moon's picture

<p>เกิดใกล้แม่น้ำ แต่ว่ายน้ำไม่เป็น หลานชาวนา แต่ทำนาไม่เป็น ลูกข้าราชการ แต่ก็ทำราชการไม่เป็น (อีกนั่นแหละ)</p> <p>เคยทำหลายๆ อย่างทั้งด้วยความเต็มใจและทำโดยตกกระไดพลอยโจน ไม่ว่าจะเป็นงานพัฒนาชนบท เขียนหนังสือ วาดรูป เล่านิทาน จัดรายการวิทยุ ครูโรงเรียน พี่เลี้ยงเด็ก ลูกจ้างบริษัท ฯลฯ </p> <p>สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่ก็ยินดีกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต</p>

บล็อกของ moon

ชื่อ(หมา)นั้นสำคัญไฉน

18 June, 2009 - 11:05 -- moon




มีคนเขาว่าเราไปดูถูกเขาแน่ะ
น้าอู๊ดถีบจักรยานมากระซิบกระซาบบอกฉันที่หน้าบ้านในคืนวันหนึ่ง ก็น้าอู๊ดเจ้าเก่าที่เคยมาเรียกฉันออกไปทัวร์กองขยะตอนเที่ยงคืนแล้วเจอ “ความลับในกระสอบ” นั่นละค่ะ (
http://www.prachatai.com/column-archives/node/2522)

คิดถึงไฉไล

27 May, 2009 - 00:00 -- moon

ฉันไม่แน่ใจว่า ไฉไลเป็นเพื่อนบ้าน หรือว่าเป็นสมาชิกสี่ขาอีกตัวหนึ่งของครอบครัว

เราพบกันครั้งแรกในเช้าวันหนึ่งเมื่อสองสามปีก่อน เธอนั่งนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน

"มาเที่ยวเหรอ" ฉันถาม แต่ไฉไลเฉย ดูเหมือนเธอสนใจอย่างอื่นมากกว่าฉัน

"บ้านอยู่ไหนล่ะจ๊ะ" ฉันนั่งลงถาม พยายามสบตาเธอ แต่เธอยังคงเฉย ตากลมๆ ออกจะโปนๆ เหลือบมองฉันแวบหนึ่ง แล้วมองโน่นนี่ในบ้านอย่างสำรวจตรวจตรา

"ตามสบายนะ" ฉันบอก แง้มประตูรั้วไว้หน่อยหนึ่งแล้วออกไปทำงาน

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันก็ได้เห็นหน้าไฉไลทุกวัน ไม่ทันสังเกตว่าเธอมาตอนไหนหรือกลับออกไปตอนไหน เห็นทีไร ไฉไลก็มักจะนั่งอยู่ใต้ต้นแก้วบ้าง หมอบข้างๆ กอเฮลิโคเนียบ้าง บางทีก็อิงแอบอยู่ข้างโอ่งน้ำ ฉันเดาว่าไฉไลขี้ร้อน

กระเช้าสีดา

19 May, 2009 - 00:00 -- moon

  

๑.
ฉันรักฤดูร้อน
เช่นเดียวกับรักฤดูฝน และฤดูหนาว

การได้รอคอยชีวิตชีวาที่มากับความเปลี่ยนแปลง การได้เห็นดอกไม้ที่บานปีละครั้ง ได้ลิ้มรสพืชผักผลไม้ประจำฤดูกาล เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชีวิต

สมัยเป็นเด็ก ฤดูร้อนของฉันคือการปั้นดินเหนียว ดีดลูกหิน ทอยตุ๊กตุ่น เป่ากบ เก็บฝักต้อยติ่งมาแช่น้ำให้แตกดังเปรี๊ยะๆ หรือเดินท่อมๆ ไปช้อนปลาตามท้องร่อง เด็ดใบเรียวของหญ้าคามาพุ่งแข่งกัน ตัดก้านกล้วยมาผ่าเป็นปืนยิงดังตั้บ ตั้บ เด็ดดอกหญ้าแพรกมาเล่นตีไก่ เก็บดอกตูมของหางนกยูงมาแหวกเอา
เกสรเกี่ยวกันเล่น หรือไม่ก็เด็ดก้านหญ้าแห้วหมูมาสานรังตั๊กแตน

