เห็นฝนหลั่งหล่นให้ ชะโลมเห็น
รู้อยู่ความอยู่เป็น อยู่รู้
นิ่งร้าวผ่าวร้อนเย็น ไหวนิ่ง
เผยว่างผุดผันผู้ ผ่องพื้นผลเผย ฯลฯ
สายใยแห่งกวีนิพนธ์ ฉบับที่ 2 ได้รับเกียรติจาก กวีสร้างสรรค์รางวัลวรรณกรรมยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช 2547
ล่วงผ่าน หมึก กระดาษ ปากกา ที่ถ่ายสะท้อนถึงกันนั้นยังมีแก่ใจ มีคุณค่าแก่หัวใจเสมอ แม้ครั้งนี้จะถูกเผยแพร่ต่อเครื่องสมองกล (com)
โดยเจ้าของชิ้นงานให้คนเคียงข้างช่วยสื่อสารผ่านมาทางจดหมายอิเล็คโตรนิคส์ (electronics)
ตามท่วงลีลาสง่าผ่าเผยในร้อยกรองที่ถูกกลั่นมาเป็นถ้อยวลีเรียบง่าย ประดาความสง่างามจากชิ้นงานอันมีชื่อว่า "ในงาน"
เชิญพิศอ่านแล.
ในงาน
-๑- เริ่มลงงาน แต่เช้า ใต้ดาวรุ่ง
ราวกับเดิน ในทุ่ง ของถิ่นฐาน
ราวกับได้ หลับฝัน ย้อนวันวาน
ทุ่งข้างใน ไพศาล บันดาลใจ
-๒- ใจดวงที่ มีรัก จักรับรู้
เปิดประตู สู่ทาง สว่างไสว
ไม่มีเมฆ ข้างนอก หมอกข้างใน
ความฝันใฝ่ แสนงาม ส่องนำทาง
-๓- จึงเห็นทุ่ง สีทอง อันผ่องผุด
ไม่สิ้นสุด มหัศจรรย์ ผู้สรรค์สร้าง
เธอเห็นไหม ดาวรุ่ง เหนือทุ่งน้ำค้าง
เปิดหน้าต่าง พลางรู้ ฤดูดอกไม้
-๔- ด้วยเลือดเนื้อ ชาวนา สามัญชน
ฉันเคี่ยวกรำ ฝึกฝน ความฝันใฝ่
ด้วยความรัก ไม่สิ้นสุด เฝ้าจุดไฟ
จึงรินไหล ในความรัก ทุกวรรคกวี-ฯ
- ๕- มองเห็นเทือก เห็นเถา เนื่องเนานาน
คือรากหญ้า สาธารณ์ ของถิ่นที่
จากปลักตม ต่ำต้อย ร้อยพันปี
ผีกระดูก ปลูกข้าว เลี้ยงชาวชน
-๖- ไม่มีทาง สักสาย ให้คัดเลือก
มีแต่เทือก รอยไถ ไปทุกหน
เมล็ดพันธุ์ หว่านไว้ ข้างในตน
งามในความ ทุกข์ทน ด้วยฝนน้ำตา
-๗- ด้วยหยาดเหงื่อ เหนื่อยเหน็ด เมล็ดรวง
ในใจดวง บังเกิด ความเจิดจ้า
ประดับยัง พื้นถิ่น ดินและฟ้า
ส่องทางบุตร ธิดา ผู้ปราชัย
-๘- บุตรธิดา ของยุค ผู้ทุกข์ท้อ
ไร้ศรัทธา ถักทอ เติมต่อสมัย
รุ่งเรืองโดย ไร้ราก ยิ่งยากไร้
ไม่มีใจ ให้งาน ไม่ผ่านพ้น-ฯ
- ๙- ในทุกทุก ก้าวย่าง กลางท้องนา
ประดุจการ ยาตรา และฝึกฝน
ก้าวไปพลาง นบน้อม พร้อมโน้มตน
ราวดอกฝน เบิกบาน อยู่ด้านใน
-๑๐- ด้วยเนื้อดิน เอื้ออวย ด้วยแสงตะวัน
พร้อมเมล็ด พืชพันธุ์ ช่างฝันใฝ่
