สุขลุลาภได้.....................ชัยประเสริฐยอถืง
เลิงๆเบยบานสุข...............ทุกข์อย่าเวินมาต้อง
ความหมองเหยหายเสี้ยง....เหลือเพียงความซ้อยชื่น
หมื่นปีสุข์อยู่สร้าง..............ปางฟ้าสหง่างาม....ท่านเอ๋ย
กาลเลยล่วงข้าม...............เป็นยามโชคปางชัย
ให้ท่านใสเรืองรอง.............ดั่งนิลจินดาแก้ว
แนวใดดีโฮมเต้า................ความเสร้าหมองอย่าได้จวบ
คบขวบเค้าชั่วฟ้า................นิรันดรกล้าแก่นแขง
2011 ยิ่งแฮ่งเพี้ม...............เติมตึ่มพลังคุณ
บุญให้ไหลโฮมมา...............ชื่นอุราบานแย้ม
เหมือนมาลาแซมก้าน...........บานบ่อเหยหอมกลิ่น
ทุกถิ่นลาวเผ่าเชื้อ...............อาไสซ้นเพิ่งภา...หั้นท้อน
อยู่อเมกากอให้ได้...............เงินกอบกำหาม
อยู่สยามเมืองไทย์...............ก่อดั่งเดียวโดยด้าม
อยู่ทางเจแปนพุ้น................เยอรมันกอโดยดั่ง
อยู่ฝรั่งกอให้ได้..................เงินตึ้ก่ายกอง
อยู่ทางแถวเขตห้อง.............ถานถิ่นนีวเซอแลน
แผ่นดินใดมีคนลาว..............กอให้รวยเหลือล้น
คนลาวเนาแดนเค้า..............เมืองลาวให้สุขยิ่ง
เงินคำไหลกลี้งเข้า..............โฮมเต้าตื่มมี
ให้ท่านเป็นเศรษฐีขื้น...........เพื่อช่วยชาติพัฒนา
ช่วยประชาให้หายจน............ให้ทุกคนรวยล้น
ผลบุญที่เคยสร้าง................ปางใดกอแล้วแต่
ให้โชคดีแท้ๆ......................มีเงินตึ้หมื่นตีว
สุข์ให้แล่นเลาะลี้ว..............โฮมหมู่ขนเฮา
ให้ขาวฮองๆใส..................โรคภัยอย่ามาต้อง
ปีทองมาถืงแล้ว.................แนวราคีอย่าเคียนคาด
พยาธิทั้งโรคร้าย...............อย่ามาต้องเบียดคีง....ท่านเอ๋ย
บล็อกของ แสงพูไช อินทะวีคำ
แสงพูไช อินทะวีคำ
น้องกล่าวว่าสะพานข้ามของโยงใจรัก
เชื่อมสัมพันธ์แน่นหนักสองฝั่งของ
แต่อ้ายว่าสะพานขัวนั้นมันเชื่อมโยง
สองฝั่งของของน้องพี่คู่เคียงกัน
แสงพูไช อินทะวีคำ
สุขลุลาภได้.....................ชัยประเสริฐยอถืง
เลิงๆเบยบานสุข...............ทุกข์อย่าเวินมาต้อง
ความหมองเหยหายเสี้ยง....เหลือเพียงความซ้อยชื่น
หมื่นปีสุข์อยู่สร้าง..............ปางฟ้าสหง่างาม....ท่านเอ๋ย
แสงพูไช อินทะวีคำ
คนสมัยนี้ ช่างแปลกดี เปลี่ยนแปลงไป
ลบทิ้งได้ ความดีงาม ที่มีอยู่
ความดีแท้ เขาสร้างสรรค์ ครารุ่นปู่
ไม่เหลืออยู่ คนรุ่นนี้ ลบทิ้งไป
แสงพูไช อินทะวีคำ
เดือนสว่างพรางแพรวแล้วแก้วตา คราตามองยังไม่ชัดดูมืดมัว ไม่ใช่ว่ากลัวผีคืนเดือนดับเป็นสลัว เพราะตามัวหรือมั้ยรู้จริงดูขรึม
แสงพูไช อินทะวีคำ
แสงพูไชย อินทะวีคำ เขียนสุมาตร ภูลายยาว แปล จำปีพยายามปั่นจักรยานเก่าๆ คู่ชีพของตนไปตามถนนเรื่อยๆ ทั้งวันตามคำแนะนำของป้าจำเริญ ที่หลายคนขนานนามให้แก่ว่า ‘คุณป้าแสนรู้' เพราะคนจะขายบ้านอยู่ตรงไหน ถนนใด ซอยใด คุ้มใดในขอบเขตเมืองเวียงจัน ไม่เป็นอันหลุดรอดสายตาป้าไปได้ จำปีทั้งปั่นทั้งยกมือขึ้นเอาชายเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาราวกับน้ำจากรางริน เพราะความร้อนของอากาศเมืองเวียงจันในช่วงเดือน ๕ ของปี ๒๐๐๓
แสงพูไช อินทะวีคำ
เขียน: แสงพูไชย อินทะวีคำ แปล: สุมาตร ภูลายยาว แม้จะบิดเร่งคันเร่งเท่าไหร่ รถจักรยานยนต์ยังวิ่งช้าเหมือนเต่าคลาน ที่เป็นอย่างนี้คงเพราะความเร่งรีบอย่างไปถึงไปรษณีย์ให้เร็ว เพราะชั่วโมงทำงานใกล้มาถึง มือบิดคันเร่งพอๆ กับหัวใจที่ร้อนรนกลัวไม่ทันเวลา สายตาจึงต้องเพ่งมองไปตามถนนเพื่อหลบรถคันแล้วคันเล่าก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปสู่ไปรษณีย์กลาง
