Skip to main content

ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ

ภาพของทามัน เนการ่า ที่กล่าวกันว่า คือป่าฝนผืนใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ เป็นภาพฝันอันยิ่งใหญ่ ที่ฉันใฝ่ฝันว่าจะต้องไปให้ถึงให้ได้ในชาตินี้ และเมื่อไปถึงแล้ว ความจริงยังเป็นเช่นนั้น เพียงแต่...มีบางอย่างที่ฉันคิดว่า ป่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ป่าถูกทำร้าย ทำลายอารมณ์เดิมๆ ให้กลายเป็นเพียงห้องพักหรูหรา ตกแต่งไว้รอท่าคนแปลกหน้าที่มาเยือน ซึ่งบางคนอาจไม่ได้ชายตามองหาความวิจิตรที่ซ่อนอยู่ตามซอกหลืบของห้องพัก เพราะสิ่งที่เขาต้องการจะเห็นเป็นเพียงรูปเงาของเขาเอง ที่สะท้อนฉายมาจากกระจกใส ที่แปะติดฝาพนังไว้อย่างแปลกปลอม

 

นั่นคือบางอย่างที่ฉันพบที่ป่าทามัน เนการ่า และระหว่างทางอีกหลายเมืองของมาเลเซีย

 

บ่ายสามครึ่ง คือกำหนดเวลาที่รถตู้จะต้องบ่ายหน้าออกจากท่ารถที่หาดใหญ่ แต่ผ่านเวลานั้นมาจวนใกล้ห้าโมงเย็น รถจึงเคลื่อนตัว

เขารอคนที่มาจากสมุยนะเอง” สำเนียงไทยเสียงแปร่งๆ แต่ประโยคถูกต้องครบถ้วน ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้น ส่งยิ้มให้หนุ่มใหญ่ร่างสูงโปร่ง หนวดเคราสีขาวรกครึ้มไปทั่วใบหน้าคนนั้น และแล้วการสนทนาก็ดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย จนรู้ว่าเขาเองก็มาจากสมุย และกำลังไปเหยียบดินแดนมาเลเซีย เพื่อจะต่อวีซ่าในการกลับมาอาศัยอยู่ในเมืองไทยอีกรอบ ก่อนหน้านั้น ขณะที่นั่งรอให้รถมารับเราที่หน้าสำนักงานทัวร์ใกล้ๆสถานีรถประจำทางหาดใหญ่ สาวผมทองหุ่นดี ก็หันมาถามฉันว่าไม่มีรถบัสคันใหญ่ไปปีนังเลยเหรอ ฉันบอกว่าไม่รู้หรอก ไม่เคยนั่งรถโดยสารไปมาเลเซียจากหาดใหญ่มาก่อนเหมือนกัน

 

ดูๆแล้วทุกคนบนรถ ไม่น่าจะมีใครเคยโดยสารรถตู้เส้นทางนี้เข้ามาเลย์มาก่อน และแน่นอน ฉันและปิ๋น คนไทยเพียงสองคน ที่เลือกเดินทางวิธีนี้ แทนรถไฟที่ล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า ก็ยังไม่รู้อะไรนักเช่นกัน


คนขับรถหน้าตาบอกเชื้อชาติว่าเป็นคนจีน อายุน่าจะผ่านวัยเกษียณราชการมาหลายปี แต่ท่าทางยังแข็งแรงฟิตปั๋ง ยามที่ลุงแกกระชากเกียร์ขึงขัง ดุดัน แล้วหันมาถามผู้โดยสารด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดปานเจ้าพ่อ ช่างเหมาะสมกับสภาพรถที่ค่อนไปทางเก่าแก่อย่างเปิดเผย แกพูดอังกฤษชัดกว่าพูดไทย ฉันเดาเอาว่าอาแปะน่าจะเป็นคนมาเลย์มากกว่าไทย

 

