Skip to main content
หอพักมีทั้งหมดสิบชั้น ห้องสมุดอยู่ชั้นล่างสุด เปิดจนถึงสี่ทุ่ม ที่นั่นเป็นที่หมกตัวของฉันเช่นเคย ฉันอ่านหนังสือจนหมดทุกเล่มที่มีในห้องสมุด วนเวียนอ่านซ้ำไปซ้ำมาในบางเล่ม อาจารย์ที่ดูแลหอพักใจดีจะเปิดหอให้พาใครมาก็ได้มาร่วมปาร์ตี้ในคืนไฟรไนท์ หรือคืนวันศุกร์ของก่อนปิดเทอม จำได้ว่า มีวงดนตรีมาเล่นชื่อวงดิอินโนเซนท์ เล่นเพลงสนุกและเพราะพริ้งให้พวกเราเต้นกันทั้งคืนจนเกือบสว่าง

\\/--break--\>
บางเวลาที่ฉันนั่งเรือข้ามฟากมาท่าพระจันทร์เพื่อมาหาหนังสือที่ร้านดอกหญ้า เข้าไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปเข้าห้องสมุดดูบรรยากาศ ห้องสมุดที่คณะที่ฉันเรียนก็มีหนังสือมากมาย บางคราวฉันอยากแปลงตัวเป็นแมลงเพื่อแอบอ่านหนังสือตอนที่ทุกคนหลับ


ฉันมีโอกาสได้ที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นพยาบาล วิชาพื้นฐานอย่างอนาโตมีหรือกายวิภาคศาสตร์ และสรีรวิทยา ได้เรียนจากอาจารย์ใหญ่ในตึกกายวิภาค อาจารย์ของฉันได้เขียนชื่อกายวิภาคแต่ละส่วนไว้ติดตามร่างกายของอาจารย์ใหญ่ ฉันจำได้ขึ้นใจ


วันมหิดล ฉันได้ร่วมกิจกรรมขายธงระดมทุนสำหรับโรงพยาบาลศิริราช เรานั่งรถบัสของมหาวิทยาลัยมหิดลไปขายธงกันถึงนครปฐม ได้ไหว้พระปฐมเจดีย์ ได้นั่งรถเที่ยว ได้รู้จักพี่ๆทั้งแพทย์และพยาบาลศิริราช เหนืออื่นใดมันมีความอิ่มเอิบใจมากๆที่ได้ทำบุญในวันนั้น


สองปีของการเรียนให้คุณค่ามากมาย ฉันรู้จักตัวเองดีขึ้นจากการเรียนที่นี่ ได้ความรักความเมตตาจากอาจารย์ทุกคน หล่อหลอมดวงใจของพวกเราให้มุ่งมั่นและเป็นพยาบาลที่ดีมีเมตตาตามแนวทางที่อาจารย์ปฎิบัติมา ฉันจึงรู้แล้วว่าเส้นทางบุญที่ฉันเดินมานั้นถูกต้องที่สุดแล้ว


ฉันจบมาได้ทำงานที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เงินเดือนเดือนแรกที่ได้มีจำนวนสองพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน แม่หัวเราะบอกว่าได้น้อยกว่าเงินเดือนที่แม่ให้ ถึงกระนั้นฉันก็ยังเอาเงินเดือนเดือนแรกให้แม่ ฉันอยากให้แม่ดีใจที่ส่งฉันเรียนแล้วได้เงินเดือนเป็นคนแรกของบ้านเรา ฉันเอาน้องสาวตัวเล็กมาอยู่ด้วยที่แฟลตพยาบาล มาเรียนหนังสือชั้นมอหนึ่งที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม สงขลา


ส่วนเธอเรียนจบจากมหาวชิราวุธแล้วเอนทรานซ์ได้ที่คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี จนจบ เธอได้ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเหมือนฉัน อย่างน้อยเธอได้นั่งในหอสมุดที่สวยที่สุดในใจฉันแน่นอน


แล้วเธอก็สอบเรียนต่อปริญญาโทได้ ทั้งที่ในตอนแรก เธอจบมาแล้วเธอหวังจะเป็นปลัดอำเภอให้ได้ หากเมื่อเรียนจนจบ เธอรู้แล้วว่า หนทางที่เธอเลือกมันช่างตีบตัน เธอจึงไปสอบเรียนต่อแบบคนไม่มีทางไป เธอสอบได้และไปรายงานตัวเพื่อเรียนต่อแล้ว