แสงพูไช อินทะวีคำ
พระอาทิตย์ยามใกล้ค่ำสาดแสงอ่อนๆ ลอดผ่านปลายไม้ตามถนนล้านช้าง บนถนนรถยังคงแน่นขนัดวิ่งสวนกันไปมา ข้าพเจ้าประคับประคองร่างกาย ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่าช้าๆ สายตามองสองส่องหาเศษขยะ ปากก็กลืนน้ำลายลงคอ สมองก็เริ่มคิดว่า ในบรรดาถังขยะเหล่านั้นจะมีสิ่งใดที่พอทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิตรอดต่อไปอีกหนึ่งวัน
แสงพูไช อินทะวีคำ
ที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง บนริมถนนล้านช้าง เช้าเช้าอย่างนี้เป็นเวลาที่ผู้คนกำลังเดินเข้าเดินออกเพื่อที่จะมาลิ้มรสกาแฟปากช่องที่ขึ้นชื่อที่สุด ชายหนุ่มชื่อต่ายเดินไปในร้านกาแฟ แกมองซ้ายมองขวา ก่อนที่จะนั่งลง อีกไม่ถืงสามนาที ก็มีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบกว่านิดๆ เดินเข้ามานั่งลงม้านั่งด้านตรงกันข้าม เสียงสนทนาแว่วๆ เข้าหู "นึกว่าพี่จะไม่มา""ไม่มาได้ไง?""ขอบคุณค่ะ""ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว""ไอ้เรื่องไหนๆ ที่พี่ว่ามีความหมายว่าอย่างไร?""ไม่มีอะไรหรอก คิดมากไป...""ถามจริงๆเถอะ...พี่ชอบหนูจริงหรือเปล่าคะ?""เรื่องนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ไช่หรือ? ทำไมต้องคุยอีก""ก็กลัวพี่ไม่รักหนูจริงนี่นา"
แสงพูไช อินทะวีคำ
สมสีเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อเผย ชาวบ้านต่างกล่าวขานกันว่า เป็นผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อมด้วยสมบัติบารมี ตรงตามตำราโบราณ รูปร่างสมส่วน ผิวขาวเหมือนไข่ปอก เข้ากับภาษิตที่ว่า ‘ตีนมือสวยลงน้ำหมานปลา ตีนมือหว้าลงนาหมานข้าว ไผได้เอาฮ่วมซ้อนคำไร้แม่นบ่มี’ เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านห้วยจิก วันนี้จ่อยกลับจากไปสู่ขวัญบ้านใต้ มองเห็นพ่อเผยกำลังนั่งเหลาตอกอยู่เพียงลำพัง จึงร้องทักอย่างคนคุ้นเคย “พ่อเผยเอ้ย! ข้อยขอเป็นลูกเขยได้บ่” จ่อยทั้งร้องทักทั้งส่งเสียงหัวเราะแหะๆ “บักจ่อย! มึงกล้าแต่ฮ้องใส่กูนี้แล้ว ถ้ามึงกล้าเว้ากับอี่สี แล้วมันตกลงแต่งงานกับมึง กูจะบ่ขัดทั้งสิยกให้มึงโลด”…
แสงพูไช อินทะวีคำ
พอเข้าบ้านปุ๊บ เสียงแปลกประหลาดก็วิ่งเข้าสู่รูหูทันที เสียงแบบนี้ข้าพเจ้าไม่คุ้นหูเอาเสียเลย และมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับภรรยาสุดที่รักของข้าพเจ้าสักครั้ง เธอนั่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก น้ำมูกย้อยเหมือนได้รับความระทมขมขื่นอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ข้าพเจ้าสืบเท้าเข้าไปหาเธอ เพื่อถามไถ่เรื่องราวต่างๆ แต่ข้าพเจ้าต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ เมื่อเธอชี้หน้าทำตาขวางเหมือนจะบดขยี้ข้าพเจ้าให้แหลกคามือ คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอไม่ต่างอะไรกับน้ำที่ไหลออกมาจากรางรินรับน้ำฝน ข้าพเจ้าฟังจนเกือบไม่ทัน เธอพูดว่า ''เจ้ามันบ้า! บ้าแท้ๆ! เจ้าบ่มีเวียกบ่? เดี๋ยวนี่คำเว้าของชาวบ้านแล่นเข้าหูข้อยจนล้นออกมาแล้ว…