Skip to main content

ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีวิชาบังคับให้นักศึกษาต้องเรียนอยู่วิชาหนึ่งจำนวน 3 หน่วยกิต ชื่อว่า “วิชาวิทยาเขตสีเขียว (greening the campus)” วัตถุประสงค์หลักของวิชานี้ก็คือ ให้นักศึกษาลุกขึ้นมาศึกษาปัญหาส่วนรวมหรือปัญหาสาธารณะที่อยู่ในวิทยาเขตของตนเอง แต่โดยมากมักจะเน้นไปที่ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาการจราจร ปัญหาขวดน้ำพลาสติกที่มีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ปัญหาการประหยัดพลังงาน และกระดาษ เป็นต้น


กระบวนการศึกษาเริ่มต้นจากการคิดโจทย์วิจัยร่วมกันของนักศึกษากลุ่มละ 7- 8 คน จากนั้นก็ใช้กระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์(และหรือสังคมศาสตร์) เมื่อได้ความรู้ที่อยู่ในรูปของรายงานแล้ว หากโครงงานใดน่าสนใจก็จะนำเสนอต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยตลอดจนสังคมภายนอกต่อไปด้วย


ในภาคการศึกษาที่ผ่านมา มีโครงการประหยัดไฟฟ้าที่ผมขอเรียกสั้น ๆ ว่า “ระบบการควบคุมแสงสว่างตามทางเดิน” ผู้ศึกษาส่วนมากเป็นนักศึกษาจากภาควิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์


พวกเขาสังเกตว่า ตรงบริเวณทางเดินใต้อาคารของภาควิชาฯ มีการเปิดไฟฟ้าให้แสงสว่างตลอด 24 ชั่วโมงและตลอดทั้ง 365 วันด้วยซ้ำ (นักศึกษาเขาอ้างว่าอย่างนั้น) ไม่ว่าผู้คนจะเดินผ่านหรือไม่


ผมเองไม่ยืนยันว่าในบริเวณนั้นมีการเปิดไฟฟ้าตลอด 365 วันทั้งปีจริงหรือไม่ แต่มีการเปิดตอนกลางวันจริงและเปิดเต็มอัตราที่หลอดไฟมีอยู่ ทั้งนี้เพราะเป็นสวิตซ์รวม เปิดทีเดียวสว่างไปหลายดวง อย่างไรก็ตาม มีบางบริเวณของมหาวิทยาลัยที่มีการเปิดไฟฟ้าตลอดทั้งปีและตลอด 24 ชั่วโมงจริง ไม่ว่าจะมีคนเดินผ่านหรือไม่


ในแต่ละปี วิทยาเขตหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าปีละประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนโตทีเดียว แต่ไม่ทราบว่าเฉพาะที่เป็นแสงสว่างจะมีสัดส่วนสักเท่าใด ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็พยายามรณรงค์ให้ประหยัดไฟฟ้า แต่ไม่ค่อยมีมาตรการที่เป็นไปได้จริงเท่าที่ควร


กลับมาที่โครงงานของนักศึกษากันใหม่ครับ


หลังจากได้แนวคิดแล้ว พวกเขาก็นำมิเตอร์วัดไฟฟ้าไปติดในบริเวณนั้น เพื่อต้องการจะทราบว่า ในภาวะที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะมีการใช้ไฟฟ้าจริงสักเท่าใด


ผมถามนักศึกษาว่า “ทำไมต้องวัดด้วยละ คำนวณเอาก็ได้นิ” นักศึกษาบอกว่า “ไม่ได้หรอกอาจารย์ มันมีการใช้พลังงานทีบาลาดด้วย ต้องวัดให้แน่นอน” นี่ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ของผม เพราะผมคิดว่าบริษัทผลิตหลอดไฟฟ้าได้บอกกำลังของทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ความจริงกลับเป็นคนละอย่าง


ในที่สุดก็เป็นไปตามที่นักศึกษาว่า หลังจากการวัดติดต่อกันนาน 68 ชั่วโมง พบว่าบาลาดกินไฟฟ้าไปถึง 35% ของพลังงานทั้งหมด


เมื่อได้ข้อมูลในสภาพที่ยังไม่มีการจัดการอะไรเลยแล้ว หลังจากนั้นก็นำอุปกรณ์ควบคุมเข้าไปติดตั้ง


อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่ตัดไฟฟ้าให้ดับเมื่อไม่ทีคนเดินผ่าน หรือมีคนอยู่แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นักศึกษากลุ่มนี้เล่าให้ผมฟังว่า พวกเขาถูกเพื่อน ๆ ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ ด่า นึกว่าผีหลอก เพราะอยู่ๆ ก็เกิดไฟดับเอง ความจริงแล้วถ้ามีการเคลื่อนไหว หรือยกมือยกไม้บ้างไฟฟ้าก็จะไม่ดับ


