Skip to main content

ศาลไทยในยุคก่อนทำสนธิสัญญาเบาว์ริง

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล

     สภาพของ "ศาลไทย" ในสมัยกฎหมายตราสามดวง ก่อนที่ต่างชาติจะเข้ามาเจรจาเรียกร้อง "สิทธิสภาพนอกอาณาเขต" (ยกเว้นอำนาจการบังคับใช้กฎหมายสยาม) ในกรุงสยาม (คือ ในกรุงเทพมหานคร) ชาวต่างชาติปฏิเสธกระบวนพิจารณาคดีของศาลไทยในยุคนั้น เรามาพิจารณาสำรวจสภาพของศาลไทย กันว่าเป็นอย่างไร

     "ในสมัยนั้นเนื่องจากข้าราชการไม่ได้รับเงินเดือน รับแต่เบี้ยหวัดซึ่งจ่ายเพียงปีละครั้ง และจำนวนเงินก็น้อย ถ้าข้าราชการขนาดชั้นเจ้ากรมรู้สึกว่ารายได้ของตนไม่ค่อยจะพอเลี้ยงบุตร ภรรยา ก็มักจะร้องเรียนให้ผู้บังคับบัญชา หรือเจ้ากระทรวงทราบ ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นว่าผู้ร้องยากจนสมควรช่วยเหลือจริง ก็จะมอบความแพ่งหรืออาญามาให้ข้าราชการผู้นั้นชำระที่บ้าน

     การชำระความที่บ้านนั้นเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำหน้าที่ตุลาการเป็นอย่างดี เพราะคู่ความทั้งโจทก์จำเลยตลอดจนพยานจะต้องมาค้างที่บ้านตุลาการเป็นเวลา นานแรมเดือน หรือแรมปีจนกว่าตุลาการจะพิจารณาคดีเสร็จ

     ในระหว่างนี้โจทก์จำเลยและพยานต่างก็ต้องหาข้าวปลาอาหาร ตลอดจนของใช้มาส่งเสียกันเอง เพื่อเอาใจตุลาการไว้ทั้งโจทก์และจำเลยก็เลยต้องส่งเสียตุลาการด้วย ทำให้ตุลาการคลายความฝืดเคืองลงได้"

     "คู่กรณีแต่ละฝ่าย ต่างยัดเยียดเงินให้ตุลาการ...และบ่อยครั้งทีเดียว ถ้าได้รับเงินเป็นที่พอใจ ผู้กระทำความผิดอาจหลบหนีจากที่คุมขังและสาบสูญไปได้ และผู้บริสุทธิ์ก็เสียเงินทองค่าใช้จ่ายในการสู้คดีไปเปล่า ๆ เกือบจะทุกราย คดีที่ว่ากันยืดเยื้อนั้นมักจะพากันล่มจมไปทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งว่าหมดเนื้อหมดตัวแล้ว ตุลาการก็จะทอดคดีเสีย วิธีที่ดีที่สุดที่จะชนะความก็คือ ติดสินบนด้วยเงินก้อนใหญ่ให้แก่ผู้มีอิทธิพลซึ่งคุมคดีของท่านอยู่ เกือบทั่วโลกทีเดียวทีความยุติธรรมมักจะซื้อขายกันได้ แต่ในเมืองไทยแล้วดูเหมือนจะยิ่งกว่าที่อื่น"

     "นอกจากจะทำให้[ตุลาการ]หายความฝืดเคืองดังว่านี้แล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจอันใหญ่ด้วย เพราะเมื่อพิจารณาคดีอาญาก็ต้องมีคุกมีตรางไว้ใส่พวกจำเลยเก็บไว้ที่บ้านของ ตุลาการนั้นเอง และบางทีโจทก์เองก็ถูกเก็บไว้ในคุกเหมือนกัน เมื่อมีคุกมีตรางก็ย่องมีเครื่องพันธนาการ และมีอำนาจโบยตีผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโจทก์จำเลยหรือพยาน เพื่อรักษาวินัยแห่งเรือนจำไว้"

     ด้วยเหตุนี้ เมื่อทำสนธิสัญญาเบาว์ริง แล้วบรรดา "คนในบังคับ" ของอังกฤษ (ซึ่งต่อมาชาติอื่น ๆ ก็เข้ามาทำสนธิสัญญาลักษณะเดียวกันนี้ด้วย) ก็ไม่ตกอยู่ในบังคับของกฎหมายสยาม เป็นเหตุให้ชาวสยามจำนวนมากเข้าไปลงทะเบียนเป็นคนในบังคับของชาติมหาอำนาจ เหล่านี้เพื่อตนได้รับความยุติธรรมและมีสิทธิเสรีภาพมากยิ่งขึ้น ปรากฏจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชาวสยามหรือพวกผิวเหลืองไปลงทะเบียนเป็นคนในบังคับต่างชาติ เพื่อหนีกฎหมายสยาม ว่า

     "พวกเขาเป็นชาวสยามหรือชาวต่างชาติก็ได้ ขอเพียงแต่สถานการณ์ใดเหมาะกับพวกเขา"