วันหนึ่งน้องสาวตัวเล็ก เอาบัตรสี่ใบมายื่นให้บอกว่า เธอมาหาและให้บัตรนัดพบเพื่อนไว้ที่บ้านของเธอเอง ฉันรับบัตรแล้ว ถามน้องว่าฉันสมควรไปไหม น้องตอบว่า ไปสิเธอไม่อยากเจอเพื่อนเก่าหรือ ฉันจึงนั่งรถแท็กซี่มาจากหาดใหญ่พร้อมเพื่อนที่เป็นพยาบาลด้วยกันที่รพ.หาดใหญ่ทั้งสี่คน


ฉันลงจากรถแท็กซี่เดินเข้าบ้านเธอ เธอออกมาต้อนรับ แล้วแสดงสีหน้าดีใจ เธอยังพูดเพราะเหมือนเดิม หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว เธอได้ออกมาพูดหน้าเวทีเล็กๆในบ้านว่า ดีใจที่พวกเรามากันทุกคน ใครอยากร้องเพลง ใครอยากทำอะไรให้เพื่อนเชิญเลยตามสบาย


เพื่อนของเราที่เป็นผู้หญิง เป็นนักร้องประจำห้องและประจำโรงเรียน เธอมีลูกแล้วสองคน หน้าตายังไม่เปลี่ยน สวยอย่างไร ก็ยังสวยอย่างนั้น เธอร้องเพลงนกน้อยในกรงทองให้ฟัง เมื่อเธอเริ่มต้นร้องพวกเราทุกคนต่างเงียบกริบ มันเพราะและเศร้ามากๆ เสียงเธอยิ่งเศร้าเมื่อร้องมาถึงท่อนที่ว่า


ฉันไม่ได้รักผู้ชายคนนี้สักหน่อย แม้แต่เพียงน้อยไม่เคยเหลียวมอง
เขากลับได้ฉันเคียงครอง ทั้งที่ไม่รักไม่มอง เหมือนอยู่กรงทองแต่นองน้ำตา

โอ้รักที่เลือกไม่ได้ เจ็บปวดดวงใจแสนทรมา เมื่อรักที่ได้ไม่ปรารถนารักที่ศรัทธา มิได้ดังใจ

หวังแต่เธอนั้นที่ฉันใฝ่ฝันเคียงคู่ ได้โปรดจงรู้ฉันตรมหัวใจ เขาอาจได้ฉันเคียงกาย

มิอาจร่วมใจกันได้ แม้ชีพสลายยังรักแต่เธอ


แล้วเพื่อนก็ยืนร้องไห้ที่หน้าเวที หลังร้องเพลงจบลง เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ถูกแม่บังคับให้แต่งงานหลังจบมอศอสาม ผู้ชายที่แต่งด้วยเป็นครูมีฐานะดี ทั้งที่มีแฟนที่รักกันมากอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถขัดคำสั่งแม่ได้ จึงยอมแต่งงานด้วย มีลูกกันสองคนแล้ว แต่หัวใจยังเรียกหาแฟนเก่าที่ยังรักอยู่และจะรักตลอดไป


เพื่อนเดินเช็ดน้ำตาลงจากเวที หัวใจฉันแฟบลงทันใด หันไปมองหน้าเพื่อนทุกคน ต่างก้มหน้า ฉันเดินเข้าไปปลอบเพื่อนที่ยังร้องไห้อยู่ โถเพื่อนเอย หัวใจฉันเศร้าหมองจนแทบจะร้องไห้ตามเพื่อน


เธอขึ้นร้องเพลงต่อจากเพื่อนคนนี้ เธอเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงคืนรัง ของวงหงาคาราวาน เมื่อเพลงจบลง เธอบอกว่าเพลงนี้ ปลอบใจเพื่อนทุกคน เราต่างพบเจอเรื่องราวที่ไม่คาดคิดเสมอ ให้มีกำลังใจนะ แล้วเธอร้องเพลงกำลังใจของวงโฮป ก่อนลงเวทีมา


มีเพื่อนอีกคนขึ้นเวทีเล่าให้ฟังว่า เธอเกือบเรียนไม่จบมีวิกฤติเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย สุดท้ายเธอผ่านมันไปได้ดี เพื่อนรักและเป็นห่วงเธอมาก ฉันหันไปมองเธอ เห็นเธอนั่งก้มหน้า เรื่องราวของเธอไม่ได้ถูกเล่าจากปากเธอ เธอยินดีกล้ำกลืนทุกข์ของตัวเอง


ที่บ้านของเธอมีหนังสือเต็มไปหมด เป็นหนังสือที่เธอขนมามหาวิทยาลัยหลังเรียนจบ ชั้นหนังสือแบบง่ายๆ ถูกวางเรียงที่ชั้นล่าง ฉันเป็นเพื่อนคนเดียวที่รื้อหนังสือของเธอออกมาอ่าน บางเล่มเป็นเล่มที่ฉันมีและอ่านหลายครั้งแล้ว ฉันก็ยังคงอ่านมัน