เมื่อคนเดินผ่านมาไฟฟ้าจะติดขึ้นทันที เมื่อคนผ่านไปแล้ว อีก 28 วินาทีหลอดไฟก็จะดับอีกครั้ง เป็นเช่นนี้ตลอดไป


ผลการทดลองติดต่อกันนานเกือบ 15 วัน (358.5 ชั่วโมง) พบว่าหลอดไฟขนาด 36 วัตต์จำนวน 4 หลอดใช้พลังงานไฟฟ้าไปทั้งสิ้น 37 หน่วย


โดยอาศัยข้อมูลพื้นฐานที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ (นาน 68 ชั่วโมง) สามารถคำนวณได้ว่า ถ้าไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมใด ๆ ในช่วงเวลา 358.5 ชั่วโมงดังกล่าว จะใช้พลังงานไฟฟ้าไปถึง 80 หน่วย


นั่นคือ ภายในเวลาประมาณ 15 วัน ถ้ามีการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมแสงสว่าง หลอดไฟฟ้าขนาด 36 วัตต์จำนวน 4 หลอด สามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 43 หน่วย


หรือลดลงได้จากสภาพที่ไม่มีการควบคุมถึงกว่าเท่าตัว (ไม่ควบคุมใช้ 80 หน่วย ถ้าควบคุมใช้เพียง 37 หน่วย)


กล่าวให้ง่ายขึ้นจะได้ว่า เราได้ใช้ไฟฟ้าเกินความจำเป็นไปถึง 2.2 เท่าตัว

ทีนี้ลองมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย เป็นตัวเงินกันบ้างซึ่งพอจะทำให้เรารู้สึกรู้สาขึ้นมาบ้าง


ถ้าค่าไฟฟ้าหน่วยละ 3.50 บาท จากหลอดไฟ 36 วัตต์จำนวน 4 หลอด ภายใน 15 วัน เราสามารถประหยัดได้ประมาณ 150 บาท ดังนั้นในเวลา 1 ปีเราสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 3,600 บาท


เล่ามาตั้งนาน ผมยังไม่ได้บอกเลยว่า อุปกรณ์ควบคุมนี้คืออะไร ราคาเท่าไหร่ และหาซื้อได้ที่ไหน อุปกรณ์ชนิดนี้เรียกว่าพีไออาร์เซนเซอร์ (PIR sensor ย่อมาจาก Passive InfraRed sensor ค้นรายละเอียดรวมทั้งวงจรได้จากอินเตอร์เนต หาซื้อได้จากร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นร้านใหญ่ ๆหน่อย) ราคาตามที่นักศึกษาบอกคือ 1,705 บาท


นั่นก็คือ ถ้าควบคุมดังที่กล่าวแล้ว เราสามารถได้ทุนคืนจากค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ภายในเวลาประมาณครึ่งปีเท่านั้น


สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ ในโครงงานชิ้นนี้นักศึกษาภาควิชาฟิสิกส์เขาติดตั้งกันเองครับ นอกจากจะติดตั้งกันเองแล้ว พวกเขาจะต้องจ่ายค่าอุปกรณ์เองด้วยเพราะคณะไม่มีนโยบายจะออกค่าใช้จ่ายให้นักศึกษา


หลังจากการนำเสนอผลการศึกษาต่อเพื่อนๆ ในชั้นเรียนเสร็จแล้ว ผมสังเกตได้ว่า นักศึกษาบางคนมีความภูมิใจในผลงานและในตัวเองมาก มีอยู่คนหนึ่งมาชวนผมคุยเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมว่า “ตอนนี้ทะเลสาบสงขลาเป็นอย่างไรบ้างครับ เสื่อมโทรมไปเยอะไหม ตอนอยู่ที่โรงเรียนเก่าผมเคยไปร่วมกิจกรรมฟื้นฟูทะเลสาบ”


จากคำถามนี้ ผมคิดว่าประกายไฟแห่งการสร้างสรรค์ท้องถิ่นตามคำขวัญของวิชาที่ว่า “ห่วงใยโลกกว้าง สรรค์สร้างท้องถิ่น” ของนักศึกษาท่านนี้ยังคงมีพลังอยู่และพร้อมจะลุกโชนขึ้นทันทีเมื่อมีปัจจัยเกื้อหนุนพร้อม


ยังมีโครงงานดี ๆ ของนักศึกษาอีกหลายชิ้น ผมจะพยายามนำมาเล่าเมื่อมีโอกาส อนึ่ง ผมได้ขอให้นักศึกษาทุกกลุ่มได้สรุปผลการศึกษาของตนเองเพื่อเสนอต่อผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ผมอยากจะให้เขาเขียนลงสื่อสาธารณะด้วย แต่ต้องเรียนตามตรงว่า นักศึกษาของเรา(อาจจะรวมถึงสถาบันอื่นด้วย) ยังขาดทักษะในการเขียนและการสื่อสารเป็นอย่างมาก