     สะท้อนว่า สำนึกความเป็นไทย ไม่ปรากฏในหมู่ชนชาวสยามแต่อย่างใด หากแต่ "สำนึกความเป็นไทยตามแบบฉบับทางการ" ที่เราถูกทำให้ต้องรับรู้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นไม่ กี่สิบปีมานี้เอง ในสังคมสยามโดยเฉพาะชนชั้นล่าง โหยหาเสรีภาพตามธรรมชาติของมนุษย์มานมนานแล้ว จะเห็นได้ชัดจากประวัติศาสตร์เมื่อร้อยกว่าปีหย่อนเศษ รัฐชาติสยามก็เพิ่งก่อตัวมาโดยเทคนิคตามสนธิสัญญาเบาว์ริง สำเร็จในสมัยรัชกาลที่ ๕ (จาก รัฐจารีต สู่ รัฐสมัยใหม่)

     ทั้งนี้ ตามสนธิสัญญาก็ได้มีการประกันสิทธิว่าถ้าประเทศสยามปรับปรุงระบบกฎหมายและปฏิรูปการศาลให้มีอารยะทัดเทียมนานาอารยประเทศแล้ว สิทธิสภาพนอกอาณาเขตทางการศาลก็จะสิ้นสุดลง อันเป็นแรงกระตุ้นจากต่างประเทศให้สยามเร่งจัดทำประมวลกฎหมายขึ้นฉบับแรก ก็คือ กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.๑๒๗, พระธรรมนูญศาลยุติธรรม, ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์, ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และอาญา ทะยอยจัดทำแล้วเสร็จหลัง ๒๔๗๕ กล่าวได้ว่าเป็นคุณูปการของสนธิสัญญาเบาว์ริง อีกประการหนึ่ง ที่นอกเหนือไปจากคุณูปการด้านเศรษฐกิจเปิดการค้าเสรี และเป็นช่องว่างในการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนอันเนื่องมาจากสนธิสัญญาฉบับนี้.

_____________________

เชิงอรรถ

จักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์, หลวง., "เรื่องของเจ้าพระยามหิธร". ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์, พระนคร : โรงพิมพ์ตีรณสาร, ๒๔๙๙, หน้า ๑๙-๒๐.

ฌัง-บัปติสต์ ปาลเลกัวซ์., "เล่าเรื่องกรุงสยาม." (แปลโดย สันท์ ท. โกมลบุตร) พิมพ์ครั้งที่ ๓, นนทบุรี : ศรีปัญญา, ๒๕๔๙, หน้า ๒๓๘.

จักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์, หลวง., หน้า ๒๐.

The Bangkok Times Weekly Mail, 27 December 1898. in Hong Lysa, "Extraterritoriality in Bangkok in the Reign of King Chulalongkorn, 1868–1910: The Cacophonies of Semi-Colonial Cosmopolitanism." Itinerario, Vol.27, 02 (July 2003).

บล็อกของ พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้ จิตติ ติงศภัทิย์ เรื่อง "ยิ่งจริงยิ่งหมิ่นประมาท" ตามกฎหมายอาญา พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล อ.จิตติ ติงศภัทิย์ เป็นปรมาจารย์ทางกฎหมายอาญาของไทย และเป็นนักนิติศาสตร์ผู้หนึ่งซึ่งสนับสนุน  "คำพิพากษาประหารจำเลย(แพะ)ในคดีสวรรคตรัชกาลที่ ๘" [ดู หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๔๔/๒๔๙๗]  ภายหลังท่านดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ถาม-ตอบ ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสถานะของกฎหมายมณเฑียรบาล 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ลำดับชั้นในทางกฎหมายของ "กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์" พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
กษัตริย์และคณะรัฐประหารของไทยผ่านคำอธิบายเรื่องพระราชนิยมของวิษณุ เครืองาม พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล [บันทึกความจำ] หมายเหตุ : ขอให้ท่านใคร่ครวญค่อย ๆ อ่านดี ๆ นะครับ คำอธิบายของ "วิษณุ เครืองาม" เช่นนี้ เป็นผลดีต่อกษัตริย์หรือไม่ อย่างไร
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวฯ : ว่าด้วยการจัดการองค์กรของรัฐสู่"ระบอบใหม่" พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
คำว่า"ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด" ในทรรศนะนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ผู้บรรยายกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและอดีตกรรมการ คตส. (ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ ๓๐) : พร้อมข้อสังเกต พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
คดีคณะโต้อภิวัฒน์ (๒๔๗๘) ขับไล่รัชกาลที่ ๘-สังหารผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วจะอัญเชิญรัชกาลที่ ๗ ครองราชย์อีกครั้ง
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้ธงทองฯ กรณีเทียบเคียงมาตรา ๑๑๒ กับกรณีหมิ่นประมุขต่างประเทศ, เจ้าพนักงานและศาล* พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ตุลาการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ :คติกฎหมายไทยโบราณ พร้อมบทวิจารณ์ปรีดี พนมยงค์โดยสังเขป พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล "เมื่อใดกษัตริย์ใช้อำนาจนั้นโดยมิชอบก็มีสิทธิ์เป็นเปรตได้เช่นกันตามคติของอัคคัญสูตรและพระธรรมสาสตร"
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ร.๕ "ประกาศเลิกทาส" ภายหลังจากระบบไพร่ทาสได้พังพินาศไปเรียบร้อยแล้วในทางข้อเท็จจริง
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
รัชกาลที่๕ ตั้ง"เคาน์ซิลออฟสเตด"เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง มิใช่จะตั้งศาลปกครอง/กฤษฎีกาแต่อย่างใด พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
อำนาจบาทใหญ่ของคณะเจ้ารัชกาลที่ ๗ ช่วงก่อน ๒๔๗๕ : เจ้าทะเลาะกับราษฎร (กรณีนายจงใจภักดิ์) พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล, ค้นคว้า-เรียบเรียง