แล้วฉันก็เห็นรูปถ่ายที่เธอถ่ายเก็บไว้ เธอผมยาวฟู เดินอยู่บนถนน ฉันจำได้ว่า ถือรูปไปให้เธอเขียนลายเซ็นหลังรูป ฉันบอกเธอว่าขอรูปนี้นะ เธอดูจริงใจและเถื่อนดี เธอหัวเราะแล้วบอกว่า เธอเดินทางทั่วประเทศด้วยการโบกรถ เธอดูโทรมมากแต่แววตามุ่งมั่น ดูสงบและมีพลัง


เรานั่งคุยกันต่ออีกหลายเรื่อง เธอบอกว่าจะทำข่าวสารรุ่นส่งข่าวกันต่อ เรานอนที่บ้านเธอกันทุกคน ฉันจองที่นอนที่ชั้นหนังสือเช่นเคย


วันรุ่งขึ้นเธอขับรถพาพวกเราทุกคน ไปเที่ยวน้ำตกราดเตยที่แม่ขรี เป็นน้ำตกที่สวย สงบ อากาศเย็นสดชื่นมาก ฉันลงเล่นน้ำแล้วขึ้นมาฟังเธอร้องเพลงกำลังใจ ของหงาคาราวาน ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน


หลังจากวันนั้น เพียงเจ็ดวัน ฉันได้รับจดหมายจากเธอ เธอส่งข่าวมาหลังจากไปเรียนต่อปริญญาโทด้านปรัชญา ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เธอส่งข่าวมาเล่าเรื่องรอบตัวให้ฟัง ฉันดีใจที่เธอส่งข่าวมา จำได้ว่า ฉันตอบจดหมายเธอกลับไปและเราต่างเขียนจดหมายถึงกันตลอดมา


เธอลงจากเชียงใหม่ แวะหาฉันที่หาดใหญ่ เราขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่ชายทะเลสมิหรา

เธอหาหนังสือมาฝากฉัน เป็นงานของเฮอร์มาน เฮสเส ฉันจำได้ว่าเคยอ่านที่หอพักบางขุนนนท์มาก่อน แม้ไม่ค่อยเข้าใจนัก เราต่างแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจเรื่องหนังสือเล่มที่เคยอ่านและเรื่องราวที่เราประทับใจ


เธอกลับบ้านไปแล้ว ก่อนกลับเชียงใหม่ เธอแวะมาหาฉันอีกครั้ง ฉันส่งเธอขึ้นรถไฟ โบกมือให้เธอแล้วกลับแฟลตที่ฉันอยู่


ฉันทำงานที่รพ.หาดใหญ่ได้ครบสี่ปี สอบเรียนต่ออีกสองปีได้ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ใจจริงฉันอยากกลับไปเรียนต่อที่เดิมเพราะฉันรักที่นั่นมาก แต่ฉันไม่ได้ไปสอบเข้า ฉันเลือกสอบเข้าที่มอ.และวิทยาลัยพยาบาลแทน ฉันสอบได้ทั้งสองที่ ฉันเลือกเรียนที่มอ.หาดใหญ่


ที่นี่มีความก้าวหน้าทางวิชาการสูงมาก อาจารย์มุ่งมั่นถ่ายทอดวิชาให้ลูกศิษย์ เพื่อนๆในห้องเลือกฉันเป็นประธานรุ่นอยู่ทั้งสองปี ในฐานะเจ้าถิ่น ฉันได้ร่วมกิจกรรมของคณะร่วมกับเพื่อนซี้ปึ๊กจากชลบุรี โรงพยาบาลบ่อทอง เพื่อนร่วมรุ่นคราวนี้มาจากทั่วประเทศ พังงา ตรัง นครศรีธรรมราช ราชบุรี เพชรบุรี พิษณุโลก ชลบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่


เราร่วมแสดงละครตลกในงานของคณะ ร่วมเชียร์กีฬาโดยเราสองคนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เพื่อนฉันเริ่มฝึกพูด เพราะครูขอร้องให้ไปพูดต้อนรับน้องใหม่ของคณะ เพื่อนซ้อมพูดกับฉันอยู่ทุกวัน ทุกคืนก่อนนอน เพราะฉันมักจะย้ายที่นอนจากแฟลตพยาบาลมาเป็นที่หอพักของเพื่อนคนนี้ เพราะสะดวกในการทำรายงาน เข้าห้องสมุดและเข้าห้องเรียน