วันดีคืนดี มีบ้านใครสักคนวิดบ่อ จะมีคนหิ้วปลาหมอปลากระดี่มาให้คุณยายทำปลาหมอต้มเค็มแสนอร่อย หรือไม่ก็ทำปลากระดี่ตากแดดไว้ทอดกินกับข้าวเหนียวนึ่ง

พายุแมลงเม่า กับเรื่องเล่าของนางสงกรานต์

11 May, 2009 - 00:00 -- moon

.คืนวันในภาพถ่าย

 

พ.ศ.๒๕๐๔ นางสงกรานต์ชื่อ กิริณีเทวี ทัดดอกมณฑา หัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายถือปืน เสด็จประทับเหนือคชสาร

บางนาทีที่อยากเกลียดแมว

14 April, 2009 - 00:00 -- moon

"ระหว่างแมวกับหมา เธอรักอะไรมากกว่ากัน"
อยู่ๆ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งก็ตั้งคำถามกับฉัน
"ถามทำไม งานวิจัยชิ้นใหม่เหรอ" ฉันแกล้งย้อน
"ก็อยากรู้อ้ะ เห็นเลี้ยงแมวหมาเต็มบ้าน น่ารักรึก็ไม่น่ารักสักกะตัว ขี้เรื้อนอีกต่างหาก"
"ขาดแมวก็เหงา ขาดหมาเราคงเสียใจ ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเอาไว้ทั้งสองตัว" ฉันตอบเป็นเพลงทาทายัง
"แต่ฉันว่าเธอน่าจะรักแมวมากกว่า" เธอสรุป "เพราะเธอขยันเก็บแมวมากกว่าเก็บหมา"

บนถนนสายใต้ (2) จดหมายจากบางม่วง

8 March, 2009 - 00:00 -- moon

"ผมไม่กล้ามานอนแถวนี้อีกเลย"
ได้ยินเสียงคนขับรถคุยกับผู้โดยสารบางคน บนเส้นทางระหว่างบ้านสุขสำราญ จังหวัดระนอง ถึงอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา


แม้สภาพปรักหักพังทั้งหมดจะไม่หลงเหลือให้เห็น แต่ร่องรอยซ่อมแซมบ้านเรือน รวมทั้งถนนสายยาว ยังคงบอกเล่าเรื่องราวในอดีต

ฉันเฝ้ามองอย่างตั้งใจประทับความทรงจำในท้องถิ่นที่เพิ่งมีโอกาสผ่านมาเห็นเป็นครั้งแรก ต้นไม้เรียงรายผ่านสายตาตามความเร็วของรถที่แล่นตะบึงไปข้างหน้า แต่ความคิดคำนึงของฉันกำลังเดินช้าๆ และถอยหลัง
.......

บนถนนสายใต้ (1) เวทมนตร์ที่มีอยู่จริง

23 February, 2009 - 00:00 -- moon

"หม้อนี้เอาไว้ทำอะไรเอ่ย"

ฉันถามเด็กหญิงมุสลิมตัวน้อย เธอเอียงคอ อมยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้ากลมๆ นั้นล้อมกรอบด้วยฮิญาบสีขาว

"บอกหน่อยน่า อยากรู้" ฉันแกล้งเซ้าซี้

"เอาไว้จับแมลง" เธอตอบอุบอิบด้วยเสียงกระซิบ

"น่าสนใจจังเลย" ฉันทำเสียงตื่นเต้น ขณะก้มดูต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงในกระถางดินเผา

.......