มาถึงด่านนอก ทุกคนทยอยลงไปประทับตราผ่านประเทศ แล้วกลับมาที่รถ ทุกคนงงงวยกับสิ่งที่เห็น ลุงแกเปิดเบาะที่นั่งของคนขับออก แล้วชี้ให้ดู แล้วบอกว่า ช่วงที่รอใครบางคนที่มาจากสมุย แกต้องเปิดแอร์รถไว้ตลอดเวลา ตอนนี้แอร์รถมีปัญหาส่งกลิ่นเหม็นโฉ่ ให้พวกเราสูดดม

รอสักครึ่งชั่วโมงนะ” แกบอกสั้นๆ น้ำเสียงอ่อนลง ทุกคนต้องจำยอมอยู่แล้ว จริงไหมล่ะลุง ฉันเดินเกร่ไปเกร่มา จนเบื่อ จึงชวนน้องสาวผิวขาวผมทองคนนั้นคุยบ้าง ด้วยสงสัยว่าเธอน่าจะเป็นสาวรัสเซีย และเป็นจริงอย่างที่คิด เธอเป็นคนรัสเซียจริงๆ

ฉันเกิดที่รัสเซีย แต่มาเรียนปริญญาโทที่เยอรมัน ตอนนี้มาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่สมุย” เหตุที่เธอเดินทางไปมาเลย์ คือวีซ่าอีกเช่นกัน เธอเดินทางในชุดกางเกงขาสั้น หนีบกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ ใบเดียวเท่านั้น ฉันพินิจเธออย่างทึ่งในความคล่องตัว

 

ไม่นานเกินกว่ายี่สิบนาที เครื่องรถครางกระหึ่ม ทุกคนเคลื่อนขึ้นไปนั่งที่ของตัวเอง รถคันนี้มีจุดหมายปลายทางที่เกาะปีนัง แต่ฉันจะลงที่เมืองบัตเตอร์เวิร์ธ เพื่อต่อรถบัสประจำทางไปเมืองจารันตุด ในเวลา 4 ทุ่มตรง

 

ตั๋วยังไม่ได้จอง รถมีเพียงเที่ยวเดียว คำนวณเวลาเอาไว้ก่อนเดินทาง ถ้ารถออกบ่ายสาม เราจะไปถึงบัตเตอร์เวิร์ธ ราวๆหนึ่งทุ่ม มีเวลาข้ามฟากไปเดินเล่นที่เกาะปีนังนิดหน่อย เพราะท่ารถอยู่ใกล้กับท่าเรือข้ามฟากไปปีนังพอดี แต่เมื่อรถเสียเวลาขนาดนี้ เราอาจไม่ทันรถเที่ยวสี่ทุ่มก็เป็นได้

 

ตอนที่ผ่านด่านของมาเลเซีย ทุกคนต้องแบกสัมภาระทั้งหมดลงไปเพื่อผ่านเครื่องสแกน นี่คือครั้งแรกที่ฉันต้องทำอย่างนี้ ทุกครั้งที่มารถส่วนตัว แค่ส่งพาสปอร์ตให้กับคนขับ คนขับส่งไปที่ช่องที่มีคนตรวจนั่งอยู่ในตู้ ทุกอย่างใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่หนนี้แบกลงจากรถ เดินผ่านในตัวอาคาร ตรวจด้วยเครื่องสแกนทุกชิ้น แล้วแบกของมาขึ้นรถอีกครั้ง ฉันแอบอิจฉาน้องสาวชาวรัสเซีย ส่วนสองสามีภรรยาผู้ล่าช้าจากสมุย น่าจะอาศัยในอังกฤษ แต่แต่งตัวหน้าตาแบบชาวมุสลิม เขาลากกระเป๋าใบใหญ่มหึมา ทำเอาฉันรู้สึกว่าเป้ใบย่อมบนหลังมีน้ำหนักเบาลงไปไม่น้อย

 

รถวิ่งบนทางหลวงกว้างของแผ่นดินมาเลซีย แต่แล่นช้ากว่าปกติ ฉันนั่งกัดปาก เล็งสายตาไปข้างหน้า ลุ้นให้ลุงแกบึ่งรถให้เร็วกว่านี้ และเหมือนแกจะรู้ใจ ช่วงหนึ่ง ที่ผ่านไฟแดง แกฝ่าไฟแดงหน้าตาเฉย จนฉันอึ้ง