หยั่งลงไป ในราก ไม่ยากไร้
ยิ้มที่ผลิ จากใจ ไม่จืดจาง
-๑๑- แต่ละก้าว แต่ละกล้า จึงเกื้อกูล
ทั้งค้ำคูน หล่อเลี้ยง อยู่เคียงข้าง
หนักก็เอา แต่น้อย และปล่อยวาง
รกก็ถาง สร้างทำ ธรรมดา
-๑๒- ใจกับกาย โน้มน้อม ไปพร้อมกัน
ณ ขณะ ปัจจุบัน อันมีค่า
ก้าวของกาย และใจ ไปช้าช้า
แต่ทว่า ซื่อตรง มั่นคงนัก-ฯ
-๑๓- ใครผู้ปลูก พืชพันธุ์ และผลพวง
ในพายุ ทั้งปวง ล้วนหน่วงหนัก
ใครผู้ปลูก ในนาม ของความรัก
ใครหาญหัก เท่าไร ไม่หยุดยั้ง
-๑๔- ยิ่งจะงอก ให้งาม กว่าความเดิม
ยิ่งจะเพิ่ม ปรากฏ สดสะพรั่ง
กลั่นเมฆหมอก กลอกกลิ้ง ความชิงชัง
เป็นสายฝน อันหลั่ง ลงโลมดิน
-๑๕- เพื่อให้งาน งอกงาม เป็นความจริง
สรรค์บางสิ่ง ทิ้งบางอย่าง ไม่รู้สิ้น
เมื่อฟังเสียง หัวใจ จะได้ยิน
นกชีวิต โบกบิน อย่างเบิกบาน
-๑๖- เริ่มลงงาน แต่เช้า ใต้ดาวรุ่ง
ราวกับอยู่ ในทุ่ง กว้างไพศาล
เธอรักไหม ฉันรัก ฤดูกาล
เมฆกุหลาบ อ่อนหวาน เช้าวันนี้-ฯ
-----------------------------------
เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
๒๕๕๓.
บล็อกของ ณรงค์ยุทธ์
ณรงค์ยุทธ์
วันคืน...
หยดน้ำค้างเยี่ยมเช้า ฉ่ำเยือน
ซึมแผ่วห้องหับเรือน ระลึกรื้น
ห้วงฝันตื่นแว่วเหมือน หยดหนึ่ง
ณรงค์ยุทธ์
เสียงต่างต่างคั่งค้าง เลื่อนลอย
เช้าฉ่ำแล้งฝันรอย รื่นร้าง
เสียงแล้งฉ่ำย่ำคอย ร้
ณรงค์ยุทธ์
ลุกเตรียมรับฉ่ำแล้ง อารมณ์
รับคลื่นผ่านคายขม คั่งค้าง
ลุกไหวแว่ววาวชม ขวัญชื่น
รับตื่นชักเช้าร้าง รื่นร้อยรอยเรียง ฯลฯ
ณรงค์ยุทธ์
วันคืนต่อคลื่นคว้า พลังใจ
ถึงผ่านฟุ้งซ่านไหว เห่เร้น
สัมผัสเพื่อยองใย ฝันตื่น
ทุกฝั่งทางเลือกเฟ
ณรงค์ยุทธ์
เหมือนหนาวเทียมธาตุฟ้า เชือนเฉย
ณรงค์ยุทธ์
จนที่สุดทุกข์ล้ำ ไพศาล
หากเล่าฟ้าประทาน กว่าพื้น
ด้วยโหมรุกโรมราน แว่วดั่ง
ณรงค์ยุทธ์
ไม่รู้แรงกลั่นร้อย รอยสรรค์
จะหมดจากใจฉัน กี่ครั้ง
ให้ร้อยกลั่นจาบัลย์ สุดที่่
ณรงค์ยุทธ์
เพื่อพิสูจน์ค่าล้ำ ลางเทียม
จริงเท็จในอกเกรียม กว่ารู้
ณรงค์ยุทธ์
ความลับแห่งชีวิต
ฤๅ ลิขิตที่เผลอพล้ำ
ความล้าถอยรอยกรรม
ณรงค์ยุทธ์
แต่นี้และต่อไป จะไม่เรียกร้องร่ำเริ่ม
โหยไห้หรือหาเหิม เพียงรู้นึกรู้สึกทำ...