แม่งูเอ๋ย กินน้ำบ่อไหน

5 November, 2008 - 00:00 -- moon

ฉัน เกร็งแขนจับไม้ไผ่ลำยาว ค่อยๆ แหวกกอผักกระเฉดที่กำลังทอดยอดงามอยู่ในบ่อ เพื่อเขี่ยซากงูเห่าตัวเขื่องขึ้นมาบนตลิ่ง ลำตัวงูอุ้มน้ำไว้จนบวมพองเท่าต้นแขน สมาชิกสี่ขาที่ยืนลุ้นอยู่รอบบ่อประสานเสียงเห่า


ใครไม่เกี่ยวถอยไป” ฉันตวาด เมื่อเห็นสองสามตัวถลาเข้ามา

ฉัน นั่งยองๆ มองซากงู นอกจากจะบวมอืดเพราะแช่น้ำแล้ว รอยฉีกขาดกลางลำตัวเพราะคมเขี้ยวหมา ยังทำให้เห็นงูตัวน้อยๆ จำนวนมาก ฉันรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก


แม่งูเอ๋ย กินน้ำบ่อไหน กินน้ำบ่อหิน บินไปก็บินมา

ก็เพราะว่าใจของเธอ คือ บ้านของฉัน*

21 October, 2008 - 00:00 -- moon

นอกเหนือจากการเดินทางระหว่างจังหวัด สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ฉันจำเป็นต้องใช้เวลาไปนั่งทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงเจ้าสี่ขา เป็นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นทางรถไฟ ไปอีกไม่ไกลคือท่าอากาศยานดอนเมือง

รถบนถนนแล่นผ่านไปมาด้วยความเร็วสูง รถไฟฉึกฉักผ่านวันละหลายขบวน สลับด้วยเครื่องบินนานาชาติที่ขึ้นลงวันละหลายเวลา ชีวิตที่นั่นส่วนหนึ่งจึงอื้ออึงด้วยเสียงรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน บางครั้งผลัดกันมา บางครั้งก็มาพร้อมๆ กัน


หากไม่เอาเรื่องหูอื้อมาเป็นประเด็น ข้อดีที่ฉันหาได้คือ มันทำให้เราใส่ใจฟังคนอื่นพูดมากขึ้น (ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ยิน) และรู้จักที่จะเว้นวรรคคำพูดให้ถูกกาลเทศะ เพื่อไม่ให้เสียแรง(พูด) ไปเปล่าๆ

ถึงจะมีโทลด์เวย์เกะกะสายตา ฉันยังมีโอกาสดูละครเมฆบนฟ้า วันดีคืนดีจะมีฝูงแมลงปอบินขึ้นไปอวดปีกใสๆ ถึงข้างหน้าต่างตึก

ริมถนนใหญ่มีคลองเล็กๆ ที่ตื้นเขินเพราะใบไม้ใบหญ้าและขยะอันประกอบไปด้วยถุงพลาสติก ขวด ห่อขนม และกล่องโฟม ถัดเข้ามาเป็นที่ลุ่มรกร้าง มีแอ่งน้ำขังกับดงหญ้าคาสูงท่วมเอว พุ่มกระถินขึ้นแซมกกธูปและกอผักบุ้งที่ใบใหญ่จนน่าตกใจ มีเถาตำลึงเลื้อยอยู่เป็นหย่อมๆ มองเห็นดอกสีขาวกับลูกสุกสีแดงอยู่ตรงนั้นตรงนี้

ในดงหญ้าคามีบ้านพักของคนงานก่อสร้างปลูกติดกันอยู่ประมาณ ๓-๔ หลัง

บ้านเหล่านั้นสร้างขึ้นง่ายๆ ด้วยโครงไม้ยูคา เสาบางท่อนปักอยู่ในแอ่งน้ำ หลังคามุงด้วยสังกะสีและแผ่นป้ายหาเสียง (ผลประโยชน์ที่ประชาชนหยิบฉวยได้ในฤดูเลือกตั้ง)