มีอย่างนี้ด้วยเหรอลุง” ฉันกับปิ๋นหัวเราะเบาๆ อย่างเกรงใจคนข้างเคียง

 

จากการฝ่าไฟแดงชวนตื่นเต้น จนรถแล่นมาได้สักราวๆ 30 กิโลเมตร รถทะเบียนมาเลเซียวิ่งเร็วแซงหน้าเราไป จนตาลาย รถเราช้ามาก แอร์ก็ไม่เย็น ฉันยิ่งต้องตั้งสติ คิดเสียว่าถ้าไม่ทันรถสี่ทุ่ม เราก็ข้ามไปนอนเกาะปีนังเลยละกัน และแล้วมาตื่นเต้นอีกหน เมื่อลุงแกลดกระจกด้านที่แกนั่งแล้วปิดแอร์ เอาล่ะซี ฉันคิดในใจ จะไปรอดไหมหนอนี่

จะไปลงที่ปีนังหรือเปล่าสองคนน่ะ” เสียงพูดไทยของลุง ต้องหมายถึงเราแน่นอน

เปล่าค่ะ เราไปลงที่ท่ารถบัตเตอร์เวิร์ธค่ะลุง แล้วเราจะทันไหมคะ 4 ทุ่มน่ะ” ฉันตะโกนตอบและถาม เห็นลุงส่ายหน้าน้อยๆ ตายละหวางานนี้ เสียฤกษ์ตั้งแต่เริ่มเดินทาง

ก้อนลมกรูเกรียวเข้ามาในรถอย่างแรง ปะทะใบหน้าจนเย็นเฉียบ แต่ในใจยิ่งระทึกร้อนระอุ แม้ความเร็วรถจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นชัดก็ตาม ฉันผละสายตาจากเส้นตรงสองเส้นที่ขนานยาวในเบื้องหน้า หันมาชมทุ่งนาของเมืองอะลอร์สตาร์ ที่เป็นดังผืนพรมเขียวขจี กว้างไกลสุดสายตา บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงสู่ค่ำคืน ทางทิศตะวันตกที่ริมขอบฟ้ามีแสงเรื่อเรืองหลากสีเป็นแนวยาว ราวกับมีงานปาร์ตี้ของเหล่านางฟ้า

 

ฉันถอนหายใจ บอกกับสหายร่วมทางว่า

ลุ้นจนถึงที่สุดนะปิ๋น ถ้าพลาดรถคันนั้น เราไปหาที่นอนที่เกาะปีนังก็แล้วกัน”

 

(ภาพประกอบ จะมาในตอนต่อไป)