กระบวนการของวิชาวิทยาเขตสีเขียว ไม่ได้พอใจอยู่แค่ผลการศึกษาในกระดาษเท่านั้น แต่ต้องการขยายผลการศึกษาออกไปสู่การปฏิบัติจริงในสังคมวงกว้างด้วย


กล่าวเฉพาะการใช้พลังงานของคนไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ถือว่าประเทศเรายังมีการใช้ที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือใช้อย่างฟุ่มเฟือยมาก เราต้องช่วยกันปรับปรุงตนเองทุกภาคส่วนครับ


ขอขอบคุณนักศึกษากลุ่มนี้ที่นำความรู้ใหม่มาให้ผม แล้วผมก็ทำหน้าที่ขยายผลสู่สังคมวงกว้างต่อไปครับผมขออนุญาตทิ้งท้ายบทความนี้ด้วยคำพูดของใครก็ไม่ทราบได้ แต่ผมเห็นด้วย อยู่ในหนังสือ “หันหน้าเข้าหากัน” โดย มาร์กาเร็ต เจ. วีตเลย์ ว่า

ไม่มีอำนาจใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าที่ผู้คนในชุมชนได้ค้นพบสิ่งที่พวกเขาห่วงใย”

 

 

 

บล็อกของ ประสาท มีแต้ม

ประสาท มีแต้ม
    “คดีโลกร้อน” เป็นชื่อที่ใช้เรียกคดีที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้องผู้บุกรุกป่า ผู้บุกรุกต้องชดใช้ค่าเสียหาย  ที่ผ่านมามีเกษตรกรถูกฟ้องดำเนินคดีไปแล้วหลายสิบรายทั่วประเทศ ในช่วงปี 2549-52 ในจังหวัดตรังและพัทลุงมีราษฎรถูกดำเนินคดีไปแล้ว 13 ราย ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว 7 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินคดี 6 ราย กรมอุทยานฯ ได้เรียกค่าเสียหาย 20.306 ล้านบาท แต่ศาลพิพากษาให้จ่าย 14.76 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี
ประสาท มีแต้ม
    ขณะนี้รัฐบาลกำลังคิดค้นโครงการประชานิยมหลายอย่าง คาดว่าจะประกาศรายละเอียดภายในต้นปี 2554   ทั้งนี้เพื่อรองรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ทำไปทำมานโยบายประชานิยมที่เริ่มต้นอย่างประปรายตั้งแต่รัฐบาลคึกฤทธิ์ ปราโมช (2518) และเริ่มเข้มข้นมากขึ้นในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จะเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้เสียแล้ว บทความนี้จะกล่าวถึงนโยบายประชานิยมในเรื่องค่าไฟฟ้าสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้ารายย่อยไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน โครงการนี้เกิดในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช (2551) และใช้ต่อกันมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันและในอนาคตด้วย ผมได้มีโอกาสคุยกับผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยในชนบท…
ประสาท มีแต้ม
    คำนำ เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่า ขณะนี้สังคมไทยเรากำลังมีความขัดแย้งรุนแรงครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ จนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาหลายชุด หนึ่งในนั้นคือ คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) โดยมีคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดนี้ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นขึ้น โดยขึ้นคำขวัญซึ่งสะท้อนแนวคิดรวบยอดของการปฏิรูปประเทศไทยว่า “ลดอำนาจรัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ” ผมเองได้ติดตามชมการถ่ายทอดโทรทัศน์จากรายการนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ทราบถึงเจตนารมณ์ในการรับฟังความคิดเห็น ได้ชมวีดิทัศน์ที่บอกถึง “ความเหลื่อมล้ำ” …
ประสาท มีแต้ม
  “...ถ้าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงขึ้น 1 องศาเซียลเซียส ความถี่ที่จะเกิดพายุชนิดรุนแรงจะเพิ่มขึ้นอีก 31% ... ในปี พ.ศ. 2643 อุณหภูมิดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2 องศา”   “ผลการวิจัยพบว่า ค่าความเสียหายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจจะมากกว่าผลผลิตทางเศรษฐกิจของคนทั้งโลก ทั้งนี้ภายในก่อนปี พ.ศ. 2608”  
