Skip to main content
16_7_01

 


หากดอกไม้มีความหมายว่างาม
             ดวงดาวที่วาววามคือความสุกใส

ปีกผีเสื้อคือสีสันที่โบกไกว                   ยอดหญ้าคือความอ่อนไหวแห่งโลก


สายน้ำคือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยง             หมู่นกขับเสียงกล่อมโศก

ต้นไม้ต้านทานวิปโยค                         แผ่นดินร่วมขานโศลกร้อยโครงคำ


ยังมีอะไรอีกหลายอย่างบนทางมนุษย์     ผู้ค้นหาที่สุดความลึกล้ำ

ก้าวล่วงไปสู่ความมืดดำ                       เป็นก้าวที่ย่ำอย่างคลอนแคลน


หากการเดินทางมีความหมายว่าแสวงหา   การค้นพบคือปัญญาวิเศษแสน

ล้มเหลวคือเรียนรู้มิดูแคลน                   สุ่มเสี่ยงคือเขตแดนแห่งเรียน


คล้ายคำถามมากมายระหว่างนี้               เดินอยู่บนวิถีการแปรเปลี่ยน

ซึ่งเป็นทางที่วกเวียน                            ขัดเกลาเข่นเฆี่ยนอัตตาตน


นั่นคือที่สุดหรือมิใช่                             หรือแท้แล้วหาไม่ ไฉน-ฉงน

เพียงภาวะหนึ่งนั้นในเงามืดมน                ท่ามกลางความอึงอลปรากฏการณ์


หากภาพชีวิตเป็นดั่งดอกไม้                   งามหรือมิได้เพียงพบผ่าน

ร้อยเรียงดั่งดาวเล่าตำนาน                     ดำรงอยู่กาลนาน-นิรันดร์ไป


อาจมิอาจเป็นได้ดั่งนั้น                          มิอ่อนน้อมต่อคืนวันดั่งหญ้าไหว

ทั้งมิได้หล่อเลี้ยงพฤกษ์ไพร                   และขาดความใส่ใจต่อโศกนาฏกรรม


ใช่...ยังมีอะไรอีกมากบนทางมนุษย์         และมันอาจไม่มีที่สุดอันลึกล้ำ

เป็นเพียงกระบวนการเคลื่อนโน้มนำ          เดินทาง กระทำชีวิตเอง


                                                                          นาโก๊ะลี


 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
 
กวีประชาไท
    พฤศจิกาห่าถล่ม เมืองก็จมใต้บาดาล หรือคนมันสามานย์ ที่สั่งฟ้าถล่มเมือง  
กวีประชาไท
    ท้องทุ่งระบัดเขียวขึ้นในบัดดล หลังเม็ดฝนทะลุรอยเมฆรั่วลงมาได้ เด็กน้อยติดปีกถลาลิ่วออกสู่ลาน สวนทางกับฝูงนก… ที่ร่อนคว้างสู่ชายคาดั่งนักรบแตกพ่าย ไม่ใช่สายฝนทำร้ายเจ้าใช่ไหม? เปล่าเลย..สายฝนฉ่ำเย็นอยู่เช่นนั้น กระสุนสังหารต่างหากซุ่มยิงเราหมายครองฟ้า  
กวีประชาไท
  *หัวใจแม่ แหลกสลาย ในวันนั้น วันลูกฉัน ถูกเข่นฆ่า ล่าสังหาร ภาพที่เห็น เป็นที่รู้ กู่ประจาน เมื่อมีการ ยิงสลาย ฝ่ายชุมนุม
กวีประชาไท
ลมผ่าวพัดบ่ายแล้ง            เคลื่อนไหวไม้พุ่มดอกบางใบ              ร่วงแล้วลมแล้งเคลื่อนรอยไหน      เผยผ่านไม้มิ่งฝุ่นเมืองแก้ว             ไม่รู้อยู่ไหน  ฯลฯ
กวีประชาไท
   
กวีประชาไท
โลกทัศน์ของข้ามืดบอดอยู่ในปากท้องและศักดิ์ศรีเหมือนว่าหนักอึ้งในทุก ๆ วลีที่จะเอื้อนเอ่ยถึง...ลมรำเพยก็เคลื่อนห่าง..ไกลออกไปแต่ข้างในนี้สิ – มีรอยรุ่มร้าวลึกก่ายทับซับซ้อน
กวีประชาไท
 
กวีประชาไท
คลี่กระดาษประเทศนี้              เป็นไฉน คนแต่ละคนไย                      ซ่านซ้อน เหมือนล้อเล่นซ่อนไย             จับจ่อ จรดฤๅ โครง เก่า กร่อน ผุ ย้อน          ยิ่งล้ำหยั่งเหลือ ฯลฯ
กวีประชาไท
เธอตายในเดือนกุมภาเวลาตะแบกบานเต็มต้นลมหวนระรานกลีบบางร้าวรนที่สุดร่วงหล่นบนวิถีเดินทาง
กวีประชาไท
แด่...ทรัพย์สินเจ็ดหมื่นหกพันล้านของพณฯ ท่าน