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ฉันสังเกตดูรอบๆ บ้านหลังน้อยของลุงลี แทบไม่มีพืชผักที่พอจะเก็บกินได้ สงสัยอยู่ครามครันว่า ทำไมไม่ปลูก ในเมื่อแกเป็นคนเก่าแก่และเป็นคนเดียวที่อยู่ในป่านี้มานานถึง 20 กว่าปี ตอนที่ฉันได้หน่อกล้วยหอมพันธุ์ดีมาจากหนองคาย แกก็ยังอุตส่าห์เอาปุ๋ยขี้ควายมาให้ตั้งสามกระสอบ แถมยังสอนวิธีปลูกให้อีกด้วย เมื่อเห็นฉันลงมือขุดหลุมห่างๆ เพราะคิดว่าในอนาคตมันต้องแตกหน่อมาชนกันเอง แกกลับบอกว่าให้ชิดๆกันหน่อยจะดีกว่า เป็นแรงดึงดูดให้กล้วยโตเร็วขึ้น ฉันก็เอาตามนั้น ก้นหลุมกว้างลึกรองด้วยปุ๋ยมูลสัตว์สลับหญ้าแห้ง ดูเป็นวิชาการมากๆ ตามคำแนะนำของแกถามแกว่าจะเอาไปปลูกเองสักต้นไหม…
เงาศิลป์
ฟืนท่อนใหญ่ถูกซุนเพิ่มเข้าไปอีกท่อน มันเป็นไม้ส้มเสี้ยวที่ถูกโค่นล้มลงเพราะขวางทางรถยนต์คันใหญ่ คนตัดบอกว่าไม้ชนิดนี้ยากที่จะแปรรูปเพราะเนื้อไม้บิดเป็นเกลียว ฉันจึงขอให้เขาตัดเป็นท่อนสั้นๆ เพื่อจะใช้ประโยชน์ตามแต่จะคิดได้ แต่พอลมหนาวทายทักแข็งขันมากขึ้น ฉันต้องตัดใจตัวเองจนเลือดซิบ ขณะที่ก้มลงลากมันมาใส่ไฟอย่างยากเย็น เพราะทั้งหนักและเสียดาย และรู้สึกผิดต่อตัวเองหมาน้อยสองตัวต้องการความอบอุ่นตลอดคืน ฉันเองก็ต้องการ แม้จะมีผ้าห่มแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกันหนาวได้ การใช้ฟืนดุ้นเล็กๆ คือภาระที่ต้องลุกขึ้นมาใส่ไฟเกือบตลอดเวลา ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือไว้ทำงานในไร่ยามกลางวันอีกเป็นแน่…
เงาศิลป์
สวัสดีค่ะ ขาดหายไปนานสำหรับเรื่องของชะตากรรมคนขาหัก ขอสารภาพว่าที่ทิ้งช่วงห่างหายไปนานขนาดนี้ เพราะว่าขาดความเชื่อมั่นที่จะเขียน (อย่างรุนแรง) เนื่องจากรู้สึกว่าท่านผู้อ่านประชาไท ค่อนข้างมีภูมิปัญญาสูง แต่คนเขียนปัญญาต่ำ ครุ่นคิดอยู่นานว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไรดี ในท่ามกลางสภาพปัญหาการดิ้นรนรักษาตนเองและบางครั้งได้รับการดูแลอย่างไม่คาดคิด ค่ะ...ตอนนี้ขอสรุปรวบรัดเล่าให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นในที่สุด.....หลายครั้งที่ได้พบและเรียนรู้เรื่องการดูแลสุขภาพจากผู้รู้ แต่ครั้งที่เป็นประสบการณ์ตรงที่สุดก็คือ การฝังเข็มจากพี่อ้อย (กัลยา ใหญ่ประสาน) รุ่นพี่ที่เคารพรัก เจ้าของร้านอาหารสุขภาพโขง-สาละวิน…
เงาศิลป์
