หากดอกไม้มีความหมายว่างาม ดวงดาวที่วาววามคือความสุกใส
ปีกผีเสื้อคือสีสันที่โบกไกว ยอดหญ้าคือความอ่อนไหวแห่งโลก
สายน้ำคือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยง หมู่นกขับเสียงกล่อมโศก
ต้นไม้ต้านทานวิปโยค แผ่นดินร่วมขานโศลกร้อยโครงคำ
ยังมีอะไรอีกหลายอย่างบนทางมนุษย์ ผู้ค้นหาที่สุดความลึกล้ำ
ก้าวล่วงไปสู่ความมืดดำ เป็นก้าวที่ย่ำอย่างคลอนแคลน
หากการเดินทางมีความหมายว่าแสวงหา การค้นพบคือปัญญาวิเศษแสน
ล้มเหลวคือเรียนรู้มิดูแคลน สุ่มเสี่ยงคือเขตแดนแห่งเรียน
คล้ายคำถามมากมายระหว่างนี้ เดินอยู่บนวิถีการแปรเปลี่ยน
ซึ่งเป็นทางที่วกเวียน ขัดเกลาเข่นเฆี่ยนอัตตาตน
นั่นคือที่สุดหรือมิใช่ หรือแท้แล้วหาไม่ ไฉน-ฉงน
เพียงภาวะหนึ่งนั้นในเงามืดมน ท่ามกลางความอึงอลปรากฏการณ์
หากภาพชีวิตเป็นดั่งดอกไม้ งามหรือมิได้เพียงพบผ่าน
ร้อยเรียงดั่งดาวเล่าตำนาน ดำรงอยู่กาลนาน-นิรันดร์ไป
อาจมิอาจเป็นได้ดั่งนั้น มิอ่อนน้อมต่อคืนวันดั่งหญ้าไหว
ทั้งมิได้หล่อเลี้ยงพฤกษ์ไพร และขาดความใส่ใจต่อโศกนาฏกรรม
ใช่...ยังมีอะไรอีกมากบนทางมนุษย์ และมันอาจไม่มีที่สุดอันลึกล้ำ
เป็นเพียงกระบวนการเคลื่อนโน้มนำ เดินทาง กระทำชีวิตเอง
นาโก๊ะลี