บางวันฉันเห็นคนงานหญิงเดินเก็บผักบุ้งกับยอดกระถิน มื้อเย็นของเขาคงมีน้ำพริก

หมาเร่ร่อนตัวหนึ่งเดินสะเปะสะปะมาอาศัยร่มเงาของบ้านคนงานก่อสร้าง มันเป็นหมาที่น่าจะผ่านการเป็นแม่มาหลายครั้งแล้ว ดูจากทรวดทรงที่ผอมแห้ง นมเหี่ยวยานยอบแยบแกว่งไปมาเวลาวิ่ง

บ้านกรรมกรไม่ได้มีอาหารมากพอให้มันอิ่มท้องทุกครั้งที่หิว แต่มีร่มเงาให้มันหลบแดดฝน ไม่มีเสียงไล่หรือการทำร้ายทุบตี มันจึงหยุดการเร่ร่อนไว้ที่เพิงสังกะสีริมถนนใหญ่ และถ้ามันคิดเป็น (ซึ่งฉันเชื่อว่าเป็น) มันคงดีใจที่จะได้เลิกเร่ร่อนเสียที

แต่มีบางอย่างที่มันยังไม่รู้

คนทำงานก่อสร้างไม่มีหลักแหล่งถาวร จบงานเก่าก็รื้อบ้านย้ายไปงานใหม่ ทำงานตรงไหน ก็สร้างบ้านตรงนั้น ระยะเวลาของการเป็นเจ้าของบ้าน นานเท่าที่งานเสร็จ

ชีวิตกรรมกร หลายช่วงจึงเป็นชีวิตเร่ร่อน

ชั้น ๓๔ ที่ซึ่งความคิดเดินทางไป-และกลับ

19 September, 2008 - 00:00 -- moon

ท้องฟ้าเพิ่งหมาดฝน ฉันแนบหน้ากับกระจกเย็นเฉียบ มองสิ่งปลูกสร้างหลากรูปทรงที่แออัดกันอยู่ในคลองสายตา

รู้สึกอ้างว้าง ในห้องโถงร้างคนบนชั้น ๓๔ ของอาคารสูงกลางมหานคร


เมื่อวานฉันยังเดินเท้าเปล่าอยู่ริมลำธารเล็กๆ ที่ไหลมาจากเทือกเขาสอยดาว ฟังเรื่องราวของเกษตรกรที่อุตสาหะพลิกฟื้นผืนดิน หวังปลดภาระหนี้สินที่มากับความลำบากยากจน วันนี้ฉันกลับต้องมานั่งหนาวอยู่ในห้องที่มีผนังสีทึม กับพื้นพรมนุ่มหนากว่าฟูกที่บ้าน เพื่อรอพบใครคนหนึ่ง


รู้สึกเหมือนเป็นตัวละครในหนังเรื่อง JUMPER ต่างแต่เพียงว่า การเปลี่ยนสถานที่ของฉันบางครั้งไม่ได้เกิดจากความสมัครใจ


แฟ้มเอกสารในมือมีข้อมูลบุคคล ระบุระดับการศึกษาปริญญาตรี โท เอก จากต่างประเทศ บทบาทนักธุรกิจชั้นนำ และสารพัดตำแหน่งอันทรงเกียรติที่บรรจุไม่หมดในกระดาษแผ่นเดียว รวมทั้งบทความบางชิ้นจากนิตยสารบ้าง หนังสือพิมพ์บ้าง ที่ฉัน “ทำการบ้าน” มาเพื่อไม่ให้สมองว่างเปล่าเกินไปในการสัมภาษณ์


อ่านๆ ไป ใจก็หลุดขอบกระดาษไปถึงกองขี้ควายข้างบ้าน ที่ตั้งใจจะโกยมาเก็บไว้ทำปุ๋ยคอก คิดถึงหมู่หมาขี้เรื้อนที่ต้องจับทายา กับแมวเกือบห้าสิบตัวที่ยังฉีควัคซีนไม่ครบ

Pages

Subscribe to RSS - บล็อกของ moon