วันเวลาที่ผ่านไป ฉันค่อยๆ คลายความกังวล แม้ว่าความรู้สึกเจ็บปวดจะมาอยู่เป็นเพื่อนเกือบตลอดเวลา แต่วิชาเกลือจิ้มเกลือ เจ็บแก้เจ็บ ยังใช้ได้เสมอ (โปรดใช้วิจารณญาณในการนำไปทดลอง)และแล้วเหมือนกรรมบันดาล (อีกแล้ว) วันหนึ่ง ฉันได้เรียนรู้ว่า คนเราได้ใช้ศักยภาพของตัวเองเพียงแค่ 60 – 70 % เท่านั้น ส่วนที่เหลือยังไม่เคยรู้จักมัน และปล่อยให้มายาคติบางอย่างครอบงำ โดยเฉพาะคำว่า “อย่าทำ” .... “ไม่ควรทำ”.....หรือ “ไม่เหมาะสมที่จะทำ” และอะไรอีกหลายความคิดที่ปิดกั้นโอกาสของตัวเองกลางเดือนตุลาคมของปีหนึ่ง ฉันเร่ร่อนลงเรือไปที่หาดไร่เล ตอนนั้นแทบว่าไม่มีคนไทยรู้จักหาดไร่เล นอกจากฮิปปี้และนักปีนผา (…
เงาศิลป์
การขึ้นภูกระดึงอย่างไร้ความพร้อม กลับทำให้ฉันได้สิ่งดีๆมากมายคุณนิมิตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว ได้เขียนจดหมายน้อยอย่างไม่เป็นทางการ ให้ฉันถือไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่บนภู ที่เป็นเพื่อนกัน ในจดหมายเขียนว่า “ช่วยดูแลคนที่ถือจดหมายฉบับนี้ด้วย ตามสมควร” ที่อาคารลงทะเบียนบนภู ฉันยื่นจดหมายให้กับเจ้าหน้าที่ คะเนจากหน้าตา เขาคนนั้นคงมีอายุพอๆกับฉัน เมื่ออ่านจบเขามองหน้าฉันอย่างเฉยเมย บอกว่าบ้านพักเต็มหมดแล้ว เหลือแต่เต๊นท์  ฉันบอกว่าฉันตั้งใจจะพักเต๊นท์อยู่แล้ว“มากันกี่คน” น้ำเสียงห้วนๆ  ไม่รู้ทำไม“คุณเห็นกี่คนล่ะคะ คุณเห็นแค่ไหนก็แค่นั้นล่ะค่ะ” ฉันตอบกึ่งยียวน…
เงาศิลป์
เช้าวันนี้….ใบไม้สีเหลืองเกลื่อนพื้น ดูสวยงาม แต่ไม่นานมันจะถูกเรียกว่า “ขยะ” ด้วยเรียวไม้กวาดก้านมะพร้าว ค่อยๆลากให้มันมากองรวมกัน ทีละนิดรอยทรายเป็นเส้นลดเลี้ยวตามแนวกวาด ลีลาคล้ายบทกวีร้อยบท ที่มีเนื้อหาเดียว คือความสงบทุกเช้า ฉันจะอยู่กับมัน ทั้งไม้กวาด พื้นทรายและใบไม้ร่วงสายตาจับอยู่ที่พื้น..แต่ด้วยหางตา เห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนถนนหน้าบ้าน  จากที่ยืนอยู่ ระยะทางราวร้อยก้าว เงาร่างเดินโยกเยก บดบังด้วยแนวพุ่มไม้เตี้ยๆ จึงมุ่งมองอย่างตั้งใจ เห็นใครบางคนเคลื่อนไหวอย่างช้าๆจึงเดินออกไปดูร่างล่ำสันค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างลำบาก เขาใช้ไม้ยาวๆ ค้ำถ่อ ประคองร่างกายให้ขาตวัดสลับกันไป …
เงาศิลป์
“ฉันจะต้องไม่พิการ”ฉันคำรามหนักแน่นอยู่ในใจ ในคืนวันหนึ่ง เมื่อนอนอยู่ในท่าทีเอาขาขวาพาดไว้บนกำแพง เพื่อดัดขาไล่ความเมื่อยล้า จากงานหนักจากวันนั้น อะไรก็ตามที่ทำให้เข่าของฉันเจ็บน้อยลง ฉันจะทำทันที เริ่มจากการค้นหาวิธีแก้ไข ควบคู่ไปกับการยอมรับความเจ็บปวดของขาข้างขวาว่าเป็นคู่แท้ของชีวิตปีแรก ฉันเดินกะเผลกแบบคนขาเป๋ เพราะขาขวาสั้นกว่าขาซ้าย และยังไม่มีพละกำลัง เวลาเดินจึงเห็นว่าตัวเอียงมาก เป็นที่เวทนาตัวเองยามคนจ้องมอง ทำให้ฉันเข้าใจหัวอกคนพิการมากขึ้นแต่แล้ววันหนึ่ง เหมือนพระมาโปรด ฉันกลับมากรุงเทพฯ แล้วไปเยี่ยมเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัย ขณะนั่งอยู่ริมสนามฟุตบอล มองคนอื่นๆเล่นกิฬา อย่างเสียดาย…