เพื่อนพูดได้ดีมากๆ ครูชมกันทุกคนครอบคลุมทุกประเด็นที่สำคัญ สำหรับคนเป็นพยาบาลที่เข้ามาเรียนต่อ เพื่อแสวงหาและเติบโตทางความรู้ เพื่อนยิ้มหน้าบาน อยู่หลายวัน หาหนังสือเกี่ยวกับการฝึกพูด ความรู้รอบตัวที่สำคัญ เพื่อนบอกว่าจะเป็นนักพูดดีเด่น

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
มาลำ
ฉันอายุสิบแปดปีในตอนที่เธอยังเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบห้าใส่ชุดนักเรียนเทคนิค แบกกีต้าร์เดินผ่านบ้านพักของฉันและเพื่อนที่ฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างผอมสูงของเธอปรากฎให้เห็นในตอนเช้า ก่อนพลบค่ำเธอกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวเดิม มีคนบอกฉันว่า เธอเป็นลูกชายหนึ่งในสองคนของป้าผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งทำงานในห้องแลปของโรงพยาบาล เราได้แต่มองกันไปมาแล้วเงียบ วันคืนผ่านไป จนค่ำวันหนึ่งเธอส่งยิ้มมา ฉันทักเธอว่า ตกลงเป็นนักเรียนหรือนักร้อง เธอยิ้มหวานแล้วตอบเบาๆว่า ทั้งสองอย่างครับ
มาลำ
ฉันไม่นึกว่า พ่อจะมาเยี่ยมฉันจริงๆ หลังจากการป่วยยาวนาน แม้ฉันรับปากพ่อไว้ว่า ฉันจะกลับไปหาที่บ้านของเรา แต่ฉันใช้วันลาพักผ่อนทั้งปีหมดไปแล้ว ฉันไม่ได้กลับไปหาพ่ออีกเลย ฉันกับพ่อส่งข่าวกันผ่านสายโทรศัพท์ เราคุยกันทุกวันแม้ไม่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียงพ่อฉันรู้สึกดีมากแล้ว พ่อดั้นด้นมาหาฉันถึงบ้าน พ่อเดินลงจากรถ ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวด้วยความดีใจ เราต่างโผเข้ามากอดกัน พ่อหอมหน้าผากฉันเหมือนเก่า ฉันถามพ่อว่า พ่อหายดีแล้วใช่ไหม ไม่น่าเชื่อเลย พ่อหายดีแล้วจริงๆ ตาขวาของพ่อปิดเองได้แล้ว เข่าขวาก็เป็นปกติ พ่อเดินได้เองไม่ต้องใช้อะไรช่วย ไม่ต้องพยุง…
มาลำ
วันนี้แล้วที่ฉันต้องจากพ่อไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ กว่าเราจะได้พบกัน ความเป็นห่วงพ่อยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจฉัน ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว เช้านี้ฉันเดินอยู่บนเส้นทางเดิมของโรงพยาบาล จากประตูห้องพ่อ เดินตรงไป ถึงบันได ลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวขวาถึงร้านกาแฟร้านแรก ฉันซื้อกาแฟสดหนึ่งถ้วย เดินออกมาจากร้านแล้วไปร้านขายตั๋วรถที่อยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับร้านกาแฟ เป็นร้านเดียวในโรงพยาบาลที่ขายตั๋วเดินทางทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน คนขายถามฉัน เดินทางวันไหน ฉันตอบแล้วใจหาย พ่อนั่งมองฉันเก็บข้าวของสองสามอย่างใส่กระเป๋า อย่าลืมอะไรไว้นะลูก เก็บของให้หมดไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่ารถจะออก
มาลำ
หากมีใครนั่งมองความเคลื่อนไหวของฉัน เขาคงมองเห็นภาพที่ฉันเดินเข้าออกในโรงพยาบาลช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตอนเช้ากลับไปอาบน้ำ นอนพักที่บ้านพักน้องชาย ตอนเที่ยงขึ้นรถมาโรงพยาบาล ลงจากรถก็เดินไปโรงอาหาร แวะร้านหนังสือร้านเดียวที่แอบอยู่ในซอกด้านซ้ายมือของโรงอาหาร หยิบหนังสือรายสัปดาห์มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วเดินเลยมาซื้อน้ำเต้าหู้ อาหารเจเจ้าประจำ ผลไม้และขนมหวานที่พ่อชอบเจ้าเดิม แวะซื้อกาแฟสดและขนมปังแผ่นที่มีอยู่ร้านเดียวของชั้นล่าง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปผ่านหน้าห้องยา ร้านขายกาแฟเย็นและน้ำอัดลม ถึงประตูตึก ผ่านเตียงที่พ่อเคยนอนหน้าเคาน์เตอร์…
