็นสุข หลังจากวันนั้นเสียงเธอหายไป ฉันนึกถึงวันผ่านที่เราเคยโบกรถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ฉันและเพื่อนห้าคนรวมทั้งเธอผู้อาสาเป็นคนนำทาง เราเล่นน้ำในน้ำตกมวกเหล็ก ก่อนจะนั่งรถต่อไปดูฟาร์มโคนม วังตะไคร้ สายลมผ่านเนื้อตัวเย็นชื่น…
มาลำ
ใครจะนึกว่าเธอต้องเดินเข้าไปในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โรงพยาบาลนี้ เธอเคยเดินมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเด็กในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยกับทุกคน เป็นโรงพยาบาลที่ฉันเคยไปฝึกงาน ได้รู้จักกับเธอในครั้งแรกเธอเดินเข้าไปตรวจ เป็นอะไรไม่รู้ครับ มันแน่นๆท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง หมอที่ตรวจก็เป็นหมอรู้จักกัน กดท้องของเธอแล้วบอกเบาๆว่าตับโตมาก เธอกินเหล้ามากเกินไปหรือเปล่า สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม ลดลงบ้างนะ หมอบอกเธอกี่ปีแล้วนะที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอรำพึงหลังปั่นจักรยานกลับบ้าน คำพูดหมอดังแว่วมา สงสัยเป็นตับแข็งนะ ต้องทำอัลตราซาวด์ดูแล้ว วันคืนของเธอกำลังสั้นลงแล้ว…