ประสาท มีแต้ม
ขณะนี้ทางรัฐบาลโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (หรือ กฟผ.) กำลังเสนอให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาด 700 เมกกะวัตต์  ชาวหัวไทรที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้อาจเกิดความสงสัยหลายอย่าง เป็นต้นว่า 1.โรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกกะวัตต์นั้น มันใหญ่เท่าใด ไฟฟ้าที่ผลิตมาได้จะใช้ได้สักกี่ครอบครัวหรือกี่จังหวัด
ประสาท มีแต้ม
    คำว่า “ไฟต์บังคับ” เป็นภาษาในวงการมวย  หมายความว่าเมื่อนักมวยคนหนึ่ง(มักจะเป็นแชมป์) ถูกกำหนดโดยองค์กรที่เกี่ยวข้องว่า ครั้งต่อไปนักมวยคนนี้จะต้องชกกับใคร จะเลี่ยงไปเลือกชกกับคนอื่นที่ตนคิดว่าได้เปรียบกว่าไม่ได้
ประสาท มีแต้ม
  ๑.  คำนำ บทความนี้ประกอบด้วย 6 หัวข้อย่อย ท่านสามารถอ่านหัวข้อที่ 6 ก่อนก็ได้เลย เพราะเป็นนิทานที่สะท้อนปัญหาระบบการศึกษาได้ดี เรื่อง “โรงเรียนสัตว์”   ถ้าท่านรู้สึกสนุกและเห็นคุณค่าของนิทานดังกล่าว (ซึ่งทั้งแสบ ทั้งคัน) จึงค่อยกลับมาอ่านหัวข้อที่ 2  จนจบ หากท่านไม่เกิดความรู้สึกดังกล่าว  ก็โปรดโยนทิ้งไปได้เลย ๒. ปัญหาของการศึกษากระแสหลักคืออะไร
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ ชื่อบทความนี้อาจจะทำให้บางท่านรู้สึกว่าเป็นการทอนพลังของการปฏิรูป ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่ผมขอเรียนว่า ไม่ใช่การทอนพลังครับ แต่เป็นการทำให้การปฏิรูปมีประเด็นที่เป็นรูปธรรม สัมผัสได้ชัดเจน สามารถปฏิบัติได้ง่าย รวดเร็ว  เมื่อเทียบกับการปฏิรูปมหาวิทยาลัย ปฏิรูปการศึกษาที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ผมได้ตรวจสอบประเด็นของการปฏิรูปของคณะกรรมการชุดที่คุณหมอประเวศ วะสี เป็นประธานแล้วพบว่า ไม่มีประเด็นเรื่องนโยบายพลังงานเลย บทความนี้จะนำเสนอให้เห็นว่า (1) ทำไมจะต้องปฏิรูปนโยบายพลังงานในทันที  (2) จะปฏิรูปไปสู่อะไร และ (3) ทำอย่างไร เริ่มต้นที่ไหนก่อน  …
ประสาท มีแต้ม
“ในการเดินทาง เรามักใช้ยานพาหนะช่วย   แต่ในการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical) เราใช้อะไรเป็นเครื่องมือหรือเป็นพาหนะ”
ประสาท มีแต้ม
“คุณรู้ไหม คนเราสามารถคิดได้เร็วกว่าที่อาจารย์พูดถึงสี่เท่าตัว ดังนั้น เราสามารถฟังและจดโน้ตดี ๆ ได้”   1.    คำนำ ในแต่ละปีผมพบว่า นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง (ซึ่งยังสด ๆ และมองชีวิตในมหาวิทยาลัยแบบสดใสอยู่) จำนวนมากใช้วิธีจดเลคเชอร์ของแต่ละวิชาลงในสมุดเล่มเดียวกัน  เมื่อสอบถามได้ความว่า ค่อยไปลอกและทั้งปรับปรุงแก้ไขลงในสมุดของแต่ละวิชาในภายหลัง  
ประสาท มีแต้ม
1.    คำนำ เราคงยอมรับร่วมกันแล้วว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงทั้งในระดับความคิด ความเชื่อทางการเมือง และวัฒนธรรมซึ่งนักสังคมศาสตร์จัดว่าเป็นโครงสร้างส่วนบน และความขัดแย้งทางเศรษฐกิจที่รวมศูนย์ การแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติและการทำลายสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานของสังคม  ความขัดแย้งเชิงโครงสร้างทั้งสองระดับนี้กำลังวิกฤติสุด ๆ จนอาจพลิกผันนำสังคมไทยไปสู่หายนะได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ ภาพที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นปกหน้าและหลังของเอกสารขนาดกระดาษ A4 ที่หนาเพียง 16 หน้า แม้ว่าหลายท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับศัพท์แสงที่ปรากฏ แต่ผมเชื่อว่าแววตาและท่าทางของเจ้าหนูน้อยในภาพคงทำให้ท่านรู้สึกได้ว่าเธอทึ่งและมีความหวัง บรรณาธิการกรุณาอย่าทำให้ภาพเล็กลงเพื่อประหยัดเนื้อที่ เพราะจะทำให้เราเห็นแววตาของเธอไม่สดใสเท่าที่ควร เอกสารนี้จัดทำโดย “สภาเพื่ออนาคตโลก” หรือ World Future Council (WFC) ค้นหาได้จาก www.worldfuturecouncil.org