มาลำ
ดึกแล้ว พ่อนอนหลับสนิทในม่านสีเขียว หายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ฉันลืมตา เงยหน้าจากข้างเตียงที่ฟุบลงไป ห่มผ้าให้พ่อแล้วลุกไปล้างหน้า กลับมานั่งอยู่ในม่าน  นั่งมองพ่อหลับ นานมากแล้วที่เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันยาวนานอย่างนี้ตาข้างขวาของพ่อยังไม่ปิดลง มันเปิดอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น เมื่อฉันก้มลงไปมองใกล้ๆ พบว่าในตาของพ่อมีฉันอยู่ในนั้น  ฉันนึกภาวนาให้มันปิดลงเป็นปกติ ฉันอยากให้พ่อเป็นเหมือนเดิม เป็นพ่อคนเดิมของฉัน
มาลำ
พ่อหลับอยู่อย่างนั้นทั้งคืน มีเพียงเสียงหายใจและเสียงพลิกตัวเท่านั้นบอกเราว่า พ่อยังหลับอยู่ พ่อไม่ได้พูดอะไรที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พ่อหลับเงียบแน่นิ่ง ถึงกระนั้นฉันก็นั่งเฝ้าพ่อแบบตาไม่กระพริบ พ่อหลับโดยที่มีฉันนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้น นอกเหนือจากการเช็ดตัวให้พ่อ ดูยาที่หยดลงในสายน้ำเกลือ วัดความดันเลือดแล้ว ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก นอกจากจ้องมองพ่อ   บางเวลาที่ดึกมากๆ ฉันง่วงมาก เผลอหลับฟุบลงบนเตียงพ่อ ข้างๆ มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง  ฉันหลับอยู่ในท่านั้นจนสะดุ้งตื่น ทันที่ที่รู้สึกตัว ฉันลนลานจ้องมองพ่อ ดูที่หน้าอกพ่อว่าขยับเคลื่อนไหวหายใจอยู่หรือเปล่า…
มาลำ
พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่นเช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน…
มาลำ
เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูกฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ …
มาลำ
ทันทีที่พ่อลุกเดินได้ หมออนุญาตให้พ่อเข้าพักในห้องพิเศษได้แล้ว หลังจากที่ขนของใช้ต่างๆ ของพ่อเข้าห้อง ฉันพยุงพ่อลงนั่งรถเข็น แล้วเวรเปลเข็นพ่อเข้าห้อง รอยช้ำรอบตาพ่อเริ่มจางลง ตาขวาที่หมอเปิดดูในตอนเช้าของทุกวันยังเหมือนเดิม ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาเข่าขวาของพ่อยังงอไม่ได้และแผลลึก ยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อทำแผลและฉีดยา ฉันช่วยพ่อออกกำลังขา โดยยกขาขวาขึ้นสูงและงอเข่า พ่อพยายามทำตามที่ฉันบอก แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บแผลมากขึ้น ฉันรู้ว่า พ่อคงอยากหายในเร็ววัน พ่อบ่นอยากกลับบ้าน และหงุดหงิดง่ายมากขึ้น  แม้พ่อพยายามข่มอารมณ์ก็ตาม  เมื่อฉันเอ่ยถึงเรื่องอารมณ์พ่อกับหมอ หมอก็เพิ่มยาให้พ่อ…
มาลำ
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงวัน อากาศเมืองชายทะเลร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ลุกนั่งอย่างงงๆ อยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่านอนอยู่ที่บ้านพักน้องชาย  หลังอาบน้ำและกินข้าว ฉันนั่งรอให้น้องชายมารับไปหาพ่อระหว่างทางนั่งรถไปโรงพยาบาลผ่านสวนยางเป็นแถวยาวสีเขียวเข้มต้นยางเรียงรายผ่านหน้าฉัน  เป็นแถวตรงตลอดเป็นแนวทั้งสองข้างทาง  แม้ว่าฉันจะห่างบ้าน ห่างพ่อไปนานแสนนาน  แต่ป่าสีเขียวที่ยืนตรงเหมือนแถวของทหารที่ฉันเคยคุ้น ฉันได้กลิ่นยางโชยมาตามลมที่พัดผ่าน  ภาพพ่อกับแม่ช่วยกันถางไร่ที่ดิบทึบด้วยต้นไม้ กว่าจะล้มต้นไม้ลงแต่ละต้นจนหมดไร่ แล้วขุดหลุมขนาดสองฟุตกว้างยาวและลึกเท่ากัน …